ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่พวง สุวีโร วัดป่าปูลูสันติวัฒนา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี



ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่พวง สุวีโร 
     วันที่ ๒๒ มกราคม​ ๒๕๖๘ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่พวง สุวีโร รำลึก ๒๒ ปี อาจาริยบูชาคุณ "พระอริยสงฆ์ผู้กตัญญูโปรดมารดาให้พ้นทุกข์ภัย" แห่งวัดป่าปูลูสันติวัฒนา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หลวงปู่พวง ท่านมีศรัทธาออกบวช โดยเป็นผ้าขาว อยู่กับหลวงปู่สีลา เทวมิตฺโต และหลวงปู่พร สุมโน ถึง ๒ ปี ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบฟังธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าหนองผือนาใน อยู่บ่อยครั้ง เมื่อบวชแล้วได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย วันหนึ่งนั่งสมาธิเห็นโยมแม่ที่ตายแล้ว ได้เป็นอยู่อย่างอัตคัด ไม่มีผ้านุ่งผ้าห่ม ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย จึงอธิษฐานกับพระประธานว่า “ช่วงเช้าไปบิณฑบาต ขอให้มีคนมาถวายผ้า” ครั้นไปบิณฑบาตก็มีคนมาถวายผ้าขาวจริงๆ ท่านจึงนำผ้าขาวไปย้อมด้วยหินสีแดง แล้วนำไปซักตาก พอแห้งก็นำมาย้อมแล้วซักตากอีกรอบ จากนั้นก็นำไปพับถวายหลวงปู่ขาว กราบเรียนท่านว่า “ขอโอกาสพ่อแม่ครูจารย์ บังสุกุลแน อุทิศให้แม่” หลวงปู่ขาว จึงชักผ้าบังสุกุลให้ คืนนั้นหลวงปู่พวง นั่งภาวนาเห็นโยมแม่ มีผ้านุ่งผ้าห่มผืนใหม่ แล้วยังมีผ้าอีกหลายผืนห้อยเต็มไปหมด 

จากนั้นหลวงปู่พวงจึงคิดว่าทำอย่างไร โยมแม่จึงมีที่อยู่ที่อาศัย หลายวันต่อมา มีโยมนิมนต์หลวงปู่ขาว กับพระที่วัดไปสวดมนต์ที่บ้าน หลวงปู่พวง จึงได้มีโอกาสตามไปด้วย ญาติโยมได้ถวายปัจจัย หลวงปู่ขาว จึงบอกกับพระสงฆ์ว่า อัฐบริขารเราก็มีอยู่พร้อมแล้ว ให้นำปัจจัยนี้ไปสร้างกุฏิ และถาน(ส้วม) ตามที่ท่านพวง อธิษฐานไว้ ครั้นเมื่อสร้างเสร็จ หลวงปู่พวง จึงได้น้อมถวายกุฏิ และถาน(ส้วม) แก่หลวงปู่ขาว อนาลโย จากนั้นตกกลางคืน หลวงปู่พวงได้นั่งสมาธิ มองหาแม่ ออกตามหาทั้งคืนก็ไม่เห็น ผ่านไป ๔ วัน จึงไปกราบเรียนหลวงปุ่ขาว “ขอโอกาสพ่อแม่ครูจารย์ หาแม่บ่เห็น” หลวงปู่ขาว บอกให้ ”ขึ้นสูงๆ” หลวงปูพวง จึงนั่งสมาธิหาตามยอดไม้ก็ไม่เห็น หรือจะเป็นที่สวรรค์กันแน่ ท่านจึงรวบรวมพลังจิตทั้งหมดขึ้นไปดู จึงเห็นวิมานของโยมแม่บนสวรรค์ เห็นร่างกายที่เป็นทิพย์ของโยมแม่ จึงสบายใจขึ้นว่า โยมแม่พ้นทุกข์แล้ว 

เกริ่นประวัติบางส่วนมาแล้ว จึงขอน้อมนำประวัติองค์ท่านมาให้พิจารณาเพิ่มเติมเพื่อเป็นสังฆานุสติ และมรณานุสติครับ

“…คนจะดีหรือเลวก็เพราะจิตนี่แหละเป็นตัวการอันสำคัญ เพราะจิตเป็นธรรมชาติอันวิจิตร จึงทำให้สัญญาคือความจำวิจิตร เพราะสัญญาวิจิตรจึงทำให้ตัณหาวิจิตร เพราะตัณหาคือความทะเยอทะยานอยากวิจิตรจึงทำให้คนเราทำกรรม” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่พวง สุวีโร

พระครูวีรธรรมานุยุต (หลวงปู่พวง สุวีโร) เดิมชื่อพวง สีทะเบียน เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๑ ณ บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานีเป็นบุตรของนาย จุ่น สีทะเบียน และนางมา ขันตีพันธุวงศ์ บิดาเป็นชาวบ้านกงพาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ส่วนมารดาเป็นชาวบ้านปูลู มีพี่น้องทั้งหมด ๑๔ คน หลวงปู่เป็นคนที่ ๘

• #มูลเหตุให้ได้ออกบวช
เมื่อหลวงปู่อายุได้ ๑๖ ปี ได้ทำงานประมงบ้าง ทำงานโรงต้มสุราบ้าง ไม่นานก็ได้ยินข่าวว่ามารดาป่วยหนักจึงลางานไปเยี่ยมมารดา ก่อนมารดาของหลวงปู่จะสิ้นลม ได้สั่งหลวงปู่ว่า " บวชให้แม่นะ ถ้าลูกไม่บวชให้ แม่จะตายตาไม่หลับ" หลวงปู่ก็รับปากแล้วมารดาก็สิ้นใจ ด้วยจิตศรัทธาอยากจะบวชอยู่แล้ว ในช่วงที่รอเวลาเหมาะที่จะบวชอยู่นั้นหลวงปู่ได้แสวงหาฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์อยู่เรื่อยๆ เช่น ไปฟังธรรมะพระอาจารย์สิงห์ สหธัมโม พระอาจารย์พร สุมโน พระอาจารย์สีลา เทวมิตโต เมื่อถึง พ.ศ.๒๔๙๐ หลวงปู่ได้ไปนุ่งขาวห่มขาวอยู่กับพระอาจารย์สีลา เทวมิตฺโต อยู่ถึง ๒ ปี จึงได้บวช ในช่วงระยะนั้นหลวงปู่ยังได้ฟังธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโยที่มาแวะเวียนธุดงค์อยู่แถวนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นช่วงที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านอาพาธหนักหลวงปู่ยังได้ช่วยหามหลวงปู่มั่นไปจนถึงวัดป่าสุทธาวาสและหลวงปู่มั่นก็มรณภาพ ณ ที่นั่น หลวงปู่จึงได้อยู่ช่วยงานถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่นจนแล้วเสร็จจึงได้บวช 

• #อุปสมบท
เมื่อหลวงปู่สีลาและหลวงปู่พรพิจารณาเห็นว่าหลวงปู่เรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติครบถ้วนแล้วจึงอนุญาตให้บวชได้โดยบรรพชาเป็นสามเณรก่อนเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ และในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อเวลา ๑๕.๔๐ น. ณ อุทกุกเขปสีมากลางหนองแวง อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร โดยมีพระครูพุฒิวราคม (พุฒ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์คู่นาคที่บวชพร้อมกับหลวงปู่ในครั้งนั้น คือพระราชญาณมุนี (บุญมี ฐิตปุญโญ) เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร

แต่การจะอุปสมบทนี้ก็ไม่ใช่จะสำเร็จได้ง่ายๆ ดังที่หลวงปู่ได้เล่าไว้ดังนี้

“หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ขณะนั้นท่านอยู่ถ้ำเป็ด ไปนิมนต์ท่านลงมาให้เป็นพระคู่สวด บวชเณรก่อน สมาทานศีล ๑๐ ก่อน หลวงปู่อ่อนชี้มือมาที่อาตมาแล้วพูดว่า “ผ้าขาวนี่เหรอจะบวช ๕ ปี ถ้าบวชแค่ ๕ ปี ไม่ไปบวชให้หรอก กลัวเอาศาสนาบังหน้า เมื่อศึกษาเล่าเรียนมีความรู้แล้วสึกหาลาเพศออกไปทำงาน”

สมัยอาตมาเป็นฆราวาส ก็ได้ศึกษาปริยัติธรรมมาเช่นกัน คือ สอบได้ธรรมศึกษาโท และคิดว่าเมื่อบวชแล้วก็อยากศึกษาบาลี เพื่อที่จะสอบมหาเปรียญ ๓-๕ ประโยคกับเขาบ้าง คิดว่าบวชเรียนสัก ๕ ปี ก็จะสึกหาลาเพศออกไปทำงาน ซึ่งเป็นความตั้งใจในตอนแรก แต่พอได้ยินหลวงปู่อ่อนท่านทักขึ้นมา ทำให้พระอันดับต่างลุกหนีกันไปหมด จากนั้น หลวงปู่อ่อนจึงนั่งเทศน์ให้ฟังจาก ๑๐ โมงเช้าจนถึง ๓ ทุ่มกว่า ไม่ยอมลุกไปไหน อาตมาก็นั่งฟังท่านเทศน์อยู่นั้น จนตัดสินใจว่า “จะขอบวชไปตลอดชีวิตไม่ยอมสึก”

พอตัดสินใจได้ดังนี้แล้ว เสมือนท่านจะรู้ ท่านจึงบอกว่า “เอ้อ...อย่างนั้นแหละ รู้จักผิดรู้จักถูก ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว”

อาตมาเตรียมของบวชประมาณ ๓ ทุ่ม ท่านเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงบวชเณรให้ก่อน วันต่อมาจึงได้บวชพระโดยสมบูรณ์”

หลวงปู่พวง ได้ออกปฏิบัติธรรมโดยเคร่งครัด ได้ออกเที่ยวธุดงค์กรรมฐานไปในเขตหลายจังหวัดทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ และได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายรูปอาทิเช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร เป็นต้น

• #เจอภูมิที่ถ้ำมาทดสอบจิต
หลวงปู่เที่ยวธุดงค์อยู่แถบภูเขาในเขตจังหวัดเลย เป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็ข้ามเขตไปถึงทางจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย โดยหลวงปู่ได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งธุดงค์อยู่ในเขตจังหวัดเลย ไว้ดังนี้

“อาตมาเคยไปอยู่เขาในเขตอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ไปอยู่ ถ้ำแห่งหนึ่ง ผีดุมาก มันมาทดสอบจิตหลายอย่าง แต่ก็เอาชนะเราไม่ได้ และที่บ้านนาป่าซาก บ้านนาตง-นาเขา ทางที่จะออกไปสู่แผ่นดินลาว มีถ้ำหนึ่ง มีพระพุทธรูปเก่ามากมาย มีพระธุดงค์เคยไปอยู่แต่อยู่ไม่ได้ เขาบอกผีจะ กิน ผีจะกินพระมันไม่กลับบาปหรือ มันจะกินพระได้ยังไง แต่เมื่อเราไปอยู่ก็ไม่เห็นมีอะไร เพราะจิตเราสงบ

พวกฝีมันมาเต็มไปหมด บางที่เราให้ศีลเขา เขาก็อยากสร้างความดีเหมือนกัน อาตมาให้ศีลผี เพื่อนพระมองไม่เห็น ได้ยินแต่เสียง เขาถามว่า พูดอะไรกับใคร
อาตมาตอบเขาไปว่า “ให้ศีล..พวกภูมิเขามา” 
เขาถามอีกว่า “ทำไมไม่เห็นตัวล่ะ” 
อาตมาบอกว่า “เป็นพวกกายทิพย์ เขามาฟังเทศน์” 
“มากมัย”... “มาก”

ตั้งแต่วันนั้นไม่มีสิ่งใดๆ มารบกวนจึงอยู่ปฏิบัติธรรมกันอย่างสบาย เราไปกัน ๔ รูป แต่ละรูปมุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดทั้งนั้น ทำให้เราไปกันได้อย่างสบาย ไม่มีอะไรติดขัดนอกจากความลำบากในการขบฉันเท่านั้น”

“ช่วงหนึ่งอาตมาไปวิเวกกับหลวงพ่อเพชรบุรี ถ้าเรานอนมันจะมาจับชาเขย่าบอกลุก ๆ มันปลุกให้ลุกขึ้นมาปฏิบัติธรรม เรียกว่านอนไม่ได้เลย นอนที่ไรมันมาปลุกทุกที จะว่าคนมาปลุกก็ไม่ใช่ เพราะที่นั่นไม่มีใคร

บางที่เรานั่งสมาธิอยู่กำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับ มันจะหัวเราะเรา และบางที่มันจะมากระซิบที่ข้างหูว่า “ลุก ๆ จะพาไปดูอะไรบางอย่างที่ถ้ำ” 

พอเราไปดูก็เห็นของมีค่ามากมาย เช่น เพชรนิลจินดา และพระพุทธรูปทองคำเก่าแก่ แต่เราไม่สนใจ มันคงพามาทดลองใจว่าเราอยากได้ของเหล่านี้ไหม พอเราไม่สนใจ มันก็พามาส่งโดยปลอดภัย

แต่เคยมีพระธุดงค์บางรูปที่มาถ้ำแห่งนี้แล้วหายไปหรือมรณภาพไปก็มี ทั้งนี้คงเป็นเพราะเกิดความโลภ อยากได้ของคนอื่น จึงถูกเจ้าของทำร้ายเอา คือคงถูกผีหลอกจนขวัญหนีดีฝ่อ หรืออาจจะกลัวลนลานจนตกหน้าผาไปก็มี เพราะไม่อยู่ในอาการสำรวมอย่างเช่นสมณเพศทั่วไป เกิดความอยากความโลภ อันเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ...”

• #ความลำบากของการธุดงค์
บางทีไม่ฉัน...บางทีก็ฉัน...เพราะบางที่บางแห่งไม่มีหมู่บ้านคนเลย บางแห่งไปบิณฑบาตเขาใส่แต่ข้าวเฉย ๆ หรือบางที่ใส่ข้าวเหนียวกับเกลือ อย่างอื่นก็ไม่มี หรือใส่ข้าวโพดกับข้าวเหนียว เพราะเขาไม่รู้เป็นชาวป่าชาวเขา เขาไม่รู้จักธรรมเนียมและเขาก็กินอย่างนั้น

สมัยก่อนคนป่าคนเขายังไม่รู้จักพระ เพราะบางแห่งพระยังเข้าไปไม่ถึง บางแห่งมีหมู่บ้านแต่ไม่มีพระ บางที่หมู่บ้านหนึ่งมีเพียง ๑๐ หลังคาเท่านั้น วัดก็ไม่มี ถึงมีก็ไม่มีพระอยู่ พวกเขาจึงไม่รู้จักไหว้ และไม่รู้จักใส่บาตร เป็นคนดิบไปเลย คนดิบคนดงสมัยก่อนเป็นอย่างนี้จริง ๆ

แต่ที่ไหนเคยมีครูบาอาจารย์เดินผ่านมาบ้าง เขาก็พอจะรู้จักขนบ ประเพณีบ้างเพราะครูบาอาจารย์เคยแนะนำเขาเอาไว้ เราไปที่หลังจึงสะดวกขึ้น คือพวกเขารู้จักพระมากขึ้น เช่นที่จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ ผีตองเหลืองไม่รู้จักพระ ไปบิณฑบาตบางทีมันก็ใส่บาตร บางทีก็ไม่ใส่

บางครั้งบางแห่งอยู่ในถ้ำก็ไม่ต้องฉันกันเลย ถึงไปบิณฑบาตก็ได้แต่ข้าวเปล่า จึงนั่งทำความเพียรจนเพลินถึง ๓ - ๕ วันก็ยังเคย ไม่ได้ฉันอาหารก็ดีไปอย่าง เพราะอาหารทำให้เราง่วงหงาวหาวนอน กินอิ่มแล้ว หนังตาก็หย่อน นั่งสมาธิง่วงเร็ว ถ้าไม่กินอาหาร เวลานั่งสมาธิก็ไม่ง่วงเท่าไหร่ จิตมันก็เบิกบานผ่องใส ทำความเพียรก็ได้ดี

แต่ก่อนครูบาอาจารย์พาประกอบความพากเพียรกันจริง ๆ เดินจงกรมนั่งสมาธิกันจริง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ฉันเสร็จแล้วนี่ต้องเตรียมเข้าทางจงกรมกันแล้ว ที่ใครที่มันทางใครทางมัน บางทีนั่งสมาธิในทางเดินจงกรมก็มี นั่งหรือเดินตั้งแต่เช้าจนกระทั่งบ่าย ถึงเวลาปัดกวาดลานวัด ออกจากที่เดินจงกรมก็จับไม้กวาดกวาดทางเดินจงกรมทันที กวาดเสร็จก็ถึงไปหาบน้ำใส่โอ่งล้างบาตร มันไม่สะดวกเหมือนทุกวันนี้"

“…การไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้ากิเลสยังมีอยู่ มันก็เกิดอยู่ร่ำไป เพราะความคิดเป็นเหตุให้เกิดความอยาก ความอยากเป็นต้นเหตุให้เกิดการกระทำ การกระทำเป็นเหตุให้เกิดการได้คือบุญบาป เมื่อมีบุญบาปก็ต้องเกิดอีกต่อไป…” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่พวง สุวีโร

หลวงปู่พวง สุวีโร ได้มาก่อตั้งวัดป่าปูลูสันติวัฒนา ที่บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่พวง สุวีโร มีสหธรรมมิกที่เคยร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันหลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร หลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม เป็นต้น หลวงปู่พวง สุวีโร มรณภาพด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ณ โรคพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๖ เวลา ๐๙.๕๐ น. 

“…สมาธิและปัญญาเปรียบเสมือนตะเกียงและแสงสว่างของมันเอง มีตะเกียงก็มีแสง ไม่มีตะเกียงมันก็มืด ตะเกียงนั่นแหละที่เป็นตัวการแท้ของแสงสว่าง และแสงสว่างเป็นแค่สิ่งซึ่งแสดงออกของตะเกียงโดยชื่อ ฟังดูแล้วเป็นสองอย่าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันเป็นของอย่างเดียวกัน และทั้งเป็นอันเดียวกันด้วย..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่พวง สุวีโร

#บรรณานุกรมอ้างอิง : คัดลอกจากหนังสือ "สุวีโรเถรานุสรณ์ ธรรมานุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพระครูวีรธรรมานุยุต(หลวงปู่พวง สุวีโร) ; พิมพ์เมื่อ มีนาคม ๒๕๔๖



ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco