พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ สิริจนฺโท จันทร์
ชีวประวัติพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท จันทร์)
วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ปทุมวัน กรุงเทพฯ
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ นามเดิม จันทร์ ฉายา สิริจนฺโท เป็นพระภิกษุฝ่ายเถรวาท คณะธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี อดีตเจ้าคณะใหญ่เมืองนครจำปาศักดิ์ เจ้าคณะมณฑลอีสาน มณฑลจันทบุรี มณฑลราชบุรี และมณฑลกรุงเทพ อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ และวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาสมัยใหม่ ทั้งในฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสในภาคอีสาน
ท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนอุบลวิทยาคมที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร จังหวัดอุบลราชธานี และเป็นผู้สอนธรรมะให้แก่พระเถระองค์สำคัญในธรรมยุติกนิกายหลายรูปรวมถึงพระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่แห่งพระกรรมฐานสายวัดป่า
นามเดิมว่า จันทร์ ศุภสร
เกิดวันศุกร์ ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๓๙๙ (นับแบบปัจจุบันตรงกับพ.ศ.๒๔๐๐) แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง เป็นบุตรคนโต จากพี่น้องทั้งหมด ๑๑ คน
บิดาชื่อ หลวงสุโภร์ประการ (สอน ศุภสร) กรมการจังหวัดอุบลราชธานี
มารดาชื่อ นางแก้ว ศุภสร
บรรพชาเป็นสามเณร อายุย่าง ๑๓ ปี เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๑๒ ณ วัดหนองปลาไหล
พระอปัชฌาย์ เจ้าอธิการโสดา ถึงเดือน ๔ จึงย้ายไปอยู่วัดศรีทอง (ปัจจุบันคือวัดศรีอุบลรัตนาราม) เพื่อศึกษากับพระอาจารย์ม้าว เทวธมฺมี จนอายุย่าง ๑๙ ปี ก็จำเป็นต้องลาสิกขาเพื่อตามไปไถ่ตัวบิดาที่ถูกเกณฑ์ไปปราบทัพฮ่อ
ท่านได้อยู่ช่วยงานมารดาบิดาอยู่ ๓ ปี พระอาจารย์ม้าวก็ให้คนมาตามไปบวชอีกครั้ง ท่านยินยอม จึงได้อุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๐ ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู พระอาจารย์ม้าวเป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการสีโห วัดไชยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วจำพรรษาที่วัดไชยมงคลเพื่อช่วยงานของพระกรรมวาจาจารย์ เฉพาะเวลาเรียนมูลกัจจายน์จึงเดินมาเรียนที่วัดศรีทอง เรียนได้ 2 ปี พระอาจารย์ม้าวอาพาธหนักจนไม่สามารถสอนได้ จึงให้ท่านไปศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร
เมื่ออายุย่าง ๒๒ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดศรีทอง ณ วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ โดยท่านเทวธัมมี (ม้าว) เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการสีโห วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์
การศึกษาปริยัติธรรม
ได้เข้ามาศึกษาปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๒๓ เมื่อถึงกรุงเทพฯ พระอาจารย์อ่อนซึ่งเป็นศิษย์พี่ได้นำท่านไปฝากศึกษาพระปริยัติธรรมกับพระปลัดผา วัดเทพศิรินทราวาส
เมื่อพระอริยมุนี (เอม อายุวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ มรณภาพ พระปลัดผาได้พาท่านไปฝากตัวศิษย์ของพระมหาอ่อน อหึสโก วัดบุปผาราม พ.ศ. ๒๔๒๘ สอบได้เปรียญ ๓ ประโยค พ.ศ. ๒๔๓๗ สอบได้เปรียญ ๔ ประโยค ขณะเมื่อจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
ขณะบวชได้ ๙ พรรษา ท่านตั้งใจว่าตั้งแต่พรรษา ๑๐ เป็นต้นไปจะมุ่งด้านวิปัสสนาธุระแทน ท่านจึงกลับไปอยู่วัดศรีทองเพื่อปรนนิบัติและฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจาร์ม้าวต่อ
,
การศึกษาในทางวิปัสสนาธุระ
ใน พ.ศ. ๒๔๓๘ ได้ไปเรียนวิปัสสนากัมฐาน กับท่านเจ้าคุณปัญญาพิศาลเถระ (สิงห์) วัดสระปทุม และออกไปเจริญวิปัสสนา ที่เขาดอก และในบริเวณ แขวงเมืองนครราชสีมา จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๙ จึงได้กลับมาวัดสระปทุม หลังจากนั้นก็ได้ออกวิเวกทุกปี เมื่อออกพรรษาแล้ว ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๕๔
สมณศักดิ์
-พ.ศ. ๒๔๓๑ พระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ) และเจ้ายุติธรรมธร (คำสุก ณ จำปาศักดิ์) ร่วมกันสร้างวัดมหามาตยารามขึ้นที่นครจำปาศักดิ์ขึ้นถวายคณะสงฆ์ธรรมยุต พระอาจารย์ม้าวจึงมอบหมายให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาส และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นที่ พระครูวิจิตรธรรมภาณี เจ้าคณะใหญ่เมืองนครจำปาศักดิ์ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๓ แล้วกลับไปปกครองคณะสงฆ์เมืองจำปาศักดิ์
-เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ทำให้สยามเสียดินแดนลาวแก่สาธารณรัฐฝรั่งเศส ท่านพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะเมืองจำปาศักดิ์ จึงย้ายมาอยู่วัดวัดสุปัฏนารามวรวิหาร ต่อมาท่านได้นำคณะศิษย์มาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร อยู่ได้ 1 พรรษา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงมอบหมายให้ไปอยู่วัดเทพศิรินทร์เพื่อช่วยงานหม่อมเจ้าพระศรีสุคตคัตยานุวัตร และมีรับสั่งให้ท่านเข้าสอบอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๔๓๗ สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค แล้วได้รับพระบรมราชานุญาตให้ออกไปจัดการศึกษาภาษาไทยและอักษรไทยที่เมืองอุบลราชธานี
-พ.ศ.๒๔๕๒ ได้รับพระราชทานอาราธนาบัตร์สถาปนาเป็นเจ้าคณะมณฑลราชบุรี
วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนขึ้นเป็น พระราชาคณะที่ พระอุบาลีคุณปมาจารย์
มรณภาพ
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อาพาธด้วยโรคชรา ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ สิริอายุได้ ๗๕ ปี ๑๒๑ วัน ได้รับพระราชทานไตรแพรครอง ๑ ไตร โกศโถและชั้นรอง ๒ ชั้น ฉัตรเบญจาตั้ง ๔ คันประกอบศพเป็นเกียรติยศ ได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ศกนั้น ณ วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร
ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย,www.dhammathai.org
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
ขออนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
-------------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น