พระโพธิธรรมาจารย์เถร (หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ) วัดป่าเขาน้อย อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
ชีวประวัติ
พระโพธิธรรมาจารย์เถร (พระสุวโจ หลวงปู่สุวัจน์)
วัดป่าเขาน้อย อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ มีชาติกำเนิดในสกุล "ทองศรี" มีนามเดิมว่า "สุวัจน์"
เกิดวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๒ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม ณ ตำบลตากูก
อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
โยมบิดาชื่อ บุตร โยมมารดาชื่อ "กึ่ง" มีพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวนทั้หมด ๕ คน โดยมีพี่ชาย ๒ คน
และน้องสาว ๒ คน
การศึกษา
จบการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนวัดกระพุมรัตน์ บ้านตากูก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้เรียนวิชาชีพกับช่างทองจนมีความรู้พอประกอบอาชีพได้
สู่เพศพรหมจรรย์
บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๙ ปี และต่อมาอายุครบ ๒๐ ปี ในปี พ.ศ.๒๔๘๒ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ วัดพระพุมรัตน์ อันเป็นวัดมหานิกายที่บ้านเกิดของท่านนั่นเอง
ภายหลังอุปสมบทได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา
สอบได้นักธรรมตรีและโท ในปีพ.ศ.๒๔๘๓ และ๒๔๘๔ ตามลำดับ
ในปีนั้นเองที่หลวงปู่จบการศึกษาในระดับนักธรรมโท ท่านญัตติใหม่ในธรรมยุติกนิกาย ณ วัดสุทธจินดา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพระธรรมฐิติญาณ(สังข์ทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทองดี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า "สุวโจ"
พบพ่อแม่ครูอาจารย์
ภายหลังญัตติใหม่แล้ว หลวงปู่ได้กลับไปจำพรรษา ณ วัดป่าศรัทธารวม เป็นเวลา ๒ พรรษา จากนั้นได้เริ่มออกธุดงค์ไปจำพรรษา ณ วัดต่าง๐ ในแถบภาคอีสาน ดังนี้
ในปีพ.ศ.๒๔๘๖ จำพรรษาที่วัดป่าพระสถิต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
พ.ศ.๒๔๘๗ ณ วัดโยธาประสิทธิ บ้านห้วยเสนง จังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่ได้อยู่จำพรรษาเพื่ออยู่ดูแลโยมบิดามารดาของท่าน และยังเป็นที่ได้พบและจำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นคร้งแรกอีกด้วย
พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๒ ณ วัดป่าภูธรพิทักษ์ ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ได้อยู่จำพรรษาเพื่อศึกษาธรรมปฏิบัติและดูแลอุปฏฐากหลวงปู่ฝั้น อาจารโร ตามคำสั้งของหลวงปู่มั่น
ในขณะเดียวกัน เมื่อถึงช่วงเวลาออกพรรษา หลวงปุ่สุวัจน์จะขออนุญาตกราบลาหลวงปู่ฝั้น ไปฟังโอวาทจากหลวงปู่มั่นหลายครั้ง จนรู้สึกเหมือนไปๆมาๆ ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่มั่น พักจำพรรษาในช่วงปัจฉิมวัยของท่าน
ไม่ห่างพระอาจารย์
หลังจากที่หลวงปู่มั่นมรณภาพในปีพ.ศ.๒๔๙๓ หลวงปู่สุวัจน์จึงได้กราบของอนุญาตหลวงปู่ฝั้นออกเดินธุดงค์เพื่อปฏิบัติสมณธรรมตามที่ต่างๆไปในหลายจังหวัดทั้งทางภาคอีสานและภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคใต้ ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต นานถึง ๗ พรรษาโดยไม่ติดต่อกัน
ในภาคอีสาน ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดหนองคาย สุรินทร์ และสกลนคร
พ.ศ.๒๕๐๕ จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่ฝั้นที่สำนักสงฆ์ถ้ำขาม ตำบลบ้านไร่ อำเภอพรรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
และอีกครั้งในปีพ.ศ.๒๕๐๘ ที่วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
ในช่วงปัจฉิมวัยของหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่สุวัจน์ได้คอยเอาใจใส่ดูแลหลวงปู่ฝั้นอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๑๕ ที่สำนักสงฆ์ถ้ำศรีแก้ว ตำบลสร้างค้อ อำเภอกุดบาก จัหวัดสกลนคร จวบจนหลวงปู่ฝั้นมรณภาพ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๐ และมีงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ฝั้น เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๑
นอกจากนี้หลวงปู่่สุวัจน์ ยังได้เรียบเรียงอาจารมหาเถระประวัติลงในหนังสืออาจาราภิวาท ซึ่งเป็นหนังสือที่ระลึกในงานบรรจุอัฐิ และเปิดพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๔
นับได้ว่า หลวงปู่ได้ทำการสนองคุณครูบาอาจารย์ที่ท่านเคารพสักการะได้อย่างเรียบร้อย สมบูรณ์และงดงามอย่างยิ่ง สมกับที่เป็ฯ "ศิษย์ต้น" หรือ "มือขวา" ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
คุณประโยชน์ต่อพระศาสนา
หลังจากเสร็จพิธีเปิดพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฝั้นแล้ว หลวงปู่ได้เดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะพระธรรมฑูต และจำพรรษาที่นั่นในปีพ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๓๘ พ.ศ.๒๕๒๙ ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการคณะธรรมยุต
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ "พระโพธิธรรมาจารย์เถร"
ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา หลวงปู่ได้ตั้งวัดป่าขึ้น ๒ แห่ง คือ วัดภูริทัตตวนาราม และวัดเมตตาวนาราม ซึ่งเป็นวัดป่าตามแนวปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อเป็นศูนย์อบรมและปฏิบัติจิตตภาวนาของชนทุกชาติชั้น และทุกภาษา โดยมีประชาชนทั้งไทย ลาว เชมร ญวน และชาวอเมริกัน ให้ความสนใจและมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
กลับมาตุภูมิ
หลังจากที่หลวงปู่จำพรรษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกานานถึง ๑๕ ปี หลวงปู่ได้กลับมาจำพรรษาที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.๒๕๓๙ ณ วัดป่าเขาน้อย อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์เป็นครั้งแรก
ละสังขารอย่างสงบ
วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๕ เวลา ๑๓.๑๒ น.
(เรียบเรียงโดย ท่องเที่ยวธรรม ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสืออนุสรณ์พิพิธภัณฑ์ฉันทรกรานุสรณ์ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี)
คติธรรมคำสอน
๑ เราสามารถประพฤติตนอยู่ในกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
๒ ทำให้สมบูรณ์บริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในโลกนี้ก็มีความสุข ละโลกนี้ไปแล้วก็มีความสุข
๓ สวดมนต์..หัดสวดเองให้ได้ เหมือนกับเรามีของของเราเอง ถ้าต้องเปิดหนังสือสวดก็เหมือนกับไปยืมของเขามาใช้ ในที่สุดก็ต้องคืนเขา
๔ เอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาบริหารร่างกายและจิตใจ ไม่ให้มีโทษมีภัย เป็นเวรเป็นภัย เช่น พิจารณาจีวร เครื่องนุ่งห่มก็ทำให้สะอาด ไม่ให้สิ่งที่สกปรกหรือเชื้อโรคติดอยู่ จะทำให้เป็นโรคได้ อาหารก็พิจารณาที่ถูกธาตุขันธ์ ไม่กินอะไรที่เป็นโทษกับร่างกาย
ฯลฯ
--------------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น