ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม วัดป่าอนุสรณ์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธ์
ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อประมัย เตชธัมโม
วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เป็นวันเจริญอายุวัฒนมงคล ครบรอบ ๕๙ ปี หลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม วัดป่าอนุสรณ์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พระครูธรรมวรโสภิต (หลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม) หรือ หลวงพ่อเตี้ย นามเดิมชื่อ ประมัย ปัสสาวงค์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ณ บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรคนที่ ๘ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๙ คน บิดาชื่อ นายกา และมารดาชื่อ นางพิมพา ปัสสาวงค์
◎ การศึกษา
เรียนชั้นประถมศึกษาที่ ๑ – ๖ ณ โรงเรียนชุมชนดงเย็น (เป็นโรงเรียนที่ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ สร้างขึ้นด้วยที่นาของท่าน) เรียนชั้นมัธยมต้น ๑ – ๓ ณ โรงเรียนดงเย็นวิทยาคาร เรียนมัธยมปลาย ๔ – ๖ ณ โรงเรียนสว่างศึกษา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
◎ การอุปสมบท
หลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม หรือ หลวงพ่อเตี้ย อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ตรงกับวันที่ ๓๐ พฤษาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๑๔.๓๐ น. ณ อุโบสถวัดผดุงธรรม จ.อุดรธานี โดยมี พระครูวิศิษฏ์ธรรมคุณ (หลวงปู่น้อย ปภสฺสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการวิสุทธิ์ ศิริจันโท พระกรรมวาจาจารย์ พระทองใบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เตชธมฺโม” แปลว่า “ผู้มีธรรมเป็นเดช”
ลำดับการจำพรรษา
● พรรษาที่ ๑ ที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี (อยู่กับองค์หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ) ปี พ.ศ. ๒๕๓๐
● พรรษาที่ ๒ ที่วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านป่าลิน ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย (อยู่กับหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต) ปี พ.ศ. ๒๕๓๑
● พรรษาที่ ๓ – ๔ ที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พ.ศ. ๒๕๓๒ – ๒๕๓๓
● พรรษาที่ ๕ – ๓๐ ที่วัดป่าอนุสรณ์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ – ปัจจุบัน
ปัจจุบัน พระครูธรรมวรโสภิต (หลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม) หรือ หลวงพ่อเตี้ย ท่านดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลห้วยเม็ก เขต ๒ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดป่าอนุสรณ์ ตำบลคำเหมือดแก้ว อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่านสิอายุได้ ๕๖ ปี พรรรษา ๓๕ (พ.ศ.๒๕๖๔)
◎ โอวาทธรรม หลวงพ่อประมัย เตชธมฺโม (หลวงพ่อเตี้ย)
“..พระเฮากะคือกัน การที่อยู่กับหมู่คณะให้เอาศีลเอาธรรมเข้าหากันอย่าเอาแต่กิเลสของตนเองเข้าหากัน มันอยู่นำกันบ่ได้ ขั้นเอาศีลเอาธรรมเข้าหากันแล้วอยู่น้อยอยู่หลายมันกะบ่มีปัญหากัน สิมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข จำเอาไว้พระเฮาข้อนี้สำคัญมาก..”
“..ใจเป็นพระคือใจละ ใจปล่อย ใจวาง นั่นล่ะถึงเรียกว่าใจพระ..”
“..ไฟถ้ามันอยู่ภายในเตามันจะมีประโยชน์มากกว่าไฟที่อยู่นอกเตาถ้าอยู่นอกเตาจะเป็นภัยอย่างมาก เหมือนกับเรารักษาใจดูใจของตัวเองจะมีค่ามากว่าดูใจคนอื่น ถ้าพูดดีก็ดีไป แต่ถ้าไปพูดไม่ดีจะเป็นภัยอย่างมาก..”
“..พระภายนอกมันสร้างง่ายมีอุปกรณ์ มีทุน กะสร้างได้โลด แต่พระภายใน คือสร้างพระในหัวใจเจ้าของนิมันสร้างยาก..”
“..พระแท้บ่ขาดหยังดอก มีบริขาร๘ กะอยู่ได้แล้ว พระอิหลีบ่ขาด เป็นผู้เลี้ยงง่าย ถ้าขาดอิหลีกะภาวนาเอา มันมาเองตั้วบ่ต้องเอ่ย ถ้าบ่แม่นญาติ บ่แม่นผู้ปวารณาบ่เอ่ยขอเอาหยังดอก..”
“..คนเฮายามทุกข์มาละเเล่นไปหาหมอดูหมอเดา ดูดวง ดูฤกษ์ ดูย่ามละ มันบ่เชื่อพุทธเจ้า บ่เชื่อในธรรมเพิ่น มันเชื่อเเต่ผีน่ะ เเต่งเเก้สะเดาะเคราะห์โห้ย คาเเต่เเต่งเเก้ คือบ่แก้ใจเจ้าของนั้น วันอังคารมาละพากันหาเเต่งแก้ กูเเก้กูสากูเเก้กูสาอยู่นั้น บ่เเล้วจักเทื่อ เห็นบ่ นั้นละคนสู่มื้อนิมันบ่มีหลักใจ มันเป็นคนตื่นข่าวนั้น หลักพระพุทธเจ้ามันบ่เชื่อ บ่เชื่อง่ายๆคนสุมื้อนิพุ้นมันพากันไปเชื่อหมอดูหมอเดาเชื่อผีสางร่างทรงพุ้น คำสอนพุทธเจ้าบ่เคยซวยมีเเต่ใจคนซวยนั้นละซวยลงสุมื้อ ..”
"คนเฮาอย่าเป็นคือหินศิลาที่อยู่ในป่าสื่อๆ มันบ่มีประโยชน์ ต้องเป็นหินศิลาที่เอามาเเกะสลักพระ เอามาก่อวิหารลานเจดีย์ แปลงบ้านสร้างเมือง มันจังมีประโยชน์มีคุณค่าขึ้นมาในโต เเกะพระพุทธรูป กะมีคนกราบคนไหว้ ก่อวิหารลานเจดีย์กุฏิต่างๆกะได่ให้พระอยู่อาศัย สร้างบ้านเเปลงเมืองไปจังสั่น คุณค่ามันเกิดขึ้นโลดด บ่คือหินที่อยู่ในป่าเด้ อยู่จั่งได่กะอยู่จังสั่น บ่เกิดประโยชน์"
“ใจละเป็นธรรม
ใจดำเป็นมาร
ใจพาลเป็นทุกข์”
“ให้พากันรักษาศีลภาวนา รักษาสุมื้อเเห่งดีบ่ต้องในพรรษานอกพรรษาดอก สมาทานศีลเอาในใจ บ่ต้องไปขอกับพระเพิ่นดอก เเต่พระเพิ่นกะยังขอมื้อเดียวเเต่มื้อบวชพุ้นดอก เจตนาวิรัตรักษาเอา บ่ได่มาขอร่ำรี่ร่ำไรเด้พวกเจ้า เจตนาวิรัตเอาเลย ขอละบ่รักษามันบ่เกิดประโยนช์อิหยังดอก ทุกคนมีศีล5 ประจำใจ แต่สิรักษาได้บ่ได้อยู่ที่เจ้าของประพฤติปฏิบัติเอาเด้ ขา2 แขน 2 หัว 1 รักษาเอาตั่ว อย่าให้ใจมันพาบ้าพาป่วง บวชกาย บวชใจเอาเด้อ รักษาใจเอา เพิ่นจังว่า ใจเป็นเครื่องกำหนดทุกข์ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สำเร็จได้ด้วยใจ ทุกข์กะอยู่ใจ สุขกะอยู่ใจ พึงรักษาใจให้ดีเป็นพอ”
“เว้าขึ้นมาละมีเเต่มรรคแต่ผล การกระทำละตรงข้าม สร้างเทวรูป พญานาค พาเขากราบฤาษี บรวงสรวง เทียมองค์ทรงเจ้า มรรคผลนิพพานมันสิมาเเต่ไส”
รู้หลง รู้หลงนะอันตราย รู้เเจ้งเห็นจริงมันไม่เกิด เกิดเเต่รู้หลง หลงรูป หลงนาม หลงสมุมติ หลงก้อนมูตร ก้อนคูต
เป็นพระนี่ พระวินัยต้องศึกษาให้ดีๆ ศีลต้องบริสุทธิ์ ศีลบ่บริสุทธิ์สมาธิมันกะบ่ได้ คือกันกับเฮาเป่าลูกโป่ง ฮั่วละเป่าท่อได่มันกะบ่เต็ม ศีลบ่ดีสมาธิมันกะบ่ได้บ่เต็มละพระเฮาจำไว้พึงสำรวมระวังในเรื่องศีลให้ดี"
คนสุมื้อนิบ่มี หิริ ความละอายต่อใจ บ่เกรงกลัวต่อบาป หาความจริงบ่พ้อ พ้อเเต่ความบ่มีเมืองพอ หลอกเจ้าของ หลงเจ้าของ มันหลงหนังบางๆฮั่นคน
อย่าสงสัยในการกระทำของตนเอง ทำดีก็เป็นมงคล ทำไม่ดีก็เป็นอัปมงคล
“คนสุมื้อนิมันหลอกเจ้าของว่านับถือพระพุทธศาสนา
เเต่พากันไปกราบไหว้นาค กราบไหว้เทพ แขวนนาค เเขวนเทพ มันบ่เเขวนพุทโธใส่ใจ บ่เเขวนพุทโธ ธัมโม สังโฆใส่ใจ พุ้นพากันเเขวนนาค แขวนเทพ ถือฤาษี พุ้น ยามตายมาละพากันเอานาคเบาะมากุสลาให้ฮึ คือเห็นเเต่พากันฟ้าวมนต์พระมาสวด นาคมาสวดให้บ่ พิจารณาดีๆเเน่เเม เเมเเต่ด๊อกเตอร์กะเป็นไปนำเขา ให้พากันเอาพุทโธเด้อเเขวนใส่ใจไว้ ให้พุทโธฝั่งลงไปในใจพุ้น ดีเลิศที่สุดกะพุทโธนิละ”
◎ ปฏิปทา
-พาข้าวหาให้ศพบ่ให้เเต่ง
-พลุบ่ให้จุด
-ประวัติบ่ให้กล่าว(อย่าเป็นคนดีตอนบ่ายสามบ่ายสี่ แบบนี้บ่เอา)
-พวงหรีดดอกไม้บ่เป็นประโยชน์ให้เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์มาแทนพวงหรีดดอกไม้
-บ่ให้ล้างหน้า
-บวชจูงบ่ให้มี บวชสวยสึกบ่ายปานเล่นของเฮือนน้อย
-ดอกไม้สดบ่ให้จัด มันบ่เกิดประโยชน์
-เอาวัดในสวดอภิธรรมเลย (ถ้าเผาวัดในไปสวดอภิธรรมให้)ถ้าเผาอยู่นี้เฮาสวดให้มื้อเผาเทื่อเดียวเลย
-สำหรับศพได๋บ่มีเงินจัดงานให้เอาศพมาไว้วัดสิสวดให้ฟรีเผาให้พร้อม
-ซองบ่รับ สวดฟรี
-เก็บดูกบ่ให้พระยุ่งเกี่ยว เก็บแล้วๆค่อยเอาเข้ามาให้พระบังสุกุลให้ในวัดถวายภัตตาหารเช้าพร้อมเลย
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น