ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เบา โอภาโส วัดป่ากิตติพรพุทธาราม อ.วังยาว จ.นครพนม


๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เบา โอภาโส ๏ 
     วันนี้วันที่​ ๑๔​ มิถุนายน​ ๒๕​๖​๗ เป็น​วันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่เบา โอภาโส วัดป่ากิตติพรพุทธาราม อ.วังยาง จ.นครพนม​ เจริญ​อายุ​วั​ฒ​น​มงคล​ครบ​ ๗๑ ปี​ หลวง​ปู่​เบา โอภาโส ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สนธิ์ พระคัมภีรญาณ วัดสันติการาม บ้านนาโสก อ.นาแก จ.นครพนม​ ประวัติย่อหลวง​ปู่​เบา​ ท่านถือกำเนิด​เมื่อวันที่ ๑๔​ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๖ เดิมชื่อ​ เบา เกิดในสกุล "แสนสุริวงค์" บิดา ชื่อ ต้อง แสนสุริวงค์​ มารดา ชื่อ คำบา แสนสุริวงค์​ มีพี่น้อง ๙ คน ท่านเป็นบุตร คนที่ ๒ เกิดที่บ้านผักขยา ตำบลหนองสังฆ์ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม จบการศึกษา​ระดับ​ชั้น ประถมศึกษา​ ๔​ โรงเรียนวัดบ้านผักขยา​

บรรพชาเป็น​สามเณร​เมื่ออายุ ๑๖ ปี ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๓ โดย​มี เจ้าคุณอดุลย์ สีมากิจ​ เป็น​พระอุปัชฌาย์​ ที่วัดกุดเรือคำ ตำบล ภูสะคาม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร

​อุปสมบท​ เมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม ตำบล เมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม​ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๗​ โดยมี พระวินัยโสภณ เป็น​พระอุปัชฌาย์, พระครูสานกิจวิจาร​ ​เป็น​พระกรรมวาจาจารย์, พระมหาสมศักดิ์ เป็น​พระอนุสาวนาจารย์​ ได้รับฉายา​ทางพระ​พุทธศาสนา​ว่า "โอภาโส"

ตำแหน่งสมณศักดิ์
ปี พ.ศ.๒๕๒๙ เป็นเจ้าอาวาส วัดป่ากิตติพรพุทธาราม จังหวัดนครพนม​​
ปี พ.ศ.๒๕๓๒ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลนาแก
ปี พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อตั้งสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน

เทศนาธรรม​หลวง​ปู่​เบา​ โอภา​โส
ณ​ วัดอโศ​การาม​ จ.สมุทร​ปราการ

"... มาเทศน์วัดอโศการามอยู่นี้เป็นครั้งที่ ๓ ยังไม่เห็นใครบวชสักคน แต่ก็ดีน่ะ ดี ที่ว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ธรรมเท่านั้นชนะทั้งปวง ชนะโลก พระพุทธเจ้าท่านก็อยู่ทางโลกเหมือนกัน เป็นคนมีครอบครัวเหมือนกัน แต่ท่านออกไปหาธรรมอยู่ในป่า ในภู ในเขา หกปี ท่านไปหาทำ นั่นพระองค์ท่านสร้างบารมีมา ๔ อสงไขย แสนมหากัป พวกเราก็คงจะเห็นธรรมในกาลต่อไป

ตามพุทธทำนาย ก็ว่าคนจะหมดไป หมดไป เหลืออยู่ ๓ พรหมโพธิ์ศรี โพธิ์ศรีหนึ่งคือ พระพุทธเจ้า โพธิ์ศรีหนึ่งคือ พระธรรม โพธิ์ศรีหนึ่ง คือ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เหมือนพี่น้องญาติโยม ก็อยู่ในสามร่มโพธิ์ศรี อยู่ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะอยู่ยงคงรอด อยู่ได้ พวกเรานั้น ไปไว้ที่ของใคร ของเรา มีศีลบ้าง ไม่มีศีลบ้าง เผลออีกทีหนึ่ง คนที่เหลือรอดได้ ก็คือ คนมีศีลห้าบริบูรณ์ และ ก็อยู่ได้

ตามพุทธทำนาย มีแนวโน้มถูกต้องที่พุทธทำนาย อาตมาบวชครั้งแรก ปี ๒๕๑๓ ดูตำรับตำรา ไปดูในพุทธทำนาย เขาเรียกหนังสืออาร์ยันตคุปต์ พุทธทำนาย ญาติโยมก็คงจะเคยเห็นหนา หนาๆ เบ้อเริ่มขนาดนี้ อาตมาไปนั่งดู จำได้ว่า ข้าวบ่มีลาน ก็ถูก ทุกวันนี้ก็ข้าวบ่มีลาน สมัยก่อนอาตมาเด็กๆ เกี่ยวข้าวก็กองไว้ที่ลานซะก่อนน่ะ ลานเป็นยังไง ลาน มีหน้ากว้าง ๓๐-๔๐ เมตร เอาขี้ควายมาราด ใส่ตุ่มมาราด เกลี้ยง แล้วก็เอาไปกองแค่นั้น นี่คือลาน เกี่ยวข้าวแล้วไปกองไว้นั่น เสร็จแล้วกองไว้ก็มื้อดีวันดี ต้องเลือกมื้ออีก มื้อใดสิคราดข้าว ตีข้าว ฮอตมื้อดีวันดีก็ฟาดข้าว ฟาดแล้ว สองสามมื้อก็แล้วสองสามมื้อฟาดข้าวรู้จักบ่ ใส่ไม้ค้อนขี้ตี เนี่ยข้าว ทุกวันนี้ บ่มีลานแล้ว 

หยังใส่รถเกี่ยว คนบ่เกี่ยวแล้ว ใส่รถเกี่ยว ใส่กระสอบ เอาไปขายพร้อม หรือไม่ก็ใส่ไปไว้แล้ว บ่มีลาน รถเกี่ยว คนบ่ได้เกี่ยว พูดตามพุทธทำนายน่ะ ต่อมาก็ทำงานบ่มีผัว คนอีสานมาทำงานกรุงเทพฯ ได้แต่ลูกกับแม่เมื่อ ผัวบ่ไปไส หลายคู่ ข้อสุดท้าย เจ้าหัวบ่มีวัด เจ้าหัว คือ พระ บ่ มี วัด บ่มีวัดจั่งได๋ วัดอย่างใหญ่ อย่างวัดอโศการาม ปัดโถ่! เป็นเมือง

วัตร คือ ข้อวัตร ปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติของพระ เริ่มสิบ่มีข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติคือ ไหว้พระสวดมนต์ ที่วัดเรายังคงอยู่ “วัดอโศการาม”

วัตรที่สอง คือ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ข้อวัตร กวาดตาด กวาดลานวัด เป็นกิจวัด เริ่มสิบ่มีแล้ว บางวัดก็จ้างคนงานเอา มันเริ่มจะหมดไป นี่คือวัตรของพระ เป็นพระที่ควรกราบไหว้ ควรสักการะ เป็นพระจริง ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัต คือ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เดินจงกรม 

หลวงปู่ลี (ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม) ดูประวัติท่านสิ เดินจงกรม พ่อแม่ครูบาอาจารย์ฯ หลวงตามหาบัว ก็เดินทุกวัด แก่แล้วก็ยังเดิน​ ๗๐-๘๐-๙๐ ยังเดินจงกรม ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ อาจารย์เบาฯนิมนต์ท่านไปเทศน์ อยู่อำเภอนาแก ไปนิมนต์ท่าน กลับมาถึงวัด เขาโทรมาบอกว่า ท่านไม่ได้ไปเทศน์กลับน่ะ ท่านไปนอนโน่น ท่านไปนอนโน่นแหล่ะ พอไปถึงแล้วท่าน พูดให้ฟัง ท่านเคยไปธุดงค์แถวนั้นอยู่ประจำ เดินธุดงค์ไปทางนาแกประจำ สมัยไปปลงศพหลวงปู่เสาร์ ปลงศพหลวงปู่มั่น เพราะท่านเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัวน่ะ เป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น

หลวงปู่มั่น ก่อนจะหมดลมหายใจอยู่กับหลวงตามหาบัวสองคน องค์อื่นเข้าไปไม่ได้ ท่านไม่ให้เข้าไป จะหนักจะเบาก็อยู่กับหลวงตามหาบัว ท่านเป็นคนดูแล จนสิ้นลม เก็บศพ เก็บหีบ เก็บอะไรเสร็จแล้ว หลวงตาบัวหนีไปเลย จนจะเผาศพท่านกลับมา หนีไปเลย หนีไปอะไร ไปทำความเพียร ไปเดินจงกรม ไปนั่งสมาธิ แต่ก่อนหลวงตาบัวไม่ได้เข้าเทศน์น่ะ ทำความพากความเพียร เอาอย่างอุกฤษฏ์ อดข้าว อดน้ำ อดนอน นั่งสมาธิ โยมเคยรู้จักไหม หลวงตาบัวนั่งสมาธิ ท่านพูดให้ฟังน่ะ นั่งนานๆจน พูดขอโทษน่ะ ก้นแตก นั่งจนก้นแตก นั่งภาวนาบ่ลุกไปลุกมา นั่งทั้งคืนทั้งวัน หลายวัน มันแตกมันพอง เพราะนั่งเต็งมันหลาย เลือดลมไม่เดิน 

ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว มีหลวงปู่มั่น หลวงตาบัว ทำความเพียรเอาอย่างอุกฤษฏ์ หลวงตาบัวไม่ใช่พระธรรมดา คนทั่วโลกรู้จัก หลวงปู่มั่นก็คนทั่วโลกรู้จัก ไปที่ไหนๆก็เห็นรูปหลวงปู่มั่น ไปยุโรปก็เห็นอยู่ยุโรป ไปเอเชียก็เห็นอยู่เอเซีย อยู่อินเดีย อยู่อะไร ประเทศอะไรเกาะเยอะๆ อินโดนีเซีย เป็นเมืองมุสลิม แต่มีรูปหลวงปู่มั่น คนอินโดนีเซียทั้งประเทศ เป็นชาวพุทธอยู่ ๒ แสนคน นอกนั้นเป็นมุสลิมหมด คนตั้งหลายล้านคน ไม่เหมือนเมืองไทยเรา 

เมืองไทยเรา คนถือพุทธเยอะ เป็นชาวพุทธเยอะ ศาสนาอื่นก็มี แต่ไม่เยอะเหมือนศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนานั้นสอนให้รู้ ให้เห็น ตามความเป็นจริง ไม่ได้ให้ความหวัง ให้รู้ด้วยตนเอง ปฏิบัติตัวเอง และ เห็นด้วยตนเอง เห็นอะไร เห็นอรรถ เห็นธรรม เห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านสอนอะไรไว้บ้าง แล้วมาปฏิบัติ แล้วเห็นตามความเป็นจริง

ยกตัวอย่างเช่น ศีล ๕ เป็นศีลของฆราวาส ศีล ๘ เป็นศีลของฆราวาส ศีล ๑๐ เป็นศีลของพระ ของเณร เป็นศีลของเณร นั่นเณรน้อย อายุแปดขวบเก้าขวบ อาตมามาหลายครั้งแล้ว เห็นเณรน้อย เณรตัวเล็กๆ ถามเมื่อเช้า อายุกี่ปี่แล้วเณร แปดปี บวชหลายเดือนแล้ว อายุแปดปี ฉันข้าวมื้อเดียวได้ นี่! เรียกว่า เป็นคนที่เคยมีบุญ เคยสร้างบุญสร้างกุศลมามาก เคยปฏิบัติธรรม พอเกิดมาก็ปฏิบัติธรรมเลย ตาม “พุทธทำนาย” บอกว่า อายุเจ็ดขวบปฏิบัติธรรมได้ บวชได้ เกิดมาเด็ก ๗ ปีแล้วบวชได้เลย 
เหมือนอย่าง “เณรราหุล” เป็นตัวอย่าง ลูกชายพระพุทธเจ้า อายุ ๗ ปี รู้จักนิติภาวะ รู้จักบาป จักบุญ จักคุณ จักโทษ รู้จักอยากได้ ไม่อยากได้ นางผีพรายจึงให้ไปขอสมบัติจากเจ้าฟ้าชาย จากพระพุทธเจ้านั่นเอง พระพุทธเจ้าไปบวช ไปเลย ไม่ได้บอกใคร ไปบวช ไปกลางคืนด้วย ราหุลเพิ่งเกิดได้ ๗ วัน ท่านก็ไปบวชเลย พอราหุลได้ ๗ ปี นางผีพรายให้ไปขอสมบัติจากพระพุทธเจ้า จากพ่อเจ้าไป้ เณรราหุลก็ไป มาขอสมบัติ พระพุทธเจ้าก็เทศน์ให้ฟัง จะเอาสมบัติภายนอก หรือ เอาสมบัติภายใน

สมบัติภายนอกนั้น มันเวียนว่ายตายเกิด สมบัติภายในนั้น ไม่ต้องมาเกิดอีก ไปสวรรค์ ไปนิพพานเลย ไม่ต้องมาเกิด ปวดหัว เจ็บท้อง ไม่ต้องมาเกิดให้ลำบาก ไปสวรรค์ไปนิพพานเลย เณรราหุลก็รับสมบัติภายใน พระพุทธเจ้าจึงให้พระอานนท์ไปบวชให้ นี่คือสมบัติที่พระพุทธเจ้าได้มอบให้เณรราหุล เอาสมบัติภายใน สมบัติภายนอก อีกไม่นานก็จากมันไปแล้ว มีเงินร้อยล้านสิบล้านก็อยู่กับเราไม่นาน เราก็หนีจากมันไป สมบัติเหล่านั้นก็เป็นของลูกของหลาน เป็นญาติพี่น้องไปเลย ไม่ได้เอาไปได้สักอัน มีรถ มีเรือ มีเงิน มีทอง สร้อยแหวน เงินทอง เอาไปไม่ได้ เอาไปได้แค่บุญกับบาป ตายไปเอาไปได้สองอย่าง 

เอาบุญกับบาปไปด้วย นอกนั้นเอาไปไม่ได้สักอย่างเลย สมบัติที่เรามี ที่จะเอาไปได้ คือ บุญ ที่ญาติโยมปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ เอาไปด้วย เอาบุญไปด้วย เอาคุณงามความดีไปด้วย เอาบาปไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงละบาป บำเพ็ญบุญ ถ้าเอาบาปไปด้วย เยอะ ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไปตกนรกอเวจี นี่บาป ถ้าเอาบุญไปด้วย ได้เยอะ ถ้ามาเกิดเป็นคน ก็เป็น คนอุดมสมบูรณ์ ไม่เป็นคนพิการ สติปัญญาดี ความรู้ดี ฐานะดี เงินทองก็ดี นี่บุญ ถือบุญมาด้วย จากนั้นก็ไปสวรรค์ไปนิพพาน ไปตั้งสูง สองอย่างเท่านั้นแหละที่เอาไปด้วย อย่างอื่นเอาไปนำไม่ได้สักอย่างเลย แต่คนเราก็ลืมไป ลืมไปว่า “มาด้วยบุญ” “อยู่ด้วยบุญ” แล้วก็ต้อง “ไปด้วยบุญ” ก็เห็นแก่ปากแก่ท้อง ก็กินอะไรที่มันผิดศีลผิดธรรมก็กิน เห็นแก่ปาก ทุกวันนี้ เยอะด้วย เพราะอะไร เพราะรัฐบาลเขาส่งเสริมให้คนกินเหล้า เอาเหล้ามาขายทุกบ้านทุกอำเภอ กินกัน ญาติโยมไม่รู้จักศีลธรรม พระพุทธเจ้าทรงต้องห้ามสุราเมรยะ ในศีลข้อที่ ๕

ข้อที่ ๑ ปาณา พระพุทธเจ้าก็ห้าม , ข้อที่ ๒ อะทินนา พระพุทธเจ้าก็ห้าม , ข้อที่ ๓ กาเม พระพุทธเจ้าก็ห้าม ให้งดเว้นหลีกเลี่ยง , ข้อที่ ๔ คือ มุสา , ข้อที่ ๕ คือ สุรา ถ้ากินเหล้าแล้ว ทำอะไรก็ได้หมดเลย ฆ่าก็ได้ ขโมยก็ได้ ผิดศีลทุกข้อ นอกใจผัว นอกใจเมียก็ได้ ถ้ากินเหล้า มันทำลายได้ทุกข้อ แต่ถ้าผู้มีศีลธรรมแล้วก็รักษาเนื้อรักษาตัวของเรา ไม่ให้ล่วงละเมิดใน ๕ ข้อนี้ ก็เป็นผู้สมบูรณ์ อีกไม่นาน พระศรีอารยเมตไตรย ก็มาโปรด จริงๆแล้ว ท่านมาเกิดแล้ว รอเวลาที่จะมาโปรดพวกเราเท่านั้น เราไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ลงมาเกิดแล้ว ตอนนี้กำลังเกิดโรคระบาด ตามพุทธทำนายน่ะ กำลังเกิดโรคระบาด ฆ่าคน คนตายเยอะแยะ บ้านเราก็ตายเยอะน่ะ วันละพัน สองพัน วันละหมื่น ทั้งประเทศ ต่างชาติก็ยิ่งตายเยอะ ประเทศอินเดียก็ยิ่งตายเยอะ ทุกประเทศในโลกนี้ ทุกประเทศเลย นี่! มันล้างโลก เหลือแต่คนมีศีลมีธรรม เหลือ ๓ องค์โพธิ์ศรี นอกนั้นเก็บไปไว้ตรงอื่นหมด ท่านผู้ใดมีศีลมีธรรมอยู่ได้ .. "


-------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม FB พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล วัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พระอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต