ชีวประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่แว่น ธนปาโล ๏
วันนี้วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพ ครบรอบ ๒๕ ปี ของหลวงปู่แว่น ธนปาโล พระสุปฏิปันโนแห่งวัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่แว่น ธนปาโล ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกองค์หนึ่งที่เรียบร้อยงดงามเสมอต้นเสมอปลายตลอดที่ท่านดำรงตนอยู่ในสมณเพศท่านอยู่ด้วยสันโดษมักน้อยและเรียบง่ายหนักแน่นในธุดงควัตร ชอบอยู่ในที่สงบสงัด ของป่าเขาลำเนาไพร เพื่อปลีกตัวหาความวิเวกในการเจริญภาวนา ด้วยปฏิปทาเครื่องดำเนินที่เคร่งครัดละเอียดในด้านพระธรรมวินัยที่ถูกต้องแม่นยำและงดงาม บนเส้นทางธรรมของหลวงปู่ที่ผ่านมานี้ จึงทำให้กิตติศัพท์ของท่านฟุ้งขจรไปทั่วทุกสารทิศ ก่อให้เกิดศรัทธาปสาทะ ความเชื่อถือและความเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างไกล จวบจนทุกวันนี้
• พระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ (หลวงปู่แว่น ธนปาโล) •
ชาติภูมี หลวงปู่แว่น ธนปาโล เกิดในสกุลทุมกิจจะ บิดาชื่อนายวันดี มารดานางอำไพ และในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ อายุ ๑๘ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรกับพระอุปัชฌาย์ ชื่อพระอาจารย์สีทอง พันธุโล สังกัดมหานิกาย ๑ พรรษา ที่วัดศรีรัตนาราม แล้วติดตามออกรุดงค์ไปกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ไปยังสำนักสงฆ์โคกป่าเหล่างา จังหวัดขอนแก่น เพื่อนฝึกหัดปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้แปรญัตติเป็นสามเณร สังกัดธรรมยุตินิกาย โดยมีหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๗๒ ณ วัดศรีจันทราวาส ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น และกลับไปจำพรรษากับหลวงปู่สิงห์และหลวงปู่สิม ที่เสนาสนะป่าช้าบ้านโคกเหล่องา (วัดป่าวิเวกรรม) อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ศ. ๒๔๗๕ เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงปู่สิมไปพาหลวงปู่แว่นกลับมาเกณฑ์ทหารที่บ้านเกิดและอุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัด นครพนมโดยมี พระสารภาณมุนี (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “ธนปาโล” แปลว่า ผู้รักษาทรัพย์ และได้มาจำพรรษากับหลวงปู่เกิ่ง อธิมตตโก วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นเวลา ๔ พรรษา
หลวงปู่แว่น ได้รับคำแนะนำหลักการปฏิบัติกรรมฐานเพิ่มขึ้นจาก หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล , หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และท่านพ่อลี ธัมมธโร เป็นลำดับ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติธรรมเร่งความเพียรโดยไม่ท้อถอย ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ (พรรษาที่ ๑๓) ท่านได้พบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าวารินทร์ (วัดแสนสำราญ) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ หลวงปู่แว่น ได้เดินทางไปบำเพ็ญภาวนากับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ที่วัดป่าบ้านกาด อำเภอสันกำแพง (วัดโรงธรรมสมัคคี) จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นหลวงปู่แว่นได้เดินธุดงค์ไป อำเภอจอมทอง และได้จำพรรษาที่ถ้ำพระธรรม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ หลวงปู่แว่นพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์โรงธรรมสามัคคีกับหลวงปู่สิม ชาวอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ได้ไปนิมนต์ท่านให้มาพำนักอยู่ที่วัดโรงน้ำตาล (วัดป่าสำราญนิวาส) และท่านได้อยู่จำพรรษาถึง ๕ พรรษา คณะศรัทธาญาติโยมเลื่อมใสมารับการอบรมวิปัสสนากรรมฐานเป็นจำนวนมาก และหลวงปู่แว่นเป็นผู้จุดประกายให้มีวัดป่าวงศ์ธรรมยุติที่เป็นวัดปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นในจังหวัดลำปาง ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๙๒ หลวงปู่ได้รับข่าวการรณภาพของท่านพระอาจารย์มั่น หลวงปู่คิดจะเดินทางไปเคารพศพของท่านพระอาจารย์มั่น ที่จังหวัดสกลนคร บังเอิญหลวงปู่สิมได้แวะมาเยี่ยมหลวงปู่ในช่วงนั้น ได้กล่าวทัดทานไว้โดยให้ข้อคิดว่า “ท่านพระอาจารย์มั่นของเรา ท่านมิได้ปรารถนาให้เดินทางไปเคารพศพท่านแต่ท่านพระอาจารย์มั่นประสงค์ให้ลูกศิษย์ลูกหาตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติรักษาจิตใจให้มั่นคง”หลวงปู่แว่นจึงไม่ได้เดินทางไปยังวัดป่าสุทธาวาส แต่มุ่งมั่นในการปฏิบัติภาวนาเพื่อค้นหาสังธรรมให้ยิ่งยวดขึ้นไป ตามแนวทางที่ได้รับการอบรมธรรมมาจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ วันหนึ่งหลวงปู่ได้นิมิตเห็นดอยลูกหนึ่ง คล้ายรูปทรงเจดีย์ อยู่ไม่ไกลจากวัดสำราญนิวาส ท่านจึงออกสำรวจ และพบเจอสถานที่ตรงตามนิมิต ซึ่งชาวบ้านเรียกดอยน้ำขุม และมีถ้ำหลายถ้ำ แต่มีถ้ำใหญ่ถ้ำหนึ่งที่อากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย ชาวบ้านเรียก ถ้ำแกเก๊า (นกเค้า) มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้หลวงปู่สิม จึงตั้งชื่อใหม่ “ถ้ำพระสบาย”
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ หน้า ๔๕๕-๔๖๘ ได้กล่าวถึงการสร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบายไว้ดังนี้ พระอาจารย์จาม มหาปุญโญ เคยเล่าที่มาอดีตชาติของพระบูรพาจารย์หลายองค์ที่มีความเกี่ยวข้องกันมีดังนี้ อาจารย์แว่น เคยเป็นเจ้าครองเมืองลำปางหลวงมีเมียต้น คือแม่จำปา (ปัจจุบันชาติเป็นโยมอุปัฏฐากที่ร่วมกันสร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบาย)และได้มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ อาจารย์สิม พุทธาจาโร และอาจารย์หลวง กตปุญโญ ต่อมาได้เมียคนที่ ๒ คือ แม่ศรีอรุณ (ปัจจุบันชาติเป็นโยมอุปัฏฐากที่ร่วมกันสร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบาย) ซึ่งได้อาจารย์จามและอาจารย์น้อยเป็นลูก
ครั้งหนึ่งแม่ศรีอรุณ ในอดีตชาติได้ขอพรให้ลูกชายได้ขึ้นครองราชย์แต่ไม่สำเร็จลูกทั้งสองจึงพาแม่ศรีอรุณหนีมาอยู่ที่ถ้ำพระสบาย ตั้งกลุ่มเป็นโจร โดยมีอาจารย์ตื้อเป็นขุนพลโจรใหญ่ มีบริวารถึง ๓,๕๐๐ คน ได้ปล้นคนรวยนำทรัพย์สินไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งทุกสารทิศ จนในที่สุดได้ยกกำลังเข้ายึดเมืองเมื่อผู้เป็นพ่อ (อาจารย์แว่น) เสียชีวิตลงและได้ขึ้นครองราชย์ ส่วนอาจารย์สิมได้หนีไปบวชที่ถ้ำเชียงดาวในปัจจุบัน และได้บำรุงปัจจัยสี่ ให้อาจารย์ หลวงไปบวชอยู่ภูเขาขนาดย่อมๆ ลูกหนึ่ง ใกล้เวียงลำปาง
ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่แว่นกลับไปจำพรรษาที่วัดสันติสังฆารามวัดที่บ้านเกิด และเป็นวัดที่โยมมารดาได้ถวายที่ดินเพื่อนสร้างวัดให้หลวงปู่สิม พุทธาจาโร อยู่จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ โยมมารดาถึงแก่กรรม แล้วจึงธุดงค์ไปที่อื่น และแวะมาภาวนาที่ถ้ำพระสบาย ชาวคณะบ้านบัวได้มานิมนต์ให้กลับไปจำพรรษาที่ วัดสันติสังฆาราม ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๑๐ หลวงปู่แว่นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนครและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเเภอ หลวงปู่แว่นได้จำพรรษา ณ วัดป่าสุทธาวาสนานถึง ๑๓ พรรษา และท่านก็ได้ดูแลควบคุมการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารหลวงปู่มั่น ภูริทตโต หลังจากนั้น ท่านจึงลาออกจากเจ้าคณะอำเภอและเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส และกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดอีก ๑ พรรษา
ปี พ.ศ.๒๕๒๓ (พรรษาที่ ๕๐) หลวงปู่จึงกลับมาจำพรรษาและพัฒนาถ้ำพระสบาย บ้านหนองถ้อย ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง จนเจริญรุ่งเรืองสืบมาจนทุกวันนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่พระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๕ หลวงปู่แว่น ธนปาโล ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา หลวงปู่ได้อบรมพร่ำสอนพระภิกษุ สามเณร อุบาสก-อุบาสิกา มิได้ขาดจวบจนวาระที่ท่านละสังขาร เมื่อวันอังคาร ที่ ๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑ สิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี ๘ เดือก ๖๘ พรรษา
• #ประวัติวัดถ้ำพระสบาย •
เริ่มจากหลวงปู่แว่น ธนปาโล ได้อยู่พักจำพรรษาที่วัดป่าสำราญนิวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๐ และได้นิมิตฝันบ่อยครั้งว่า ได้ไปเที่ยวจนถึงดอยแห่งหนึ่งที่กลางป่า หนทางที่ไปก็ต้องข้ามน้ำไปแล้วเดินขึ้นดอยไป พอถึงดอยก็ได้พบว่ามีถ้ำอยู่หลายแห่ง ทั้งถ้ำเล็กและถ้ำใหญ่ ดอยแห่งนี้ท่านได้ไปเห็นในนิมิตอยู่หลายครั้ง บางคืนฝันว่า ได้เหาะลอยไปจนถึงดอยนั้น โดยห่มผ้าจีวรติดตัวไปหลายผืน พอไปถึงดอยนั้นและได้ลงเดินยังพื้นดิน ก็ได้มีพระเณรหลายองค์มาขอเปลื้องสบงจีวรและสังฆาฏิจากตัวท่านไปจนหมด ทั้งในบริเวณนั้นยังมีหนุ่มสาวพากันเดินไปเป็นหมู่ๆ ท่านก็ได้แต่สงสัยในนิมิตนั้นว่า คงจะมีความหมายอะไรสักอย่าง
คืนวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่สิมและหลวงปู่แว่นพากันนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมตามปกติ ทั้งสององค์ก็ได้พบกับดวงจิตวิญญาณของ เจ้าแม่ทิพย์วรรณ ณ เชียงตุง (ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากที่เชียงใหม่แต่ได้สิ้นบุญไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย) ได้มายืนร้องเรียกขออาราธนาอยู่ตรงลานหน้าพระเจดีย์ในเขตวัดหลวงว่า 'ดิฉันต้องการพระที่นุ่งผ้าดำนะ พระที่นุ่งผ้าเหลืองไม่เอา ขอให้ไปโปรดที่ถ้ำแกเก๊าด้วย' ตามความหมายก็คือ วิญญาณเจ้าแม่ต้องการนิมนต์พระกรรมฐานไปโปรดพวกเขาที่ถ้ำแกเก๊าหรือถ้ำพระสบายในปัจจุบัน แต่ไม่ต้องการพระมหานิกายซึ่งนุ่งห่มผ้าสีเหลือง (ตอนนั้นหลวงปู่แว่นท่านนุ่งห่มผ้าสีรักแก่ออกดำ) เมื่อหลวงปู่แว่นเดินทางมาถึง จังหวัดลำปาง ท่านก็ได้กลับไปดูแลจำพรรษาวัดป่าสำราญนิวาส อีกระยะหนึ่ง
ครั้นพอออกพรรษา พวกศรัทธาบ้านนาคต อำเภอแม่ทะ หลวงปู่แว่นได้ปรารภกับชาวบ้าน ถึงเรื่องถ้ำต่างๆ บนดอยแถวนี้ ซึ่งก็ได้ทราบว่านอกจากจะมีถ้ำแกเก๊า อันเป็นถ้ำใหญ่แล้วก็ยังมีถ้ำใหญ่น้อยอื่นๆอีกหลายถ้ำ จึงได้ขอให้ชาวบ้านที่รู้จักทางพาไปดู ในคืนต่อ ๆ มาก็ได้ก็เปลี่ยนมาพักที่ถ้ำแกเก๊าเป็นส่วนใหญ่ จนได้ติดป้ายชื่อที่หน้าถ้ำว่า ถ้ำสบาย ระหว่างที่กำลังปรับปรุงถ้ำแห่งนี้หลวงปู่แว่น ก็ต้องกลับไปดูแลวัดป่าสำราญนิวาส จึงต้องเดินทางไปๆมาๆ ระหว่างสถานที่ทั้งสองอยู่บ่อยๆ หนทางไปมาก็ยังไม่สะดวกต้องเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะทางกว่ายี่สิบกิโลเมตรในครั้งนั้นพระหลวง กตปุญโญ ก็ได้ไปช่วยปรับปรุงสร้างที่พักสงฆ์ด้วย ได้อยู่ช่วยงานอย่างเต็มกำลัง
ต่อมาวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๔๙๑ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้เดินทางจากวัดสันติธรรมเพื่อเดินทางมาเยี่ยมหลวงปู่แว่นที่ถ้ำพระสบาย พอเจอหน้ากันหลวงปู่สิมก็ยิ้มและทักขึ้นว่า “ยังไงปักธงหลอกใครล่ะ” พูดพลางหันไปมองป้ายชื่อถ้ำแล้วหัวเราะ จากนั้นก็หันมาถามหลวงปูแว่นว่า “ที่ว่าสบายน่ะ ใครสบาย” หลวงปู่แว่นท่านก็หัวเราะอย่างรู้ทีแล้วตอบไปว่า “ก็พระนะซิที่สบาย” หลวงปู่สิมท่านก็ว่า “พระสบายก็บอกว่าพระสบายสิ” จากนั้นเองหลวงปู่แว่นท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อถ้ำเสียใหม่ว่า “ถ้ำพระสบาย” ตั้งแต่นั้นมา
โดยปากทางเข้าถ้ำและภายในถ้ำมีแสงส่าง มีระบบไฟฟ้า สามารถปิด - เปิดด้านล่างและในถ้ำได้ และบนยอดเขาวัดถ้ำพระสบาย พระเจดีย์นั้นสร้างตั้งแต่สมัยท่านปู่แว่นและท่านพ่อลี ได้พิจารณาเห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีลำแสงปรกฏพุ่งขึ้นสูง ไฟแสงสว่างในวันข้างขึ้นข้างแรม ๘ ค่ำ และข้างเจดีย์นั้นมีช้างหมอบ ซึ่งปรับปรุงจัดลานไม้ประดับ มีสระน้ำที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติโดยมีปลา และบูรณะปรับปรุงเพื่อให้ญาติโยมได้สักการบูชา ภายในบริเวณวัดถ้ำพระสบายนั้นอากาศดีมาก และร่มรื่นน่าเข้าไปเที่ยวเยี่ยมชมและมีประเพณีวันสำคัญ ทุกวันที่ ๒๐ เมษายน ของทุกปี จะมีการรดน้ำพระเจดีย์และสรงน้ำพระพุทธรูป
----------
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณที่มา FB Page พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดีครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น