ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่สุภัทธ ปุญฺญาคโม วัดสุโขวนาราม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สุภัทธ์ ปุญญาคโม ๏
วันนี้วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นวันละสังขาร ครบรอบ 2 ปี หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม วัดสุโขวนาราม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น หลวงปู่ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งท่านเคร่งครัดพระธรรมวินัยมาก ท่านได้ศึกษาธรรมและวิชาการต่างๆ ตามแนวทางการสั่งสมบารมีธรรม เมตตาธรรม นับเป็นพระสุปฏิปันโนอีกรูปหนึ่ง ที่มีปฏิปทา อันน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ท่านมีเมตตาจิตอย่างสูงต่อลูกศิษย์และญาติโยมทุกคนที่มากราบไหว้ท่านเสมอ จนเป็นที่ศรัทธาของญาติโยมหลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านเป็นพระนักปฏิบัติเจริญภาวนาวิปัสสนากรรมฐาน และเดินจงกลมทำสมาธิอยู่เป็นประจำทั้งกลางวันและกลางคืน ปฏิบัติธรรมด้วยความเคร่งครัดมากยิ่งช่วงเข้าพรรษา หลวงปู่ท่านจะเร่งทำความเพียรมากท่านไม่ฉันอาหารเลยเป็นเวลานานถึง 30 วัน ท่านจะฉันเพียงน้ำเปล่าและน้ำสกัดจากผลไม้จำนวนหนึ่งขวดเล็กเท่านั้นต่อหนึ่งวัน การปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาทำสมาธิอย่างนี้เป็นการเข้านิโรสกรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษ เป็นการเสวยความสุข อันประเสริฐระงับความทุกขเวทนาทางกายเป็นความสุขเหนือสิ่งอื่นใด ความสุขนี้นอกจากความสุขอันประเสริฐและระงับทุกขเวทนาทางกายแล้ว ก็เพื่อให้โลกคลายความเดือดร้อนวุ่นวายจากภัยอันตรายของธรรมชาติ ด้วยการแผ่เมตตาให้สัตว์ คน ไม่ขัดสนทุกข์ยากทรมานจากกฎของกรรม ในช่วงเวลาที่ปฎิบัติธรรมเข้านิโรสกรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษนี้อยู่ กายสังขารและจิตตสังขารจะระงับไป คือแทบไม่มีลมหายใจไม่มีความรู้สึกทางกายและทางใจมีความมหัศจรรย์มาก คือไม่มีอะไรมาทำอันตรายได้เลย พระท่านเข้านิโรสกรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษอย่างนี้แล้วแต่ตามกำหนดเวลาของท่านตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ถึง 7 วันเป็นสิ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญเป็นบุคคลที่ควรได้รับความเคารพของเหล่าเทพเทวดาและมนุษย์ และได้การต้อนรับอย่างดียิ่งเป็นเขตแห่งบุตรอย่างยอดเยี่ยม“แต่สำหรับหลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโมแล้วท่านกลับอดทนอดกลั้นไม่ฉันภัตตาหารเลยเป็นเวลาถึง 30 วันท่านฉันเพียงน้ำเปล่าและน้ำสกัดจากผลไม้จำนวนหนึ่งขวดเล็กเท่านั้นต่อวัน” และเมื่อพระท่านนั้นออกจากการเข้านิโรสกรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษแล้วก็จะเกิดความหิวขึ้นมา (เพราะว่าอดอาหารมาหลายวัน) บุคคลผู้ใดได้ทำบุญถวายอาหารกับพระอริยบุคคลที่ออกจากนิโรสกรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษ มื้อแรกจะได้รับอานิสงส์ใหญ่หลวง และได้รับผลบุญทันทีทันใดในวันนั้นหรือภายในเร็ววันคือความร่ำรวยทางโลก ปรารถนาสิ่งใดได้ตามแรงอธิษฐาน มีสวรรค์และพระนิพพานเป็นเบื้องหน้า ทุกช่วงที่เข้าพรรษาหลวงปู่สุภัทธท่านจะปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษ อย่างนี้อยู่เสมอ หลวงปู่ท่านเป็นพระเถระที่มีชีวิตเรียบง่าย สมถะ ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ถือตัว หลวงปู่ สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านเป็นพระที่มีบารมีธรรมสูง เมตตาธรรมสูง พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา อารมณ์ดี มักน้อย เคร่งครัดในสิกขาวินัย ยินดีในสิ่งที่ได้ ใช้ในสิ่งที่มี ยินดีและพอใจ ชอบช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น ด้วยเมตตาธรรมและคุณลักษณะอื่นๆ อันเป็นส่วนสังคหะธรรมปฏิบัติเป็นกันเองกับทุกคน จึงเป็นที่รู้จักและเคารพสักการะศรัทธาของญาติโยมโดยทั่วไป ซึ่งท่าน สละประโยชน์ สละสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของส่วนร่วมมาโดยตลอด ไม่ยินดียินร้ายในลาภ ยศ สรรเสริญ นับเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่หาได้ยาก เพราะด้วยการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน จึงได้รับผลที่แน่นอนนั่นเอง ท่านเป็นพระที่สมถะสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่โดยตลอด ใครมีความเดือดเนื้อร้อนใจมีอุปสรรคปัญหาในชีวิต ถ้ามีโอกาสสนทนาธรรมกับท่านแล้ว จะเกิดความสบายใจบันดาลผลให้เกิดความสุขใจอย่างคาดไม่ถึง หลวงปู่ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากและมีความเดือดร้อนโดยถ้วนหน้า ไม่เลือกชั้นวรรณะ ใครไปขอความช่วยเหลืออะไร หากท่านมีหรือช่วยเหลือได้ท่านก็จะช่วยเหลือเสมอทุกคน ไม่เคยแสดงถึงความเหนื่อยและเบื่อหน่ายหรือรำคาญให้ผู้ไปหาได้พบเห็นจะมีแต่รอยยิ้มด้วยความเมตตาปราณีตลอดเวลา
หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด มีชาติกำเนิดในตระกูล มารุวรรณ์ หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านมีนามเดิมว่า สุภัทธ นามสกุล มารุวรรณ์ ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2471 ที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 3 บ้านกุดน้ำใส ต.กุดน้ำใส อ.จตุรภักษ์พิมาน จ.ร้อยเอ็ด โยมบิดาชื่อว่านายมา มารุวรรณ์ โยมมารดาชื่อว่านางลุน มารุวรรณ์ โยมบิดาโยมมารดาของหลวงปู่มีอาชีพทำนาและปลูกพืชไร่ หลวงปู่สุภัทธ ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน เป็นชาย 3 คนและหญิง 5 คน
หลวงปู่สุภัทธ ท่านได้ให้ความเมตตาเล่าให้ฟังว่าในวัยเด็กนั้นหลวงปู่มักจะติดตามโยมมารดาไปยังที่ต่างๆเสมอ จากการที่ติดตามโยมมารดานี้เอง ทำให้หลวงปู่ได้นิสัยใฝ่ธรรมมาตั้งแต่เด็กๆ กล่าวคือโยมมารดาของท่านชอบทำบุญ และไปวัดอยู่จำศีลภาวนาเสมอๆ โดยเฉพาะวันโกนวันพระ๘ค่ำ๑๔ค่ำ-๑๕ค่ำเด็กชายสุภัทธ มารุวรรณ์ จึงมีโอกาสไปวัดและคุ้นเคยกับวัดคุ้นเคยกับพระสงฆ์องค์เจ้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ท่านมีความศรัทธาต่อการบวชได้รับการโน้มน้าวจิตใจ คิดอยากจะบวชเรียนอย่างพระเณรในวัดตามที่ท่านได้พบเห็นมา โดยปกติในชีวิตชาวชนบททั่วไป ประชาชนจะมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ในเรื่องวัดวาเรื่องพระศาสนาเป็นอย่างยิ่งในวันพระชาวบ้านจะช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบริเวณวัด ศาลาการเปรียญ หอฉันตลอดจนห้องพระและพระอุโบสถร่วมกัน นับเป็นความร่วมมือร่วมใจที่ดีงามอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันพระชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานใส่เป็นสำรับ หรือปิ่นโต นำมาทำบุญที่วัดกัน ส่วนวันธรรมดาก็จะพากันตักบาตรพระเป็นประจำทุกเช้า ซึ่งพระสงฆ์จะเดินเรียงแถวมารับบิณฑบาตในหมู่บ้านและชาวบ้านจะพร้อมเพรียงกันออกมาตักบาตรเป็นภาพที่ประทับใจอย่างยิ่ง ในวันพระหลังจากพระฉันเสร็จแล้ว ญาติโยมรับอนุโมทนาแล้วถือศีลอุโบสถตามความสมัครใจแล้ว ก็อยู่ปฏิบัติภาวนาไปตลอดคืน จนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ ส่วนชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับศีลอุโบสถก็จะร่วมใจกันถากถางหญ้าป่าพงบริเวณวัด ปัดกวาดบริเวณวัดจนสะอาดบางคนก็เข้าไปขัดทำความสะอาดห้องน้ำ มองดูเจริญตาเจริญใจเสร็จแล้วก็พากันกลับบ้านเพื่อประกอบภาระกิจของตนต่อไป
หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านคุ้นภาพที่ดีงามเหล่านี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กชายสุภัทธ มารุวรรณ์ ตัวเล็กๆภาพแห่งการเป็นพระที่ดี ฝังจิตใจของท่านมาตั้งแต่สมัยนั้นในช่วงเยาว์วัย ที่หลวงปู่ใช้ชีวิตอยู่กับบิดามารดาท่านก็ได้ช่วยเหลือกิจการต่างๆภายในบ้านเช่น ทำนา ทำสวนและช่วยงานในบ้านเยี่ยงเด็กผู้ชายในชนบททั่วไป ภายในจิตใจของหลวงปู่ท่านใฝ่ฝันที่จะบวชเป็นเณรเป็นพระอยู่ตลอดเวลา ด้วยเพราะถูกอัธยาศัยและเห็นการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ของพระสงฆ์ในวัดที่หมู่บ้านท่านจึงขออนุญาตบิดามารดาไปบวช หลังจากหลวงปู่ได้เรียนจบการศึกษาชั้นประถมปีที่4 ซึ่งเป็นการเรียนที่สูงสุดแล้วในสมัยนั้น หลังจากหลวงปู่ได้บวชเณรที่วัดในหมู่บ้านแล้วนั้น หลวงปู่ท่านก็ได้ศึกษาธรรมและแล้ววันหนึ่งหลวงปู่ท่านก็ได้พบและได้เห็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระกรรมฐานสายพระป่า ที่มีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์ใหญ่แห่งสายพระป่าที่ท่านได้พาพระเณรธุดงค์ผ่านมาและเณรน้อยสุภัทธได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อ ท่านหลวงปู่เสาร์ จึงขออนุญาตบิดามารดาขอติดตามหลวงปู่เสาร์ กันตสีโร เพื่อไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ก็ได้พาเณรน้อยสุภัทธ เดินฝ่าป่าฝ่าดงไปถึงเมืองอุบลฯ เณรน้อยสุภัทธก็ได้อยู่ปฏิบัติธรรมและคอยอุปถากพระอาจารย์เป็นเวลา 3 เดือน แต่ด้วยอายุยังน้อยและความห่วงหาอาทรของแม่ที่ลูกชายต้องจากอกแม่ไปไกลๆ และเมื่อสมัยก่อนนั้นแม่ได้ข่าวว่ามีพระเณรที่ไปธุดงค์นั้นเสียชีวิตก็นึกว่าลูกชายและด้วยความเป็นห่วงลูกชายจึงได้ติดตามไปหาที่เมืองอุบลและไปขอร้องให้เณรน้อยสุภัทธกลับบ้านเกิดเมืองนอน เณรน้อยสุภัทธก็ได้บอกกับโยมแม่ว่าจะขอปฏิบัติกับพระอาจารย์อยู่ที่นี้แต่แม่ก็ได้อ้อนวอนขอร้องให้เณรน้อยกลับไปปฏิบัติใกล้บ้านเณรน้อยสุภัทธก็เลยจำใจ จึงได้ไปกราบลาพระอาจารย์เสาร์กลับมาปฏิบัติธรรมอยู่ใกล้บ้านและได้ไปไปศึกษาธรรมกับหลวงลุง หลวงลุงของท่านก็คือหลวงปู่มหาทองมาแห่งเมืองร้อยเอ็ดและได้ติดตามหลวงลุงไปในสถานที่ต่างๆ หลวงลุงของท่านก็จะคอยสอนการปฏิบัติธรรมให้เณรน้อยสุภัทธอยู่เสมอ ในการปฏิบัติธรรมและสอนมูลกัจจารย์ให้ท่านซึ่งสมัยก่อนนั้นพระเณรจะนิยมเรียนกันมากเพราะถือว่าของสำคัญเรียกว่าธรรมะชั้นสูง ถ้าใครเรียนสำเร็จจะมีความรู้แตกฉานมากเพราะเป็นการเรียนภาษาบาลีล้วนๆ หลังจากนั้นเณรน้อยสุภัทธก็ได้เข้ามาศึกษาเรียนปริยัติธรรมที่เมืองบางกอกมาพำนักอยู่ที่วัดจักรวรรดิ์และได้ไปเรียนนักธรรมโทนักธรรมเอกจนจบ ที่วัดระฆังโฆษิตตารามและเรียนด้านวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหารกับสมเด็จพระพุฒาจารย์อาจ อาสโภเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังจากนั้นหลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ก็มุ่งแสวงหาความสงบโดยการออกเดินธุดงค์จากเมืองบางกอกผ่านป่าเขาลำเนาไพรเพียงองค์เดียว และแวะกราบไหว้นมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี แล้วไปปฏิบัติธรรมตามถ้ำตามเขาในพื้นที่ทั้งจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรีและจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วเดินธุดงค์ต่อไปผ่านเทือกเขาเมืองเพชรบูรณ์หล่มสักเข้าเขตจังหวัดเลย สถานที่นี้แหละที่ท่านได้พบกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และได้เข้าไปกราบขอเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโมและติดตามหลวงปู่ชอบไปปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆในขณะนั้นหลวงปู่สุภัทธ ท่านเป็นพระหนุ่มกว่าเพื่อนที่ออกเดินธุดงค์ติดตามหลวงปู่ชอบ เพราะมีพรรษาน้อยกว่าเพื่อนมีพรรษาเพียง 6 พรรษา 7 พรรษา ส่วนพระรูปอื่นมีพรรษาที่เยอะกว่าคือ 10 กว่าพรรษา ส่วนหลวงปู่ชอบพระอาจารย์ของท่านแล้ว 20 กว่าพรรษาพระที่ติดตามที่ธุดงค์ไปด้วยกันก็มีหลวงปู่รอด หลวงปู่สรรค์ หลวงปู่บุญตันที่ไหนป่าช้าผีดุหรือมีสัตว์ป่าเช่นเสือ ช้างป่าหลวงปู่ชอบจะพาไปปฏิบัติธรรมกรรมฐาน หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่ชอบไม่ให้กลัวเพราะสัตว์ที่เจอนั้นเทวดาท่านมาลองจิตมาทดสอบจิตใจว่าจะมาปฏิบัติจริงหรือไม่และมากำชับให้ปฏิบัติเจริญภาวนาไม่ให้จิตออกนอกหลู่นอกทาง หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโมท่านได้อยู่ปฏิบัติธรรมและติดตามหลวงปู่ชอบอยู่ถึง 3 ปี หลังจากนั้นท่านก็ได้ไปอยู่ปฏิบัติธรรมและจำพรรษากับหลวงปู่รอด ณ.วัดป่าภูหินกอง อ.วังสะพุง จ.เลย และท่านได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์หลายรูปไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่พิบูลย์ วัดพระแท่น(บ้านแดง)อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต หลวงปู่มหาทองมา ร้อยเอ็ด หลวงปู่ซุ่น ติกขปญโญ วัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม หลวงพ่อโต ยโสธโร วัดบ้านกล้วย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลวงพ่อฟุ้ง วัดป่าภูแฝด จ.ชัยภูมิไปธุดงค์สถานปฏิบัติธรรมอยู่วัดถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่เทพอุดรท่านไปปฏิบัติธรรมกัมมฐาน ไปธุดงค์ปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่เมืองลาวกับหลวงลุงถึง 3 พรรษา ไปปฏิบัติธรรมกรรมฐานตามป่าตามเทือกเขาตามถ้ำแทบภูเขาควาย ประเทศลาว ไปศึกษากับคณาจารย์ที่เมืองพม่า ได้ตำราวิชาความรู้ต่างๆของหลวงปู่คำคะนิง แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.อุบลฯและอีกหลายรูปที่หลวงปู่ท่านได้ไปปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ด้วยหลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม ท่านผ่านการธุดงค์มาอย่างโชกโชนไม่ว่าจะเป็นแถบลุ่มแม่น้ำโขง ไทย ลาว พม่า เขมร ท่านได้ผ่านอุปสรรคนานานับประการโดยที่ท่านมีเพียง”ธรรมมาวุธ”เพียงอย่างเดียว ทุกแห่งทุกหนที่ท่านธุดงค์ผ่านท่านจะอบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หลวงปู่ท่านจะเคร่งครัดมากในการปฏิบัติธรรม ท่านจะคอยสอนให้พระเณรคอยมั่นฝึกฝนการปฏิบัติภาวนาอยู่เสมอ และคอยสอนชาวบ้านให้รู้จักการรักษาศีล 5 ว่าถ้าใครรักษาหรือปฏิบัติไม่ได้ท่านก็เปรียบให้ดูว่า อย่างนิ้วมือของคนเราแต่ละข้างมี 5 นิ้ว ถ้าขาดหายไปนิ้วใดนิ้วหนึ่งก็ไม่ปกติจะทำอะไรก็ไม่เป็นสุข ผู้รักษาศีลให้สะอาดหมดจดดีต้องปฏิบัติธรรม 2 ข้อเสียก่อนคือหิริและโอตตัปปะ คือเมื่อศีลเกิดขึ้นกับตัวเรา เราก็เกิดความอิ่มใจ ใจก็สงบ เมื่อใจสงบความสบายก็เกิดขึ้นที่ใจ และหลวงปู่ท่านจะคอยบอกคอยสอนอยู่เสมออย่าให้มีความโลภเกิดขึ้นในสันดานของตน เพราะความโลภที่คิดอยากได้ของผู้อื่นนั้นเป็นความคิดที่ผิดจะไม่มีมิตรคบค้าสมาคมด้วย และความโลภนี้จะนำไปสู่ความหายนะ นอกจากนี้แล้วหลวงปู่จะคอยสอนเรื่องพระคุณพ่อพระคุณแม่อยู่เสมอก็เหมือนกับหลวงปู่ได้กล่าวไว้ว่า
ศัตรูที่แท้จริงของคนเราคือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยการมี ศีล สมาธิ ปัญญา
อยากรวย ให้ พากันทำทาน
อยากสวย ให้ พากันรักษาศีล
อยากมีปัญญาดี ให้ พากัน เจริญภาวนา......
..อย่าตระหนี่กับคุณพ่อคุณแม่ ผู้บังเกิดเกล้าของตนเอง พ่อแม่เป็นเนื้อนาบุญของลูกๆ ที่ลูกสามารถปลูกต้นบุญให้งอกงามได้ ...พ่อแม่เป็นอรหันต์ในบ้าน ขอให้รู้ไว้ว่าถ้าพ่อแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่แล้วคุณมีโอกาสได้เลี้ยงดูปูเสื่อท่านนั้น นับว่าคุณเป็นคนโชคดีมากๆเพราะนั้นเป็นโอกาส ที่คุณจะได้ปลูกต้นบุญเต็มที่..
...ลูกที่เลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยหัวใจไม่ทอดทิ้ง ลูกคนนั้นจะไม่มีวันตกต่ำ
ชีวิตจะงอกงามรุ่งเรือง ครอบครัวเป็นสุข
การงานเจริญก้าวหน้า ไม่มีปัญหาอุปสรรคให้หนักใจ......”
หลวงปู่สุภัทธ ปุญญาคโม วัดสุโขวนาราม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ได้ละสังขารด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ในวันศุกร์ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565 สิริอายุ 94 ปี 3 วัน
------ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญที่มาFB pageพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น