วัดบ้านไร่ หรือวัดหลวงปู่คูณ ปริสุทโธ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุดทด จ.นครราชสีมา
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ เดือน ก.พ.๖๔ ท่องเที่ยวธรรม เดินทางไปนมัสการพระรัตนตรัยที่วัดบ้านไร่ หรือวัดหลวงพ่อคูณ
จึงบันทึกประวัติ สารธรรมให้ผู้อ่านได้อ่านกันครับ
วัดบ้านไร่ตั้งอยู่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีชื่อเสียงเนื่องจากพระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) พระเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
ประวัติ
วัดบ้านไร่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 ในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกได้มีการก่อสร้างศาสนอาคารต่างๆ ขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาสได้มีการพัฒนาวัดมากที่สุด ด้วยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
ประวัติพระเทพวิทยาคม หรือหลวงปู่คูณ ปริสุทโธ
ข้อมูลวิกีพีเดีย
----------------------------------
ประวัติย่อ
เกิด 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466
ตำบลกุดพิมาน
อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
มรณภาพ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา
อายุ 91 ปี 224 วัน
อุปสมบท 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487
พรรษา 71
วัด วัดบ้านไร่
จังหวัด นครราชสีมา
สังกัด มหานิกาย
ตำแหน่ง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11
เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
ประวัติหลวงปู่คูณ ปริสุทโธ
หลวงปู่คูณ เกิดในชื่อและนามสกุลทางโลกคือ คูณ ฉัตร์พลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายคนโตของบุญ (บิดา) และทองขาว (มารดา) ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาสามคนคือ
พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ)
นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ (เป็นหญิง)
นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์ (เป็นหญิง)
โยมบิดามารดาของหลวงพ่อคูณ เสียชีวิตลงขณะที่ลูกทั้งสามยังเด็ก เด็กชายคูณกับน้องสาวทั้งสอง จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว สมัยที่เด็กชายคูณมีอายุราว 6-7 ขวบ เข้าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ, พระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม นอกจากนี้พระอาจารย์ทั้งสาม ยังอบรมสั่งสอนคาถาอาคม เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ให้ด้วย เด็กชายคูณจึงมีความรู้ในวิชาไสยศาสตร์มาแต่บัดนั้น
อุปสมบท
คูณ ฉัตร์พลกรัง อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ปีวอก อุปัชฌาย์ให้ฉายาว่า ปริสุทฺโธ
หลังจากนั้น หลวงพ่อคูณฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด ทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คน และลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
หลวงพ่อคูณอยู่ปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้เป็นเพื่อนกัน ต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ เวลาล่วงเลยมานานพอสมควร กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่า ลูกศิษย์ของตนมีความรอบรู้ ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริก ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป ระยะแรกหลวงพ่อคูณธุดงค์จาริก อยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา จากนั้นจึงจาริกไกลออกไป กระทั่งถึงประเทศลาว และประเทศกัมพูชา มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา และอุปาทานทั้งปวง
หลังจากที่พิจารณา เห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตแดนทางจังหวัดสุรินทร์ สู่จังหวัดนครราชสีมา กลับสู่ถิ่นเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดำริให้ก่อสร้างวัด ให้เป็นถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างพระอุโบสถเมื่อ พ.ศ. 2496 นอกจากนั้น หลวงพ่อคูณยังดำริให้สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้เพื่ออุปโภคและบริโภค ทั้งจัดสร้างโรงเรียนวัดบ้านไร่ เพื่อการศึกษาของเยาวชนละแวกนี้อีกด้วย
สมณศักดิ์
12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 : เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระญาณวิทยาคมเถร
10 มิถุนายน พ.ศ. 2539 : เป็นพระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชวิทยาคม อุดมกิจจานุกิจจาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 : เป็นพระราชาคณะชั้นเทพฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระเทพวิทยาคม อุดมธรรมสุนทร ปสาทกรวรกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
รุ่งเช้า วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม เมื่อเวลา 10:00 น. คณะแพทย์ผู้รักษารายงานว่า มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นผลให้มีเลือดออกในช่องทรวงอก จึงทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์จึงทำการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง สำหรับภาวะไตหยุดทำงาน คณะแพทย์ใช้เครื่องไตเทียมทำการฟอกเลือด
จนกระทั่งเวลา 11:45 นาฬิกา คณะแพทย์ออกประกาศแจ้งว่า พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ) มีอาการโดยรวมทรุดลง จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพลงขณะทำการรักษา ภายในห้องอายุรกรรมผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พวงมาลา 12 พวง โดยมอบหมายให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมทั้งพระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเป็นกรณีพิเศษ
ในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562 พิธีพระราชทานเพลิงพระศพหลวงพ่อคูณจัดขึ้น ณ เมรุชั่วคราว วัดหนองแวงพระอารามหลวง พุทธมณฑลอีสาน จังหวัดขอนแก่น
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
____________________________________________________
วิหารเทพวิทยาคม
วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู่ที่วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก ทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด
ความสวยงามและโดดเด่นของวิหารเทพวิทยาคม เห็นจะหนีไม่พ้น...การรังสรรค์อันแสนงดงามของศิลปะแทบทุกแขนง มีลักษณะป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ อาคารทรงกลม มีทั้งหมด 4 ชั้น (ไม่รวมชั้นใต้ดิน) ซึ่งแต่ละชั้นมีความสวยงามและน่าสนใจแตกต่างกันไป รวมถึงยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกมากมาย เช่น เรื่องราวพุทธประวัติ, เรื่องราวของพระวินัยปิฎกและวิวัฒนาการของพระพุทธศาสนาหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และเรื่องราวของพระธรรมปิฎก เป็นต้น ทั้งนี้แต่ละชั้นของวิหารเทพวิทยาคมประกอบด้วยสิ่งที่น่าสนใจดังนี้
ชั้นใต้ดินของวิหารเทพวิทยาคม
ชั้นใต้ดินของวิหารเป็นส่วนจัดแสดงและให้ผู้เข้าชมได้เลือกรับของที่ระลึกจากเงินทำบุญของท่านผู้เข้าชมเอง บรรยากาศโดยรอบจัดตกแต่งให้เสมือนท่านได้อยู่ในท้องนทีอันศักดิ์สิทธิ์ หรือโลกใต้บาดาล โดยของที่ระลึกอันเป็นมงคลนั้น ผู้เข้าชมสามารถเลือกได้ตามความหมายอันเป็นสิริมงคลตามที่ท่านต้องการ ซุ้มของที่ระลึกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ
ส่วนแรก ๆ คือ บริเวณโถงกลาง เรียกว่า ซุ้มของที่ระลึก เพชร 7 สี มณี 7 แสง เป็นการบูชาลูกปัดสีต่าง ๆ โดยเลือกเสี่ยงทายตามสถานะหรืออาชีพการงานของบุคคลนั้น ๆ
ส่วนที่ 2 รายล้อมโซน เพชร 7 สี มณี 7 แสง ประกอบไปด้วย เจ็ดสิ่งนำโชคในโลกใต้บาดาล อันมีความหมายมงคลตามความเชื่อจากหลากหลากประเทศในโลก ได้แก่
1. มังกร+ลูกแก้ว : ขอพรและคำทำนาย เรื่องความมีโชคลาภ วาสนา
2. พญานาค : ขอพรและคำทำนาย เรื่องร่ำรวยเงินทอง
3. ปลาอานนท์ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องสุขภาพ ความแข็งแรง มีกำลัง
4. จระเข้ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องการสะสมบุญ ความเมตตา เพื่อจะได้รับเมตตาจากเจ้านายและเป็นที่รัก
5. พญาเต่า : ขอพรและคำทำนาย เรื่องอายุยืน
6. ปลาม้าน้ำ : ขอพรและคำทำนาย เรื่องชีวิตคู่ยาวนาน สันติภาพ มิตรภาพ
7. ปะการังแดง : ขอพรและคำทำนาย เรื่องเดินทางปลอดภัย
ชั้น 1 วิหารเทพวิทยาคม
"ภาพพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน" ความงามสุดแล้วแต่ปัจเจกมอง แต่ความหมายยิ่งใหญ่แห่งพุทธประวัติ...คงอยู่ชั่วกาลนาน
ภาพที่ 1 พุทธอนุโมทนา (ประสูติ)
ภาพที่ 2 พุทธปัญญา (ตรัสรู้)
ภาพที่ 3 พุทธปาฏิหาริย์ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่าเทวดา)
ภาพที่ 4 พุทธบารมี (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่ากษัตริย์และนักบวช)
ภาพที่ 5 พุทธปีติ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่ชาวบ้าน หมู่มาร และนักบวช)
ภาพที่ 6 ปฐมพุทธศาสน์ (ปรินิพพาน)
ทั้งนี้ เพดาน ภายในห้องจัดแสดงภาพพระพุทธประวัติและต้นโพธิ์อธิษฐาน แสดงถึงบารมีแห่งพระพุทธองค์ เมื่อทรงตรัสรู้แล้วแผ่ไพศาลไปทั่วจักรวาลบรรยากาศ ค่อย ๆ สูงขึ้น จนเหนือชั้นฟ้า เหนือเมฆ ไปจนอสงไขย ไม่มีที่สิ้นสุด
ชั้น 2 วิหารเทพวิทยาคม
"พระวินัยปิฎก นิทรรศการ พระราชาผู้ทรงธรรม และห้องโถงแห่งธรรม"
โดยรอบนำเสนอเรื่องราวของพระวินัยปิฎก และวิวัฒนาการพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน อาทิ ศีล 227 ข้อ และเรื่องราวของนิกายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความพระวินัยและพระธรรมคำสอนในหลากหลายแง่มุม ส่วนพื้นที่สงบเงียบตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่โล่งให้สาธุชนได้อธิษฐานจิต เพื่อเป็นกุศลแก่ตนเอง
ส่วนห้องบริเวณเศียรช้าง เป็นห้องพระราชาผู้ทรงธรรม อันจะเนรมิตให้เป็นนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา ซึ่งท่านคือผู้นำแนวทางแห่งอริยสัจ 4 มาดำเนินเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้พ้นทุกข์ อันจะได้เห็นจากโครงการในพระราชดำริที่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้ปวงชนได้พ้นจาก "ความจน" มาเป็น "ความพอ"
ชั้น 3 วิหารเทพวิทยาคม
"เรื่องราวของพระธรรมปิฎก พระธรรมขันธ์"
จิตรกรรมวิจิตรบนเพดานชั้น 3 เป็นใบโพธิ์มากกว่า 84,000 ใบ เพื่อสอดแทรกคำสอนเรื่องของความเพียร เรียนรู้พระธรรม และยังเป็นเครื่องเตือนใจพุทธศาสนิกชนว่า พระองค์มิได้มุ่งแต่ถ่ายทอดแก่นพระธรรมตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ หากแต่สั่งสอนพระธรรมตามจริตของผู้สดับธรรมนั้น ๆ ด้วย ดังนั้น พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้นเพื่อสั่งสอนผู้คนตามจริต ซึ่งจริตของแต่ละปัจเจกนั้นมิได้เหมือนกันเป็นแบบแผนเดียวกัน การเผยแพร่พระธรรมจึงมิได้มุ่งแต่เพียงเผยแพร่แก่นด้วยวิธีเดียว แต่วิธีในการเผยแพร่ต่อ แต่ละบุคคลก็มีความสำคัญในการที่จะทำให้บุคคลนั้น ๆ เข้าใจซึ่งพระธรรมด้วย
ชั้นดาดฟ้า วิหารเทพวิทยาคม
"ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และรูปหล่อปิดทองคำหลวงพ่อคูณ"
ณ ชั้นบนสุดของหอเทพวิทยาคม ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อหลวงพ่อคูณปิดทองคำ มองสู่เบื้องล่างเพื่อประสาทพรแก่สาธุชนชั่วกาลนาน
นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ วิหารเทพวิทยาคมยังมีเทพพญาสัตว์ต่าง ๆ ให้ได้ชมกัน เพื่อเป็นปริศนาธรรมให้ค้นหา เช่น พญานาค เปรียบเสมือนโอบอุ้มธรรมะของพระพุทธเจ้า สะพานพญานาคคือ ทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกธรรมะ, เทพจำแลง สุนัข 3 หัวเฝ้าประตูนรก แต่ละตัวมีชื่อว่า อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา ซึ่งมีความหมายแห่งการปล่อยวาง, พญาแร้ง สะท้อนให้ระลึกถึงกิเลสที่ชอบซุกอยู่ในใจคนมากที่สุดคือ โลภะ โทสะ และช้างเอราวัณ เป็นต้น
วิหารเทพวิทยาคม
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาสัมผัส
วิหารเทพวิทยาคม ประกอบขึ้นด้วยโมเสกมากกว่า 20 ล้านชิ้น และใช้แรงงานชาวบ้านเป็นผู้ติดอย่างละเอียดด้วยจิตศรัทธาและสมาธิ เพราะ 1 วัน 1 คน สามารถติดเซรามิกโมเสกชิ้นเล็กที่สุดเท่าเม็ดถั่วเขียวได้เพียงไม่เกิน 1 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตามสำหรับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจขอเข้าชม ให้ส่งหนังสือแจ้งความจำนงพร้อมจุดประสงค์ในการเข้าชมล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และทีมงานมัคคุเทศก์น้อย จัดสรรเวลาและเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกในทุกด้าน ส่วนกิจกรรมบุญอิเล็กทรอนิกส์ตามจุดต่าง ๆ ภายในวิหาร กำหนดให้ใช้บัตรเติมบุญ เริ่มต้นความศรัทธาราคา 30 บาท
โดยจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
การเดินทาง
วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู๋ภายในวัดบ้านไร่ สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯมาตามถนนมิตรภาพ ก่อนเข้าตัวเมืองนครราชสีมา ที่หลักกิโลเมตร 237 แยกซ้ายเข้าอำเภอขามทะเลสอ บ้านหนองสรวง ตรงสู่อำเภอด่านขุนทด ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ถึงโรงพยาบาลด่านขุนทดให้เส้นทางหลวงหมายเลข 2217 เป็นระยะทางอีก 11 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดบ้านไร่ หรือสามารถดูพิกัดการเดินทางได้ที่ Google Maps : วิหารเทพวิทยาคม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก วิหารเทพวิทยาคม ปริสุทธปัญญา วัดบ้านไร่ และkapook.com
ท่องเที่ยวธรรม ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ขอสรรพมงคงจงมีแด่ท่าน
เยี่ยมชมผู้สนับสนุน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น