ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่พล ยโสธโร วัดภูหล่มขุม บ.หนองนกเขียน ต.ร่มเกล้า อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร



 ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่พล ยโสธโร 
     วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ เป็นวันเจริญอาบุวัฒนมงคล ครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี หลวงปู่พล ยโสธโร วัดภูหล่มขุม บ.หนองนกเขียน ต.ร่มเกล้า อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร หลวงปู่พล ยโสธโร เป็นลูกศิษย์ระดับต้น ๆ ของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต แห่งวัดภูจ้อก้อ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร หลวงปู่พล ยโสธโร เคยไปจำพรรษากับครูบาอาจารย์หลายท่านในสมัยนั้น เช่น หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส และจำพรรษาร่วมกับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และ หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี เป็นต้น

หลวงปู่พล ยโสธโร เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้เข้าอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเมื่อปี ๒๕๑๗ ณ วัดอรัญญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านเกิด โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นได้ไปจำพรรษาเพื่อเรียนปริยัติและฝึกปฏิบัติวิปัสสนา ณ วัดป่าพระสถิตย์ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัเหนองคาย กับหลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส ซึ่งในด้านปริยัติธรรมหลวงปู่พลเรียนจบนักธรรมชั้นเอก หลังจากนั้นหลวงปู่ได้หันเหชีวิตเข้าสู่การปฏิบัติภาวนาจนถึงปัจจุบัน

หลวงปู่พล ยโสธโร ได้เขียนบันทึกเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2560 ไว้ว่า เมื่อปีพรรษาที่ 2 พอออกพรรษาเราได้ไปสอบธรรมสนามหลวงที่วัดพระงาม อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เราได้ไปเจอพระอรหันต์ที่คนทั้งหลายเขาเล่าลือกัน พอเราได้เจอได้รู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เราก็จับตาคอยสังเกตุดูท่านทุก ๆ ขณะที่ได้พบเห็น เราก็ไม่รู้ว่าพระอรหันตท่านเป็นอย่างไร แต่เมื่อพบเห็นท่านแล้วดูดีทุกอย่างทั้งอากัปกิริยา คำพูด คำจา การนั่ง การเดิน การไป การมา แม้แต่เวลาฉัน ดูดีไปหมด ภาพที่เราเห็นนั้นดูติดตาติดใจเรา อยู่ในใจเราก็คิดว่าถ้าเรามีโอกาสเราจะเข้าไปศึกษาลองดู พอเรามีโอกาสจังวะดี ๆ เราก็ถือโอกาสกราบลาท่านอาจารย์ที่วัด ออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ภูผาดัก เพราะว่าพระอรหันต์ท่านอยู่ที่นั่น เราฉันเช้าเสร็จออกเดินทางผ่านบ้านป่าสัก ผ่านบ้านหม้อ ผ่านบ้านขุมคำ เดินลัดตัดใส่บ้านเสียว เลี้ยวมาบ้านสูนกลาง ย่างมาบ้านน้ำทอนใต้ บ่ายจะค่ำพอดีจึงแวะเข้าพักปักกรดนอนค้างคืนที่วัดร้างข้างบ้านน้ำทอนใต้

ตื่นเช้าออกบิณฑบาตฉันเส็จออกเดินทางต่อไปบ้านด่านสีสุข ออกจากบ้านด่านมุ่งหน้าไปผาดัก ระยะทาง 8-9 กิโลทางรอยคนเดินขึ้นเขาเข้าดงโคกหนาป่าทึบทั้งนั้น เราเดินไปองค์เดียวหลงทางเดินป่าหลายครั้งแต่ก็ถอยตั้งหลักไหม่ ใกล้จวนจะค่ำถึงภูผาดักพอดี เราเดินขึ้นไปเห็นบรรยากาศของสถานที่ดูวิวทิวทัศน์ภูเขาของภูมิประเทศช่างน่ารื่นเริงบันเทิงใจอย่างบอกไม่ถูก โลกทั้งโลกเหมือนไม่มีอะไรจะเร้นลับปิดบังความรู้สึกเราได้เลย เพราะภูผาดักเป็นภูผาสูงมองไปได้รอบทิศ ไม่มีภูเขาต้นไม้ปิดบังเราผู้เพิ่งได้มาพบภูผาป่าไม้เป็นครั้งแรกในชีวิต เกิดวิเวกเอิบอิ่มเบิกบานใจ

เดินไปชมไปจนเข้าไปใกล้กุฎิของพระอรหันต์ เรายิ่งประทับใจใหญ่จนเราจุปาก แหม!!!! ทำไมน่าอยู่ขนาดนี้ อย่างนี้หรือที่อยู่พำนักของพระอริยะเจ้า คือตรงกุฎิที่ท่านอยู่เป็นลานหินหน้าผาสูงพ้นปลายไม้ที่ว่าสูง ๆ ทุก ๆ ต้นทำกุฏิยกพื้นสูงประสาน 2 เมตร ตรงระเบียงทำเป็นทางจงกรมตั้งอยู่ห่างหน้าผาสูงไม่เกิน 4-5 เมตร เราเห็นบรรยากาศแล้วมีความปลื้มปีติมาก ได้เข้าพบพระอรหันต์ในค่ำวันนั้น

พอได้เข้ากราบท่าน กราบเรียนความตั้งใจที่ด้นดั้นมา ท่านรู้ความประสงค์ของเราแล้วท่านก็ต้อนรับปฏิสันถารด้วยไมตรีจิตเป็นดีเยื่ยม ท่านให้ไปพักกุฏิอีกหลังหนึ่งอยู่เยื้อง ๆ ไปทางทิศใต้ อยู่ใกล้หน้าผาเหมือนกันแต่ต่ำลงไปนิดหนึ่ง อยู่ห่างกันประมาณ 200 หรือ 300 เมตร เราได้การต้อนรับอย่างดีได้ที่พักอย่างดีมีอาจารย์เป็นพระอรหันต์ อยู่มาได้ 3 วัน มีโยมที่อุปัฏฐากมาพูดคุยด้วยเขามาถามข่าวคราวเรา เขามาถามว่าเป็นไงครูบา มาอยู่ที่นี่ เราตอบเขาไปตามใจจริงบอกว่าดีมากชอบมาก เขาก็พูดสรรญเสริญคุณของพระอรหันต์ให้ฟัง และกล่าวถึงอานุภาพอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ให้ฟัง แล้วเขาก็ว่าครูบามาอยู่ที่นี่ดีแล้ว ถ้าครูบาอยู่จะดีเลย เราก็พูดตอบเขาไปว่าถ้าครูบาปฏิบัติไม่ดีครูบาจะดีได้อย่างไรล่ะ เขาบอกว่าถ้าครูบาอยู่ได้ ครูบาจะได้ดีเลย เขาพูดแล้วเขาก็ลาจากไป 

วันต่อมาเรานั่งภาวนามีแต่ง่วงมีแต่จะหลับตอนเย็น ๆ เราเข้าหาท่านที่กุฏิ กราบเรียนศึกษาวิธีปฏิบัติอุบายแก้ง่วง ท่านก็เทศนาให้ฟังและให้แนวคิดอุบายแก้ง่วง ท่านบอกว่าแรก ๆ ผมก็ง่วงเหมือนกัน ผมต้องตั้งสัจจะไม่นอนทั้งวันทั้งคืน 20 วัน จากนั้นผมไม่ง่วงไม่หลับเลย ท่านเทศให้ฟังมากมายทั้งดีและไม่ดี พอได้เวลาพอสมควรเราก็กราบลาท่านกลับกุฏิของตน

พอเรามาถึงกุฏิเข้าห้องไหว้พระสวดมนต์ พิจารณาอุปนิสัยตัวเองว่าเราเป็นคนประเภทไหนหยาบหรือละเอียด พอรู้และเข้าใจว่าเราเป็นคนหยาบ เราต้องทำมาก ทรมานอย่างหนักกว่าครูบาอาจารย์ ท่านอาจารย์ตั้งสัจจะไม่หลับนอน 20 วัน เรามันคนหยาบเราต้องตั้งให้มากกว่าท่าน เราพิจารณาแล้วเราเลยตั้งสัจจะไม่นอนทั้งวันทั้งคืน 2 เดือนจะไม่ยอมพิงหลับจะไม่ยอมเอาหลังแตะพื้นเป็นอันขาด เราไหว้พระสวดมนต์ตั้งสัจจะเริ่มต้นปฏิบัติอยู่ที่ผาดักเป็นต้นมา

พอเราลงมือปฏิบัติไม่นอนวันที่ 3 - 4 - 5 เริ่มมีอาการง่วงหนักทวีขึ้นเรื่อย ๆ ร่างงกายก็เริ่มทุรดโทรมขึ้นทุกที ๆ จนแทบจะสู้ไม่ไหว จนคิดสละยอมเป็นยอมตายวันที่ 6-7 ถึง 10 วัน ยิ่งรุนแรงทวีมากขึ้น ลูบไล้ดูใบหน้าลูบดูตามเนื้อตามตัวตามหัวตามหน้าผากร้อนเหมือนเอาไอไฟตั้งไว้บนหน้าผาก เราก็เป็นพระใหม่ไม่รู้อุบายวิธีใดเลยนอกจากสู้ตายเท่านั้น

มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เดินจงกรมเบลออยู่ รู้สึกสว่างวาบขึ้นสว่างทั้งภูเขาหุบเหวที่ลุ่มราบ เรายืนงงขยี้ลูกตาดูแล้วดูอีกตรงหน้าผาหุบเหวผาดัก สว่างเป็นเมืองเป็นสวนสนุกไปทั้งหมด เรายืนดูแสงสว่างหลอดไฟในสวนสนุกนั้นตั้งนานเราก็เตือนสติตัวเองว่านี่หน้าผาหุบเหวนะ อย่าไปเชื่อว่าเป็นจริงนะ เราเตือนตนให้ระมัดระวังให้สำรวมจิตไว้ อย่าหลงว่าเป็นจริงเด็ดขาด เราสำรวมจิตแล้วออกเดินจงกรมพยายามไม่มองไม่ดูแต่ก็เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ตั้งใจมอง ปรากฏเห็นเป็นเทวดาเหาะขึ้นมาจากหุบเหวที่ปรากฏเป็นสวนสนุกนั้น เทวดา 2 ตนเหาะขึ้นมาเชื้อเชิญเราให้ลงไปด้วย เราไม่ปฏิเสธไม่รับแต่เราเตือนสติตัวเองว่านี่หน้าผานี่หุบเหว ตายนะ ตายนะ เราตั้งสติเตือนตนบอกว่าตายนะ ๆ อยู่ตลอด จนไม่เอาคำบริกรรมอะไรเลย ความง่วงไม่มีความเจ็บปวดไม่มี ความรู้สึกอื่นไม่มี รู้แต่ว่าตัวเองบริกรรมตายนะ ตายนะ อยู่จนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่รู้ว่าอาการนั้น มันดับลงเมื่อไหร่ด้วยวิธีใด ใจเราอยู่ในอารมณ์เดียว รู้แต่ตายนะ ๆ เท่านั้น เรื่องนี้เราไม่กล้าพูดให้ใครฟัง กลัวเขาว่าบ้า ต่อ ๆ มาเราไปรู้ประวัติองค์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่เป็นคล้าย ๆ กับเราเรา ถึงกล้าพูดให้บางคนได้ฟังบ้าง หวังว่าผู้อ่านคงไม่บ้าเหมือนผู้เขียนน้อ

วัดภูหล่มขุม เลขที่ ๒๐๔ หมู่ ๔ บ้านหนองนกเขียน ตำบลร่มเกล้า อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร เป็นวัดราษฎร์ชนิดวัดป่า เน้นการปฏิบัติภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์จากวัฏสงสาร โดยมีหลวงปู่พล ยโสธโร เป็นประธานสงฆ์และสั่งสอน การสอนใช้บริกรรมแบบภาวนาพุทโธ ตามแนวหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

วัดภูหล่มขุม ตั้งขึ้นตามดำริของหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต โดยหลวงปู่ได้เมตตามอบหมายให้หลวงปู่พลไปอยู่จำพรรษา ณ สถานที่ดังกล่าวเพื่อทำการสร้างและพัฒนาเป็นวัดต่อไปเมื่อปี ๒๕๓๑ นับได้ว่าหลวงปู่ได้เมตตาเอาใจใส่เป็นพิเศษ หลวงปู่พลได้ตระหนักในความเมตตาและความไว้วางใจของหลวงปู่เป็นอย่างดี จึงได้ตั้งปณิธานที่จะอยู่จำพรรษาเพื่อสร้างและพัฒนาวัดตามความดำริขององค์หลวงปู่จากความไม่มีอะไรเลย หลวงพ่อได้จำพรรษา ณ วัดภูหล่มขุม ตั้งแต่ยังเป็นสำนักสงฆ์ในปี ๒๕๓๑ จนถึงปัจจุบัน เว้นพรรษาเดียวที่ไปจำพรรษาที่วัดป่าสวนปาล์มมโนธรรม บ้านบุ่งอุทัย ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่ท่านได้สร้างจากแรงศรัทธาของโยมที่ถวายที่ดินเมื่อปี ๒๕๔๗ และไปจำพรรษาเมื่อปี ๒๕๕๓ 

ปัจจุบันวัดภูหล่มขุม มีเสนาสนะคือศาลาปฏิบัติธรรม ศาลาฉัน ศาลาอเนกประสงค์ วิหาร ห้องสมุด โรงเตรีมอาหาร โรงอาหาร โรงย้อม ประเภทละ ๑ หลัง และมีกุฏิสำหรับพักปฏิบัติของพระภิกษุสามเณรและอุบาสก จำนวน ๒๗ หลัง พักได้เท่าจำนวนกุฏิ สำหรับยุบาสิกา ๑๕ หลัง พักได้ประมาณ ๔๐ คน

ในปี ๒๕๕๕ ในโอกาสที่หลวงปู่มีอายุครบ ๖๐ ปี พรรษา ๔๐ หลวงปู่มีดำริสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ ณ ลานหินหน้าวัดเพื่อให้สาธุชนที่มาวัดได้สักการะโดยสะดวก จึงได้เดินทางไปดูและสั่งสร้าง ณ นครดานัง ประเทศเวียตนาม เป็นพระปางสมาธิศิลปเวียดนามที่สร้างจากหินอ่อนขาวแกะสลัก หน้าตักกว้าง ๒.๕๐ เมตร องค์พระสูง ๕ เมตร บัดนี้พระพุทธรูปหินขาวองค์ดังกล่าวได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดภูหล่มขุม เป็นที่สักการะบูชาของเหล่าสาธุชนโดยทั่วไป


ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco