ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ วัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์ ต.โนนทองอินทร์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ ๏
วันนี้วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ น้อมมุทิตาสักการะอาจาริยบูชาคุณ ๘๓ ปี ๖๒ พรรษา วันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ วัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์ ต.โนนทองอินทร์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญจันทร์ สีลคุโณ ท่านเป็นพระที่มีปฏิปทาละมุนละม่อมเรียบง่ายเป็นที่ตั้ง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่บุญเกิด ยุตฺตธัมโม ที่วัดป่าศรีคุณาราม อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญเกิด ท่านเป็นพระที่เมตตา สอนให้เอาจริงเอาจังขยันทั้งการงานและการปฏิบัติไหว้พระสวดมนต์ พระบุญจันทร์ไม่ค่อยได้หนังสือ ต้องค่อยๆ ศึกษาอ่านบทสวดต่อภาษามคธทีละคำ จนได้บทธรรมจักรกัปปวัตนสูตร จากนั้นหลวงปู่บุญเกิดก็ให้หัดสวดพระปาฏิโมกข์ ท่านสนับสนุนและคอยส่งเสริมให้พระบุญจันทร์ ได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติ และสอบนักธรรมตรี เมื่อสอบผ่านก็ให้เรียนและสอบนักธรรมโทต่อ ท่านค่อยบอกคอยสอนทีละอย่าง จนพระบุญจันทร์ ที่ไม่รู้หนังสือเมื่อก่อนบวช ได้มีโอกาสเล่าเรียน ที่สุดก็สอบนักธรรมเอกจนสำเร็จ เป็นกำลังของพระพุทธศาสนาในการเผยแผ่ธรรม
"..แนวทางคำสั่งสอนพระพุทธศาสนา ยากหนักยากหนาที่จะมีครูบาอาจารย์ มาชี้แนะแนวทางเตือนสติ การฟังเทศน์ฟังธรรมตามกาลเวลา อย่าไปประมาทมัวเมาสังขารร่างกาย ไม่ใช่ของเราแล้วให้พิจารณาร่างกาย ตาก็ไม่ใช่ของเรา หูก็ไม่ใช่ของเรา จมูกก็ไม่ใช่ของเรา ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ยืมเขามาใช้ทั้งนั้น ถ้าหมดลมหายใจเมื่อใดสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง.." โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่บุญจันทร์ สีลคุโณ
#ประวัติโดยละเอียดคัดลอกจากเพจ หลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ วัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี กราบขออนุโมทนาบุญกับผู้เรียบเรียงครับ
• #ประวัติหลวงปู่บุญจันทร์_สีลคุโณ •
นามเดิม บุญจันทร์ เสน่ห์ดี
เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔
ณ บ้านจีต ต.บ้านจีต อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
(ปัจจุบันแยกออกมาเป็น อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี)
บิดาชื่อ นายหวด เสน่ห์ดี
มารดาชื่อ นางตั้น เสน่ห์ดี
มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๓ คน
หลวงปู่เป็นบุตรคนโต พี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน ๖ คน
รวมทั้งหมดมีพี่น้อง ๙ คน
• #ก่อนบวช
ในช่วงวัยรุ่นหลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ นั้นเป็นคนชอบเที่ยวเตร่ ไปเหร่สาวบ้าง ในสมัยนั้น ท่านพูดเสร็จพร้อมหัวเราะ พอจะทานข้าวเย็นกับครอบครัว ท่านก็ไม่เคยอยู่ตลอดเวลา ตามนิสัยวัยรุ่นในสมัยนั้น
เหตุปัจจัยที่ทำให้ท่านชื่อ (ดำ) ก็เพราะโยมแม่ของท่านได้ตายตั้งแต่หลวงปู่ท่านยังเด็กๆ จนท่านจำหน้าตาแม่ไม่ได้เลย ท่านพูดแล้วยังบอกว่า เสียดายวาสนาจำหน้าแม่บ่ได้ ท่านจึงไม่ได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ท่านขาดสารอาหารจึงตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีผิวคล้ำดำ ตั้งแต่เด็ก จนคนทั่วไปเรียกท่านว่า " ดำ" ตั้งแต่นั้น
• #เหตุปัจจัยในการบวช
หลวงปู่ท่านเมตตาเล่าว่า ท่านไม่เคยคิดอยากบวชเลย แต่ด้วยความว่า พ่อของท่านมาขอร้องให้ท่านบวช " เหตุแห่งการบวชนั้นคือ " มีคนมาขอกับโยมพ่อของท่านว่า " อยากขอนายดำนี่ไปบวช" โยมพ่อท่าน" ต้องถามมันเบิงก่อนเด้อ ว่าจะบวชบ่ บ่อยากบังคับมัน"
ต่อมาโยมพ่อของท่านก็มาพูดกับหลวงปู่ว่า " มีคนมาขอให้โตบวช สิบวชบ่ "
หลวงปู่" สิให้ข่อยบวชยุบ่ ข่อยบ่รุหนังสือ "
พ่อ" บวชลองเบิงสันน้อ "
หลวงปู่" เอ่า สั้นข่อยสิบวช สิบวชจักพรรษาพอน้อ "
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ด้วยสมัยนั้น ฐานะทางครอบครัวทางบ้านนั้นลำบากมาก หลวงปู่กับโยมพ่อ ก็จะพากันตำข้าวเปลือก(ซ้อมข้าว) วันแรกก็กระเถาะเปลือกออก วันต่อมาก็มาซ้อมอีกครั้งเพื่อขัดผิวข้าวให้เป็นข้าวสาร ท่านว่ากว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดนี้แสนลำบากมาก สมัยนั้นลำบากจริงๆๆ
ท่านว่า สมัยก่อนไฟฟ้าไม่มี ต้องใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าช ท่านว่า " มันกะสว่างดีคือกันสมัยนั้น "
• #อุปสมบท
ท่านอุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๕ ณ อุทกุกเขปสีมา(สีมาน้ำ) โดยการต่อแพบวชในหนองเหนี่ยว โดยเป็นหนองที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สำนักวัดโพธิ์ศรี การบวชในครั้งนั้น บวชด้วยกันทั้งหมด ๑๐ กว่ารูป โดยปัจจุบันเหลือเพียงหลวงปู่เพียงรูปเดียวที่ยังครองเพศบรรพชิต
โดยมีพระอุปัชฌาย์ พระครูประภัสสรศีลคุณ(หลวงปู่ทัน ปภัสสโร) วัดอัมพวัน
พระกรรมวาจาจารย์ พระมหาวันดี วัดป่าศรีคุณาราม
พระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่บุญเกิด ยุตตธัมโม วัดป่าศรีคุณาราม
หลวงปู่ท่านเล่าว่า สมัยก่อน กว่าจะได้บวชยากมาก เนื้องจากหลวงปู่ท่านไม่รู้หนังสือ รู้ก็รู้นิดเดียว ท่านเล่าว่าท่านมีเวลาในการท่องคำบวชเพียง ๑ อาทิตย์ อุปัชฌาสมัยนั้น ท่านก็เคร่งครัดมากใครท่องไม่ได้ ไล่ไปท่องมาใหม่ ยกเลิกการบวชไปเลยที่เดียว แจ่ด้วยความมุ่งมั่น บุญวาสนาที่ทำมาก่อน เลยทำให้ท่านสามารถท่องคำบวชได้ ท่านว่าท่านต้องขยันกว่าคนอื่น เพราะด้วยว่าไม่รู้หนังสือ
พอพระดำ บวชเสร็จก็ได้ไปอยู่กับหลวงปู่บุญเกิด ที่วัดป่าศรีคุณาราม หลวงปู่ดำท่านเล่าว่า ตอนก่อนบวชนั้นท่านตกลงกับเพื่อนๆๆไว้ว่าจะบวชด้วยกัน พอถึงวันบวชมีแต่หลวงปู่ดำรูปเดียวที่บวช ท่านว่า " มึงถิ่มกูแท้" เพราะตอนนั้นท่านกลัวผีมาก จะทำข้อวัตรอะไรก็เกิดความกลัวอยู่ตลอดเวลา อยู่มาวันหนึ่ง หลวงปู่บุญเกิด ท่านไม่อยากให้พระดำ เกิดความกลัวอีก ท่านเลยใช้อุบาย พาพระดำไปนั่งภาวนาตรงที่มีการเผาศพคนตาย. ท่านกับหลวงปู่บุญเกิด นั่งกันคนละฝั่ง เมื่อพระดำนั่งพิจารณาไปเรื่อยๆๆ ท่านก็เห็นตามความเป็นจริงว่า " ผีมันบ่มีอยู่อีหลีตั๋วนี้ " แท้ที่จริงเราก็โกหกตัวเองมาโดยตลอดว่าผีมีจริง อุบายที่หลวงปู่บุญเกิดท่านใช้นั้น สามารถทำให้พระดำไม่มีความกลัวขึ้นอีกแล้ว
• #หลวงปู่บุญเกิดสอนพระดำ(กรรมฐาน)
ในสมัยนั้นพระดำบวชใหม่ๆๆ ท่านเห็นหลวงปู่บุญเกิด ตอนกลางคืน ท่านก็เดินไปเดินมาตลอดเวลาบนทางเดินจงกรม พระดำเกิดความสงสัยว่าหลวงปู่บุญเกิดท่านทำอะไรน้อ พระดำเลยไปเรียนถามหลวงปู่บุญเกิด "ครูจารย์เฮ็ดยังน้อครับ" หลวงปู่บุญเกิดเลยตอบท่านว่า "ตามหาพุทโธ"
พระดำเลยถามต่ออีกว่า" ครูจารย์ พุทโธ เป็นโตจังดัยครับ "
หลวงปู่บุญเกิด " จักคือกัน เฮากำลังหาคือกัน ลองหาเบิงเด้อ "
พระดำก็ได้นำเอาคำสอนของหลวงปู่บุญเกิดมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติกรรมฐานจนถึงทุกวันนี้ครับ แนวการสอนการปฏิบัติที่หลวงปู่บุญเกิดนั้น ท่านเน้นการทำให้ดู ทำเองรู้เองเห็นเอง ติดขัดตรงไหนให้ถาม แม้ท่านสมัยนั้นหลวงปู่บุญเกิดท่านเป็นคนพูดน้อย ท่านมักเน้นการทำให้ดู
• #ขอให้สวดปาฏิโมกข ์
ในสมัยนั้น หลวงปู่บุญเกิด ท่านเอาจริงเอาจังกับการท่องจำบทสวดมนต์ต่างๆๆ ถ้าใครท่องไม่ได้ก็จะถูกทำโทษ โดยวิธีการของท่าน ด้วยความเอาจริงเอาจังของหลวงปู่บุญเกิด ที่ค่อยบ่มเพาะพระดำเรื้อยมา จนพระดำอยู่มาได้ ๒-๓ พรรษา พระดำรู้สึกแก่ใจว่า" เราก็อยู่ได้ยุน้อ"
ในสมัยนั้นผู้สวดปาฏิโมกข์ได้มีน้อย ส่วนมากก็จะเป็นหลวงปู่บุญเกิด ที่เป็นคนสวด หลวงปู่ดำท่านเล่าว่า "หลวงปู่เกิดท่านความจำดีคัก จำแม่น ท่านจำบทมหาสมัยสูตรจำได้เบิดทุกบททุกตอนเลย " หลวงปู่บุญเกิดเลยขอให้พระดำหัดท่องปาฏิโมกข์บ้าง
พระดำ"ผมสิท่องได้บ่ผม"
หลวงปู่บุญเกิด" เอาเบื้องต้นก่อนกะได้ ท่องไปเรื้อยๆๆ จักน่อยกะสิได้เองละ "
หลวงปู่ดำท่านเล่าว่า " สมัยก่อนท่านมีความจำดี ก็เพราะอาศัยการสวดมนต์อยู่เป็นประจำ ก็โดยการบ่มเพาะจากหลวงปู่บุญเกิดที่คอยแนะนำ คอยสอนอยู่เป็นประจำ ท่านว่าหลวงปู่บุญเกิด ท่านคอยสอนคอยแนะนำเป็นขั้นเป็นตอน ท่านจะไม่ให้เร่งรีบ ท่านใช้วิธีให้เราทำเป็นขั้นตอน ได้อันไหนก็ขยับบทไปเรื้อยๆๆ จนเราได้
ต่อมาท่านได้รับความไว้วางใจจากหลวงปู่บุญเกิด ให้สอนพระเณรภายในวัดร่วมกับหลวงปู่ศรี สิรธโร หลวงปู่ดำท่านว่า " สมัยนั้นท่านเอาจริงเอาจังมากกับการเรียนการสอน คนไหนท่องไม่ได้ ก็จะมีบทลงโทษ สำหรับคนที่ท่องไม่ได้
หลวงปู่ดำ ท่านเล่าว่า สมัยนั้นอยากสอนแทนอาจารย์มาก ท่านว่าหลวงปู่บุญเกิดนั้น ท่านไม่ค่อยเทศน์สอน จริตท่านนั้นเป็นคนพูดน้อย แต่ท่านจะเน้นการทำให้ดู ท่านว่าบางครั้งคนอยากมาฟังธรรมท่าน ท่านก็พูดนิดเดียว พูดน้อยแล้วก็จบ
หลวงปู่ดำ ท่านเล่าต่อว่า มาตอนนี้เราก็เป็นเหมือนท่านแล้ว ไม่เทศน์ เทศน์น้อยเป็นเหมือนท่าน พอแก่มาก็เป็นอย่างนั้น ตอนหนุ่มๆๆ เราอยากเทศน์แทนท่าน พอแก่มาเข้าใจท่านเลย แล้วท่านก็หัวเราะ
เมื่อครั้งหลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณ บวชได้พรรษาที่ ๕-๖ ได้ร่วมธุดงค์ไปกับหลวงปู่ศรี สิริธโร ได้ออกธุดงค์ไปแถบจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ แสวงหาครูบาอาจารย์ เพื่อศึกษาธรรมะ ท่านได้เดินอยู่แถบภูกุ้มข้าว จ.กาฬสินธุ์ ท่านเดินหลงทางอยู่หลายวัน อาหารก็ไม่ตกถึงท้อง ใกล้ค่ำพอดี ท่านเดินไปเดินมาเจอวัดที่อยู่ภูกุ้มข้าว ท่านเลยเดินเข้าไปขอพักที่วัดนั้น เลยได้เรียนเจ้าอาวาสขอพักที่วัดด้วย เจ้าอาวาสก็ได้เรียนถามว่ามาจากไหนกัน พระดำและพระศรี ก็เรียนเจ้าอาวาสไป ท่านก็เรียนว่า มาจาก บ้านจีต หนองหาน ครับ ท่านอยู่ที่วัดภูกุ้มข้าวได้ ๓-๔ วัน พระดำและพระศรี จะลากลับวัดป่าศรีคุณาราม เลยกราบลาเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสก็ได้ถามว่า มีปัจจัยไหมเอาเป็นค่าเดินทางกลับวัด ท่านทั้งสองได้รับความเมตตาจากเจ้าอาวาสเป็นอย่างมาก ท่านให้ทั้งที่พัก อาหาร แบะท่านยังให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกลับวัดอีก เจ้าอาวาสรูปนี้หลวงปู่ดำ ท่านมิเคยลืมเลย ในช่วงเข้าพรรษาท่านก็จะพาญาติโยมในแถบนั้น ไปกราบคาราวะเจ้าอาวาสรูปนั้นอยู่เป็นประจำ นั้นก็คือ หลวงปู่หา สุภโร หลวงปู่ดำ ท่านพูดเสมอว่า บุญคุณหลวงปู่หา เราไม่เคยลืมเลย ท่านเมตตาเรามาก ถ้าไม่ได้ท่านตอนนั้นเราตายแน่ เพราะเราไม่ได้ทานข้าวอยู่หลายวัน หลงทางกันอีก. ได้อาศัยความเมตตาจากหลวงปู่หานี่ละ
• #การจำพรรษา
- วัดป่าศรีคุณาราม อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
- วัดอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
- วัดป่าบ้านหาดทรายมูบ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
- วัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์
หลวงปู่ดำได้มาเป็นร่มธรรมเมื้อปี พ.ศ.๒๕๒๐
และต่อมาปี พ.ศ.๒๕๒๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์ จวบจนปัจจุบัน
• #ยกย่องหลวงปู่ยอย_วัดป่าโนนนิเวศ จ.อุดรธานี
อาจารย์ยอยนี้ ท่านบวชปีเดียวกัน แต่เรานี่บวชก่อนเดือน เวลาพบเจอกันอาจารย์ยอย ท่านก็กราบเราตลอด เราบอกว่าไม่ต้องกราบหรอก อาจารย์ก็บอกว่า ไม่เป็นไรท่าน นี่ลูกศิษย์ลูกหาควรเอาเป็นแบบอย่างท่าน ท่านสามารถทลายกำแพง ทิฏฐิที่เกิดจากใจท่านได้ ท่านไม่ถือตัว สมเป็นครูบาอาจารย์ที่ลูกศิษย์ลูกหาคววรเอาเป็นแบบอย่าง
• #วินาทีเดียวก็มีค่า
หลวงปู่ท่านจะคอยย้ำคอยเตือนอยู่เสมอ เรื่องอย่าปล่อยให้เวลาเสียไป แม้แต่วินาทีเดียวก็อย่าให้เสีย ให้เรามีสติทุกเวลา เวลาเดิน เวลานั่ง และเวลานอน หลวงปู่ท่านจะคอยบอกคอยสอนให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลา ท่านว่าการที่เรามีสติอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เราเป็นผู้มีความจำดี มีปัญญาดี เพราะอิริยาบถทั้ง ๓ นี้ ทำให้เกิดสมาธิทั้งหมด ขึ้นอยู่กับจริตนิสัยของแต่ละคน เพียงแต่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็มีอานิสงส์มาก
และอีกกิจวัตรหนึ่งที่หลวงปู่ท่านมิได้ขาดนั้น ก็คือ การสวดมนต์ หลวงปู่ท่านเคยเล่าว่า การสวดมนต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้เราเกิดสมาธิได้เป็นอย่างดี เพราะจิตใจเราจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์ จิตใจเราก็น้อมเข้าหาพระรัตนตรัย นี่แหละ สมาธิเราก็เกิด ปัญญาเราก็เกิด
เพราะสมัยก่อนตอนที่หลวงปู่ท่านเป็นพระใหม่ๆๆ ท่านอาศัยการสวดมนต์อยู่บ่อยๆๆนาแหละ ถึงสามารถจำบทสวดต่างๆๆได้ บทที่ว่าสวดยาก จำยาก ท่านก็ผ่านมาได้ เพราะอาศัยการสวดทำให้เกิดสมาธิ ทุกวันนี้หลวงปู่ท่านก็นำพระเณร อุบาสก อุบาสิกา สวดมนต์ทุกๆๆเย็น ท่านว่า บอกอย่างเดียวไม่ฟัง ต้องพาลงมือทำ ถึงจะรู้เองเห็นเอง
• #กรรมฐานทำงาน
หลวงปู่ท่านยกย่องหลวงปู่บุญเกิดอยู่เป็นประจำ เพราะถือได้ว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่ท่านเคารพมาก ท่านถือได้ว่าเป็นพ่อเป็นแม่เรา เพราะท่านให้ทุกอย่าง หลวงปู่ท่านเล่าว่า หลวงปู่บุญเกิดนี้ ท่านจะสอนศิษย์ โดยการทำให้ดูเป็นนิสัยท่าน ท่านจะไม่ค่อยใช้คน สมัยก่อนการทำอัฐบริขารนั้น เราทำเอง ทำใช้เอง หลวงปู่บุญเกิดสมัยนั้นท่านเจ็บอัฐบริขารใช้เองถลกบาตร ผ้าปูนั่งนั้น สมัยนั้นต้องใช้วิธีการเย็บด้วยมือ หลวงปู่บุญเกิด ท่านเย็บสวย ละเอียด หลวงปู่ดำท่านเล่าว่า การที่ท่านสอนทำนั้นทำนี่นั้น เป็นการสอนกรรมฐาน เพราะจิตใจเราจดจ่อกับการทำงานเหล่านั้น สมาธิเกิด สิ่งที่เราทำก็เกิดความละเอียด ความสวยงาม จริตนิสัยท่านจะเป้นแบบนั้นพูดน้อย เน้นพาทำ เราก็ได้หลวงปู่บุญเกิดนี่แหละพาทำ ถึงทำได้
• #ความนอบน้อม
หลวงปู่บุญจันทร์(ดำ) สีลคุโณท่านเคยเล่าว่า การกราบนี่ช่วยลดความทะนงตน ทิฐิภายในใจตนได้ เพราะหลวงปู่ท่านจะทำให้ดูอยู่เป็น ประจำ หลวงปู่ท่านจะกราบด้วยอิริยาบถที่สำรวม นอบน้อมต่อครูบาอาจารย์ เวลาที่สนทนากับครูบาอาจารย์ท่านก็จะประนมมือสนทนาด้วย เพราะท่านยังคงวัตรปฏิบัติที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคยพาปฏิบัติมา ถ้าไม่ทำไว้ มันก็จะไม่อยู่
• #การภาวนาไม่มีข้ามขั้น
หลวงปู่ท่านเล่าว่า การภาวนานั้น เราต้องทำเป็นขั้นตอน ขนาดเรายังต้องเรียนอนุบาล ประถม มัธยม ปริญญา เลย การภาวนาก็เช่นกัน เราต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน เราทำได้เท่านี้ เราก็ขยับขึ้นเรื่อย เราต้องทรมานมันดูบางกิเลส อย่าตามแต่กิเลส
• #พระในบ้าน
หลวงปู่ท่านกล่าวยกย่อง เสมอว่า พ่อแม่นี่คือพระอรหันต์แล้ว ที่เราบ่ต้องสงสัยเลยว่าท่านใช่ไหม ท่านจะเป็นพระแท้หรือไม่นั้น เราไม่ต้องสงสัย เพราะคนนี้แหละเป็นคนทำให้เราเกิดมา ท่านให้เลือดให้เนื้อเรา เราเกิดมาท่านก็ให้มรดกเราแล้ว
หลวงปู่ท่านกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ท่านเล่าว่า แม้แต่หน้าตาท่าน เราก็ยังจำไม่ได้ วันนั้นมีโยมผู้ชายคนหนึ่ง ได้พาแม่มากราบและทำบุญกับท่าน
โยมผู้ชาย ( วันนี้ผมพาแม่มากราบและทำบุญกับหลวงปู่ครับ )
หลวงปู่( ดีๆๆๆ พาแม่มาทำบุญ ทำดีแล้ว นี่ พระในบ้าน (แม่) นี่พระในบ้าน ต้องดูแลท่าน ท่านอยากได้อะไรหาให้ท่านกิน มัวแต่หาพระข้างนอก แต่อย่าลืมพระในบ้านนะ นี่ของจริง )
• #นิวรณ์กั้นไปนิพพาน
นิวรณ์ กั้นทางไปนิพพาน ถ้าจะดับมันนั้น ก็ต้องเข้าใจมันก่อน ดูมันบ่อยๆๆ เพราะนิวรณ์ มันเกิดได้ มันก็ดับได้เหมือนกัน ความง่วงนี้ เราจะต้องกำราบอยู่เรื่อยๆๆ ยิ่งเราไม่ปฏิบัติภาวนา มันยิ่งครอบงำเราง่าย ถ้าเรากำราบอยู่เรื่อยๆๆ ฝึกหัดภาวนา ดูมันอยู่เรื่อยๆๆ นิวรณ์นั้นก็ยากที่จะมาครอบงำเราง่าย นักปฏิบัตินักภาวนาก็ เสียท่าเพราะนิวรณ์นี่ละเป็นเหตุกั้นทางไปนิพพาน เพราะมันเกิดได้ มันก็ดับได้ เราต้องตามดูมัน เข้าใจมัน
• #การภาวนา
การภาวนานั้น หลวงปู่ท่านย้ำอยู่เสมอว่า การภาวนา จะใช้คำบริกรรมคาถา อย่างไรก็ได้ เช่น พุทโธ , ตาย ๆ , อรหังพุทโธ พุทโธ อรหัง ก็ได้ เพราะการบริกรรมของเรานี้รวมลงที่เดียว นั่นก็คือ หัวใจเรานี่แหละ คำบริกรรมนี่ เราจะใช้คำไหนก็ได้ เพราแต่ละคนเรามีจริตนิสัยที่ต่างกัน เราคำที่ถูกกับจริตเราก็เป็นพอ
• #อยากออกศึกษาธรรม
เมื่อครั้งหนึ่ง หลวงปู่ท่านอยากออกเป็นธุดงค์ทางภาคเหนือ ไปอยู่กับหลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า อําเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ซึ่งหลวงปู่มีญาติที่รู้จักที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เชียงราย เลยไปเรียนขอจากหลวงปู่บุญเกิด หลวงปู่บุญเกิดก็บอกว่า จะให้ผมอยู่กับใคร พอท่านได้ยินนี้ท่านก็ล้มเลิกความตั้งใจ
มีอีกครั้งหนึ่ง ท่านอยากไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่บ้านหนองบัวบาน ท่านก็มาขอหลวงปู่บุญเกิดอีก ก็ได้รับคำตอบอีกเช่นเคย จะให้ผมอยู่กับใคร ด้วยความว่า สมัยนั้นคนบวชน้อย พอออกพรรษาก็ลาสิกขากันมาก ท่านก็เลยด้วยความเคารพหลวงปู่บุญเกิด ที่ท่านคอยสอน เลยอยู่กับหลวงปู่บุญเกิดตลอด
• #เรียนกรรมฐาน
หลวงปู่ท่านเล่าว่า สมัยก่อนจะไปเรียนกรรมฐานกับครูบาอาจารย์ก็น้อย ก็ไปได้ไม่นาน ส่วนมากก็ศึกษาธรรมกับหลวงปู่บุญเกิด แต่ก็มีโอกาสเป็นบางครั้งที่ได้ติดตามครูบาอาจารย์ไปขอฟังธรรมครูบาอาจารย์รูปอื่น บางครั้งก็ไปเอง แต่ก็แถบนั้นละ เพราะจำแต่คำหลวงปู่บุญเกิด ว่า จะให้อยู่กับใคร ครูบาอาจารย์ที่ท่านไปขอฟังด้วย เช่น
๑. พระครูประภัสสรศีลคุณ(หลวงปู่ทัน ปภัสสโร) วัดอัมพวัน
๒. หลวงปู่บุญเกิด ยุตตธัมโม วัดป่าศรีคุณาราม
๓. หลวงปูบุญจันทร์ กมโล วัดป่าสันติกาวาส
๔. หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด
๕. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นครั้งคราว
• #ชื่อวัด
หลวงปู่ท่านเล่าว่า วันนี้ตั้งที่แรก ก็มีเจ้าอาวาสรูปแรก ท่านชื่อพระอาจารย์ศรี ท่านเป็นพระที่เทศน์เก่ง สมัยนั้นในแถบนั้น ท่านก็เป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง แต่ด้วยเหตุปัจจัยไหนก็ไม่รู้ ท่านบวชได้ ๑๖ พรรษาท่านก็ลาสิกขามา จึงได้เอานามของท่านมา คำว่า ศรี มา
และอีกคำนี้ก็มาจาก กำนันคงฤทธิ์ โคตรมี กำนันนี้ เป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญทำเยอะๆๆ ท่านได้ถวายทีตรงส่วนนั้น ก็เลยเอานามสกุลท่านมา มารวมกับคำว่าศรี จึงได้ชื่อวัดมาจนถึงทุกวันนี้
"วัดป่ามณีศรีโคตมวงศ์"
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญที่มาFB pageพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น