ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต วัดบางแก้วผดุงธรรม อ.บางแก้ว จ.พัทลุง
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวัณโต ๏
วันนี้วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต วัดบางแก้วผดุงธรรม อ.บางแก้ว จ.พัทลุง รำลึก ๒๗ ปี อาจาริยบูชาคุณ หลวงปู่เปลื้อง ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๖๐ ปี ท่านอธิษฐานข้อวัตร ๘ อย่าง หนึ่งใน ๘ ข้อนี้คือ การถือเนสัชชิก ไม่นอนหลังแตะพื้นตลอดชีวิต หมายความว่า ท่านตั้งใจไม่ทำตามกิเลสความง่วงนอน ความขี้เกียจ อย่างน้อยกลางวันก็ไม่นอนตลอดชีวิต
เมื่อท่านปฏิบัติใหม่ๆ บวชใหม่ๆ ท่านก็อายุ ๖๐ ปีแล้ว ในพรรษาท่านอธิษฐานไม่นอนกลางคืนตลอด ๓ เดือน หมายความว่าในพรรษานั้นท่านไม่นอนตลอดพรรษาทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่เนสัชชิกอุกฤษฏ์ ยืน เดิน นั่ง ไม่ให้นิวรณ์ครอบงำจิต ต่อสู้ อธิษฐานแล้ว ยืน เดิน นั่ง ไม่นอน ท่านก็ต่อสู้ ปฏิบัติอยู่อย่างนั้น
เหลืออีก ๗ วันจะออกพรรษา กล้ามเนื้อในท้องของท่านได้เกร็งขึ้นๆ ๆ หมอตรวจแล้วขอให้ท่านนอน ให้ท่านเอนกาย ท่านบอกว่าไม่นอน ตายดีกว่าเสียสัจจะ เพราะท่านได้ สมาทาน ไม่นอน ยืน เดิน นั่ง ตลอด ๓ เดือน บัดนี้อีก ๗ วันก็จะออกพรรษาแล้ว หมอก็เลยเกิดศรัทธาถวายนวดให้ นวดกล้ามเนื้อที่ท้องนี่แหละ ในที่สุดก็คลาย ท่านก็สามารถรักษาความตั้งใจจนออกพรรษา ตั้งแต่นั้นท่านก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆ หลวงปู่เปลื้องท่านสอนว่า "คนทั่วไปนอนแล้วสบาย พระปฏิบัติไม่นอนแล้วสบาย"
หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย ลงไปปักษ์ใต้เพื่อตามหาพระไม่นอน ถ้าไม่พบจะไม่กลับ ท่านตามหาอยู่สองปี จึงพบหลวงปู่เปลื้อง ในปี พ.ศ.๒๕๒๑ ที่วัดควนเจดีย์ จ.สงขลา ขอทดสอบหลวงปู่ ๓ คืน กลางคืนหลวงปู่หลุยพักอยู่ห้องหนึ่ง หลวงปู่แยกพักอีกห้องหนึ่ง หลังจากนั้นหลวงปู่หลุยบอกกับหลวงปู่เปลื้องว่า.. "หลวงปู่สัจจะแรง ชาติก่อนเป็นฤาษี เกศาศักดิ์สิทธิ์" หลวงปู่เปลื้องว่า เกศาศักดิ์สิทธิ์จริงไม่จริงไม่รู้ แต่สัจจะแรงจริง และชอบฉันพืชผัก ผลไม้ และเป็นคนพูดจริงทำจริงมาตั้งแต่เด็กๆ ขอน้อมนำปฏิปทาหลวงปู่มาเผยแผ่ให้ได้น้อมมาเป็นสังฆานุสติและมรณานุสติครับ
• #ประวัติปฏิปทาหลวงปู่เปลื้อง_ปัญญวันโต
หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต หรือพระครูวิจิตรกิตติคุณ นามเดิมท่านชื่อ เปลื้อง มุสิกอุปถัมภ์ บิดาชื่อ นายอ้น มุสิกอุปถัมภ์ มารดาชื่อ นางเอี่ยม มุสิกอุปถัมภ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๖ ที่อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง
เมื่ออายุ ๕-๖ ขวบ ได้เรียนหนังสือที่วัดห้วยลึก อำเภอปากพะยูน เรียนอยู่ปีเศษก็สามารถอ่านและเขียนได้หมด ตอนเด็กๆ ท่านลำบากมาก ตัวเล็กและขี้โรค พอท่านโตขึ้นมาก็ยังเจ็บป่วยบ่อยๆ เป็นโรคนานาชนิด ไม่คิดว่าจะอายุยืนถึง ๓๐ ปี แต่เวลาเจ็บป่วยครั้งใด จะมีเทวดามาบอกยาให้ไปทำกิน แล้วจะหายทุกครั้ง ยาที่เทวดาบอกมี ๒-๓ ขนาน (ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรมีพิษ)
เมื่ออายุ ๑๙ ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดโตนด อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง และเมื่ออายุ ๒๐ ปี ก็ได้ญัตติเป็นพระภิกษุ โดยมีพระธรรมจักรราม เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่วัดประดู่หอม ท่านบวชอยู่ ๒ พรรษา สอบได้นักธรรมตรี แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ท่านขยันเรียนมาก แต่ไม่มีที่เรียนต่อใกล้ๆ ต้องไปเรียนกรุงเทพฯ จึงได้สึกออกมา เมื่ออายุ ๒๔ ปี มารดาจัดให้แต่งงาน มีบุตร ๓ คน
ขณะที่เป็นฆราวาสท่านชอบถือศีล ๘ เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบไปวัดไปช่วยงานสัปเหร่อเผาศพ คอยพลิกศพ สมัยนั้นเขาจะพลิกศพบนกองฟอน ต้องมีคนคอยพลิกศพไปมา ศพจะได้ไหม้ทั่วๆ จนหมด
ท่านฝึกพูดแต่คำจริงอยู่ ๒๐ ปี ถึงจะสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ คือทุกอย่างที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ดั่งภาษิตที่ท่านบอกว่า ของดีหาได้ยากในโลกมี ๔ อย่าง คือ
“ช้างเผือกในป่า สมณะนอกวัฏ”
“ผู้สมบูรณ์คุณสมบัติ คฤหัสถ์พูดจริง”
เมื่อภรรยาอายุ ๕๒ ปี ได้ถึงแก่กรรมลง ท่านจึงออกบวชครั้งที่สองที่วัดท่ามะเดื่อ ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ โดยมีพระราชธรรมมุนี (เปลื้อง จัตตาวิโล) เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านได้มาพำนักอยู่ที่วัดบางแก้วผดุงธรรม และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนกระทั่งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ พระครูวิจิตรกิตติคุณ
ในช่วงที่ท่านบวชครั้งที่สอง ท่านเล่าให้ฟังว่า “อาตมาบวชเมื่ออายุล่วงกาลผ่านวัยมามาก เมื่อบวชแล้วได้เพียรพยายามประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังไม่ท้อถอย มีความตั้งใจมั่นคงในชีวิตพรหมจรรย์” อย่างที่ท่านกล่าวว่า อุรทตวา ถวายกายตั้งสัจจาธิษฐานเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อท่านบวชได้ ๕ ปี ท่านได้เดินทางไปยังวัดเสนหา จังหวัดนครปฐม ท่านไปพักอยู่กับพระครูวิบูลย์ศีลขันธ์ (เทศน์ นิเทสโก) ในตอนกลางคืนท่านเฝ้าสังเกตอยู่ว่า เวลาท่านตื่นขึ้นมาทีไรก็จะเห็นท่านพระครูวิบูลย์ศีลขันธ์นั่งสมาธิอยู่ทุกครั้ง ด้วยความสงสัยจึงได้ถามท่านพระครูถึงเหตุที่ท่านนั่งสมาธิอยู่ทุกคืน โดยที่ท่านพระครูไม่นอน ท่านพระครูจึงบอกว่า “ผู้ปฏิบัติต้องนอนน้อย” ท่านจึงคิดว่าการนอนน้อยทำความเพียรคงเป็นสิ่งที่ดี และท่านรู้สึกประทับใจในพระครู จึงเป็นมูลเหตุให้ท่านถือเนสัชชิกธุดงค์ในภายหลัง
เมื่อบวช ๑๐ ปี มีอยู่วันหนึ่งท่านง่วงนอนมาก จึงคิดว่า “เมื่อไม่นอนกลางวัน แต่มันอยากจะนอนมากนัก ก็ไม่นอนกลางคืนด้วยเสียเลย” ท่านบอกว่าได้อธิษฐานไว้แล้วว่าจะไม่นอน ถ้าชาตินี้ไม่จริง ชาติหน้าก็ไม่จริง ถ้าจะตายก็ให้ตายไปเลย ท่านจึงไม่ยอมนอนต้องนั่งรักษากันไป อาการป่วยก็มากขึ้น ท่านต้องคลานไปคลานมาในกุฏิ ทรมานอยู่ ๒ เดือนกว่า มีหมอนวดแผนโบราณจากอำเภอเมืองมานวดท้องที่แข็งเป็นดาลของท่าน นวดไปนวดมาถูกเส้นอย่างไรไม่ทราบ ท้องหย่อนนิ่มลง หายเป็นปกติและโรคภัยไข้เจ็บสารพัดที่เป็นอยู่ ไม่ว่าปวดหัวปวดแข้งปวดขาต่างๆ ก็หายหมดสิ้น หลังจากนั้นท่านตั้งสัจจะจะไม่นอนตลอดชีวิต
ดังที่ท่านได้เขียนไว้เป็นคำกลอนว่า..
"ถือธุดงค์ ข้อสิบสาม ตามคำสอน
ตัดการนอน ผมทนนั้ง จนหลังแข็ง
วันที่แปด ธันวา ผมแสดง
พ.ศ.แจ้ง สองห้าหนึ่งสี่ ตอนปีปลาย
หลักการสอน ตัดการนอน คือตัวทุกข์
ของเป็นสุข ยังตัดได้ ไม่ขัดขืน
สละสุข ทุกข์ดับ สุขกลับคืน
จิตชุ่มชื่น อยู่ในธรรม ประจำวัน
ผมผู้เขียน ขอแนะนำ ทำมาแล้ว
จิตผ่องแผ้ว สุขสบาย ไม่ใช่ฝัน
ยังปฏิบัติ ฝึกหัดตน จนทุกวัน
จิตตั้งมั่น อดทน จนวันตาย
เว้นไว้แต่ ประสบยาม ความอาพาธ
พญามัจจุราช สั่งงด หมดความหมาย
ถึงหมดแรง หมดฤทธิ์ จิตไม่คลาย
รักษาไว้ ซึ่งความสัตย์ ปฏิญาณ "
หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต มรณภาพเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมอายุได้ ๙๔ พรรษา ในวันฌาปนกิจศพท่านมีผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสมาร่วมงานอย่างคับคั่ง หลังจากไฟมอดแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ที่เป็นศิษย์ของท่านก็ทำการเก็บอัฐิและเถ้าอัฐิจนหมดเกลี้ยง สำหรับผู้ที่ต้องการไปกราบและชมอัฐิของหลวงปู่เปลื้อง ขอเชิญได้ที่ วัดบางแก้วผดุงธรรม อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง
คัดลอกมาจากหนังสือ อนุสรณ์ อายุ ๙๒ ปี หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต ได้รับหนังสือมาจากวัดป่านาบุญ ของหลวงปู่กวง โกสโล ที่แจกเป็นธรรมทาน แอดมินท่องถิ่นธรรมกราบขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่พิมพ์มาถวายเป็นธรรมทานให้ทางวัดแจกจ่ายด้วยครับ...สาธุ
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวมFB pageพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น