หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
ชีวประวัติหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
นามเดิม ตื้อ ปาลิปัตต์ ครอบครัวสัมมาทิฏฐิประกอบอาชีพเกษตรกรรม
กำเนิดวันจันทร์ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๑ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีชวด สัมฤทธิ์ศกจุลศักราช ๑๒๕๐ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำบลบ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
บิดา-มารดา นายปา-นางปัตต์ ปาลิปัตต์
มีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน เป็นบุตรคนที่ ๕
อุปสมบท
เมื่ออายุ ๒๑ ปี พ.ศ.๒๔๕๒ บวชได้ ๑๙ พรรรษา ได้ญัตติใหม่เป็น ธรรมยุติกนิกาย เมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๑
พรรษา
มหานิกาย พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๗๑ ๑๙ พรรษา
ธรรมยุติกนิกาย ๔๖ พรรษา
ศึกษาธรรม
ได้เริ่มเรียนศึกษาคำภีร์มูลกัจจายน์ โดยมีพระอาจารย์คาน เป็นเจ้าสำนัก
หลังออกพรรษาเพียง ๑ พรรษา ท่านได้เดินทางไปศึกษาธรรมที่วัดโพธิ์ชัย ตำบลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลวงปู่ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่รวมระยะเวลา 4 ปี ก็จบหลักสูตรมูลกัจจายน์ จึงได้รับฉายาว่า นักปราชญ์
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม มีความตั้งใจจะไปเรียนพระปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพมหานคร เมื่อได้เดินทางไปวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี ท่านได้เปลี่ยนใจเป็นการออกปฏิบัติธรรมกรรมฐานแทน ท่านกล่าวว่า
“การออกเดินธุดงค์ เป็นการเดินทางเส้นตรงต่อการบรรลุธรรมอย่างแท้จริง”
พบสหธรรมิก
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ก็ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งจะมีสหธรรมิกรูปสําคัญ ต่อไปในอนาคต พระธุดงค์หนุ่มรูปนี้มีปฏิปทาลีลาอะไรหลายอย่างละม้ายเหมือนหลวงปู่ตื้อมาก เป็นต้นว่า เป็นพระภิกษุหนุ่มฝ่ายมหานิกายที่ออกจาริกธุดงค์แต่ลําพังอย่างโดดเดี่ยวกล้าหาญโดย ไม่มีครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานแนะนําคอยชี้ทางให้เลย
พระธุดงค์รูปนี้มีนามว่า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม และหลวงปู่แหวน สุจิณโณ พบกันครั้งแรกที่ป่าภูพานขณะนั้น หลวงปู่ตื้อจาริกธุดงค์มาจากพระบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี ได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนความรู้กัน เป็นที่ชอบอัธยาศัยถูกใจกันยิ่งนัก
หลวงปู่ตื้อเองก็ใส่ใจปรารถนาอยากจะพบ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ให้ได้เหมือนกัน เพราะได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์เลื่องลือเกี่ยวกับพระอาจารย์มั่นมามากแต่ก็ยังไม่ได้พบสมใจหวังสักที
ทั้งสองได้ปรึกษาหารือกันว่า หากวาสนายังมีคงจะได้พบกับพระอาจารย์มั่นสมใจหวังเรา อย่าเร่งรัดตัวเองและกาลเวลาเลย ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะต้องได้สดับธรรมจากพระอาจารย์มั่นเป็นแม่นมั่น ในระหว่างนี้เราควรจะจาริกธุดงค์ไปตามมรรคาของเราก่อน
ธรรมโอวาท
สําหรับการแสดงธรรมเผยแพร่พระพุทธศาสนา ของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมนั้น ท่านแสดงธรรมอย่างตรงไปตรงมา แสดงธรรมตามทัศนะของท่านมีคนชอบฟังมาก หลวงปู่เล่าว่า
โลกนี้เขามีเครื่องผูกอันเหนียวแน่น ยากที่จะตัดได้ด้วยอย่างอื่น นอกจากพระธรรมของพระพุทธเจ้า มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทําบาป เมื่อทําแล้วก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทําไว้ พ่อแม่เรานั้นทํากรรม เราเกิดมาก็ทํากรรมไปอะไรที่สุดของกรรม ไม่มีใครรู้ได้ทําบาปแล้วมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
๑. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นโสดาปัตติมรรค จิตก็เป็นโสดาปัตติผล
๒. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นพระสกิทาคามิมรรค จิตก็เป็นพระสกิทาคามิผล
๓. จิตตานุปัสสนา จิตไม่คิดมีผัวเมีย ออกบวช จิตก็เป็นพระอนาคามิมรรค จิต ก็เป็นพระอนาคามิผล
๔. จิตตานุปัสสนา จิตไม่กล่าวมุสาวาท จิตก็เป็นพระอรหัตมรรค จิตก็เป็นพระอรหัตผล อีกนัยหนึ่ง
๑. จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
๒. จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
๓. จิตออกบวช จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
๔. จิตไม่ขี้ปด จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพานอยู่ที่หัวใจของเราทุกคน
หลวงปู่สอนว่า “ธรรมะคือ คําสอนของพระพุทธเจ้า พวกเรามองข้ามไปเสียหมด อยู่ที่ตัวของเรานี้เองมิใช่อื่น พุทธะคือผู้รู้ ก็ตัวของเรานี้ เองมิใช่ใครอื่น เช่นเดียวกันกับไข่ ไข่อยู่ข้างในของเปลือกไข่ ทําให้เปลือกไข่แตกเราก็ได้ไข่ พิจารณาร่างกายของเราให้แตก แล้วเราก็จะ ได้ธรรมะ” หรือ
“ธรรมะจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทําอะไรจริงจัง คือการตัดสินใจอย่างแน่นอนลงไป แล้วเลือกเฟ้นธรรมปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่นานหรอกเราก็จะได้พบสิ่งที่เราต้องการความกลัวทุกอย่าง จะหายไปหมด
ถ้าเราตัดสินใจอย่างใดแล้วคือเราต้องเป็นคนมีจุดมุ่งหมายอย่างหลวงตา นับตั้งแต่ บวชมาได้ตัดสินใจปฏิบัติธรรมะอย่างจริงจัง จนทุกวันนี้ไม่เคยลดละและท้อถอยเลย” หรือ
“นักธรรม นักกรรมฐานต้องมีนิสัยอย่างเสือโคร่ง คือ
๑. น้ำาจิตน้ำใจต้องแข็งแกร่ง กล้าหาญไม่กลัวต่ออันตรายใด ๆ
๒. ต้องเที่ยวไปในกลางคืนได้
๓.ชอบอยู่ในที่สงัดจากคน
๔. ทําอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสําเร็จเป็นจุดหมาย” หรือ
“สัตว์เดรัจฉานมันดีกว่าคนตรงที่มันไม่มีมายา ไม่หลอกลวงใคร มีครูอาจารย์ก็คือคน เป็นสัตว์ที่น่ารักน่าสงสาร คนเราซิโง่เป็นพุทธะได้แต่หลอกลวงตนเองว่าเป็นไปไม่ได้ ร่างกายก็มีให้พิจารณาว่าเป็นของเน่าเป็นของเหม็น แต่เราพิจารณาว่าเป็นของหอมน่ารัก โง่ไหม คนเรา”
-“การออกเดินธุดงค์ เป็นการเดินทางเส้นตรงต่อการบรรลุธรรมอย่างแท้จริง”
-ท่านชอบตักเตือนเสมอว่าการปฏิบัติธรรมนั้นอย่างที่ท่านบูรพาจารย์ทั้งหลายดําเนินมานั้น ท่านพยายามไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายในการปฏิบัติธรรม พยายามให้เกิดความสนใจในธรรมปฏิบัติ อยู่เสมอ
- การที่เราเกิดความเบื่อหน่ายในธรรมปฏิบัตินี้เป็นการที่เราจะดําเนินไปไม่ได้นาน และจะเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก แต่เกิดความสังเวชในธรรมบางอย่างนั้นเป็นการดี เพราะจะเป็นประโยชน์แก่เราผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง แต่ถ้าเบื่อหน่ายในความชั่วไม่เป็นไร เพราะถ้าเบื่อหน่ายในความชั่วแล้วก็เร่งพยายามทําความดีต่อไป
ปัจฉิมบท
ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ นับเป็นปีที่ ๔ ที่ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ได้อยู่จําพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า แดนมาตุภูมิของท่าน ในพรรษานี้ใครเลยจะนึกว่าท่านจะจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ก่อนเข้าพรรษาท่านเคยพูดเสมอว่า
“ใครต้องการอะไรก็ให้เร่งรีบสร้างเอา คุณงามความดีทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเราแล้ว ขันธ์ ๕ นี้ เมื่อมันยังไม่แตกดับก็อาศัยมันแตกดับแล้วก็อาศัยอะไรมันไม่ได้ ขันธ์ ๕ ของ หลวงตาก็จะดับแล้วเหมือนกัน”
ละสังขาร
ท่านได้กล่าวทํานองว่า “วันนี้จงฟังเทศน์ให้ดีๆ และจําเอาไว้เพราะต่อไปจะหาฟังได้ยาก ในโลกนี้ไม่มีใครจะแสดงธรรมได้เหมือนหลวงตาหรอก”
ท่านก็มีอาการอาพาธ และถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมสิริอายุได้ 86 ปี ๖๕ พรรษา (บวชในมหานิกาย 19 พรรษา ธรรมยุตได้ 46 พรรษา)
--------------
ศิษย์องค์สำคัญ
พระครูอุดมศีลวัฒน์ พระอาจารย์อุดม ญาณรโต. วัดป่าสถิตย์ธรรมวนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
พระโสภณวิสุทธิคุณ พระอาจารย์บุญเพ็ง กปฺปโก วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
พระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปญฺโญ วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป วัดอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม วัดเขาพุนก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
พระอาจารย์ประยุทธ ธมฺมยุตโต วังป่าผาลาด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี (ขุนโจรอิสไมล์แอ)
หลวงปู่ลุน สุธมฺโม วัดยอดแก้ว อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
---------------------
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก วิกิพีเดีย ,๑๐๘พระเกจิ และหนังสืออณุสรณ์พิพิธภัณฑ์ฉันทกรนุสรณ์ จ.ชลบุรี
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
ขออนุโมทนาบุญจากการอ่านของทุกท่าน
สวัสดี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๑๒.๔๗ น.
------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น