ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่อร่าม ชินวังโส วัดป่าถ้ำแกลบ ต.ท่าวังแคน อ.เมือง จ.เลย
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่อร่าม ชินวังโส
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ เป็นวันครบรอบ ๕ ปี การละสังขาร พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่อร่าม ชินวังโส วัดป่าถ้ำแกลบ ต.ท่าวังแคน อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่อร่าม ชินวังโส เดิมชื่อ นายอร่าม ศรีคำมี พื้นเพต้นตระกูลของท่านเป็นชาว จังหวัดเลย หลวงปู่อร่าม ท่านได้ถือกำเนิดวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๗๐ ตรงกับวันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ ณ บ้านท่ามะนา ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
โยมบิดาชื่อ นายยะ ศรีคำมี โยมมารดาชื่อ นางทองคำ ศรีคำมี โดยท่านมีพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน โดยท่านเป็นคนที่ ๓ จากจำนวนลูกทั้งหมด
หลวงปู่อร่าม อาชีพทางบ้านท่านทำไร่ทำนา พ่อแม่ของท่านชอบเข้ามา เข้าว่าเป็นประจำ ทำให้ในวัยเด็กหลวงปู่อร่าม ได้มีโอกาสเข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระสวดมนต์ กับพ่อแม่อยู่เสมอ
หลวงปู่อร่าม ในวัยเด็กนั้นท่านเป็นคนเรียบร้อย ขยันขันแข็ง ช่วยงานพ่อแม่มาโดยตลอด พอท่านอายุได้ ๗ ขวบท่านได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านท่ามะนาว โดยในสมัยนั้นจะมีการเรียน การสอนกันที่ศลาวัดเป็นโรงเรียน การเรียนของหลวงปู่อยู่ในระดับปานกลาง
จนท่านเรียนจชั้น ป.๔ ท่านก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานโดยไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งเพื่อนที่เรียนต่อในวัยเดียวกันกับท่าน ต่อมาได้รับราชการเป็นครูบาอาจารย์กันหลายคน
พอท่านเข้าวัยหนุ่ม ท่านก็เข้าทำงานในกรมทางหลวง ทำงานกับนายช่างแบบ(หลวงตาช่าง) ทำงานประมาณ ๕ ปี พออายุได้ ๓๕ ปี หลวงปู่อร่ามก็ได้มีครอบครัว โดยแต่งงานกับนางคำดี บ้านหนองเสือคราม อ.ภูเรือ จ.เลย ได้ลูกสาวด้วยกัน ๑ คน แต่ลูกสาวคนเดี่ยวก็ป่วย แล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา มีอายุแค่เพียง ๕ ปีเท่านั้น
ทำให้ท่านในขณะนั้นรู้สึกปลงอนิจจังกับชีวิต เห็นความไม่เที่ยงของชีวิต ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ หรือ คนชรา ล้วนเกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ด้วยบุญวาสนาของหลวงปู่แต่เก่าก่อนที่มีต่อพระพุทธศาสนาทำให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตฆราวาส คิดอยากจะออกบวชเพื่อหาทางพ้นจากทุกข์ ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้ ๔๘ ปีแล้ว
#อุปสมบท
ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ จึงขอลาภรรยาออกบวช ที่วัดศรีอภัยวัน โดยมี พระราชคุณาธาร(หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ) วัดศรีสุทธาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูญาณธราภิรัต พระกรรมวาจาจารย์ และ พระถนัท พระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาทางธรรมว่า “ชินวังโส” แปลว่า ผู้มีธรรมเป็นชัยชนะ
ต่อมาในภายหลัง ภรรยาของท่านก็ออกบวชเป็นแม่ชีด้วย หลวงปู่อร่ามหลังจากอุปสมทท เป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีอภัยวัน อยู่กับหลวงปู่ท่อน ญาณธโร แห่งนี้อยู่ถึง ๕ พรรษา โดยหลวงปู่ท่อนได้สอนข้อวัตรปฎิบัติและวิธีภาวนาการเดินจงกรมให้กับหลวงปู่อร่าม ในระหว่างที่ท่านเป็นพระนวะกะ (พระบวชใหม่) อยู่นี้
หลังจากอยู่กับองค์หลวงปู่ท่อนได้ ๕ พรรษา หลวงปู่ท่อนเห็นว่า หลวงปู่อร่ามมีความขยันขันแข็งในการปฏิบัติธรรม ทั้งยังสามารถรักษาข้อวัตรปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้อย่างดี ท่านจึงแนะนำ และนำหลวงปู่อร่ามไปฝากฝั่ง ให้ไปอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่คำดี ณ วัดถ้ำผาปู่ ซึ่งท่านแนะนำว่า
“หลวงปู่คำดี ท่านเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ ถ้าได้ไปปฏิบัติกับท่าน การปฏิบัติจะเร็วยิ่งขึ้น”
หลังจากนั้นหลวงปู่อร่าม ก็ได้ไปอยู่กับหลวงปู่คำดี ที่วัดถ้ำผาปู่ถึง ๒ พรรษา โดยท่านกล่าวว่า
“หลวงปู่คำดี ท่านเน้นสอนเรื่องจิตภาวนา เป็นส่วนใหญ่ เวลาท่านเทศน์ ท่านจะลงที่จิตตลอด ทำให้ท่านในเวลานั้นรู้เรื่องภาวนามากขึ้น..”
ต่อมาท่านได้กราบขออนญาตหลวงปู่คำดี ไปจาริกธุดงค์ในสถานที่ต่างๆ หลวงปู่คำดีท่านก็อนุญาต โดยในปีแรก หลวงปู่อร่าม ท่านได้ธุดงค์มาอยู่ที่วัดป่าบ้านน้ำภู อยู่กับหลงปู่คำ หลวงปู่บุดดี ที่วัดป่าน้ำภูสันติธรรม อยู่ ๑ พรรษา
พอออกพรรษา ท่านก็ได้ธุดงค์ไปวัดป่าบ้านนาศรีเทียน อ.ด้านซ้าย จ.เลยอยู่ที่นั้น ๑ พรรษา ไปอยู่กับหลวงปู่แก้ว หลวงปู่คำ กับอาจารย์สวาทอีก ๑ พรรษา
จึงธุดงค์ต่อขึ้นไปเชียงใหม่ โป่งเดือด โป่งน้ำร้อน ๑ พรรษา หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ธุดงค์ต่อไปที่กรุงเทพฯ ไปจำพรรษาที่แม่กลอง ๑ พรรษา จากนั้นจึงออกธุดงค์ต่อลงไปที่ ภูเขียว ภูเวียง ภูตะเภา และคิดอยากไปกราบ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
หลวงปู่ได้ธุดงค์ ไปที่บ้านโคกเบ้าและอยู่ที่นี่ ๗ วัน ก็มีญาติโยมเอารถมารับเข้าอุดร เดินทางไปกราบหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดหนองบัวบาน และได้อยู่กับหลวงปู่อ่อนที่บ้านหนองบัวบานได้ ๓ วัน แล้วจะไปธุดงค์ต่อกับหมู่เพื่อนพระ ในบ้านหนองบัวบาน เพื่อจะไปกราบนมัสการหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่แหวน
หลวงปู่อร่ามก็เข้าไปกราบขออนุญาตจากหลวงปู่อ่อน ว่าจะเดินทางไปกับหมู่คณะ แต่หลวงปู่อ่อนไม่อนุญาต ด้วยเพราะหลวงปู่อ่อนพิจารณาแล้วว่า ท่านกับหลวงปู่อร่ามเคยเป็นครูบาอาจารย์กันมาก่อนแต่หนหลัง ท่านจึงให้สามเณรสวัสดิ์มาแย่งบาตรและเครื่องอัฐบริขารรั้งไว้ไม่ให้หลวงปู่อร่ามไป และหลวงปู่อ่อนได้พูดกับหลวงปู่อร่ามตอนนั้นว่า
“ไปธุดงค์กับหมู่เพื่อน ขึ้นรถไปก็จะไม่เมื่อยหรือ หรือเดินไปก็จะไม่เมื่อยเหรอ”
หลวงปู่อ่อนเลยบอกว่า “อยู่หนองบัวบานนี้ก็ป่า ในป่านั้นมีธรรม ให้ปฏิบัติเอา พิจารณาเอา”
พอหลวงปู่อร่ามได้ยินดังนั้น ท่านก็คิดว่า
“เอ๋ นี้คงเป็นวาสนากันมาแต่หนหลังและคงจะเคย เป็นครูบาอาจารย์มาก่อนจึงได้พูดอย่างนี้”
ท่านก็เลยอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่อ่อน โดยในระหว่างปฏิบัติธรรมนั้นหลวงปู่อ่อน จะเป็นผู้สั่งสอน ทั้งด้านข้อวัตรปฏิบัติต่างๆให้ตลอดจนการเร่งความเพียรในการภาวนา
เพราะขณะนั้นหลวงปู่อร่าม ท่านก็เป็นพระที่มีอายุพอสมควรแล้ว หลวงปู่อร่ามได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดนิโคธาราม จ.อุดร อยู่ถึง ๖ พรรษา ซึ่งในพรรษานั้นมี หลวงปู่ลี กุสลธโร หลวงปู่บุญรอด อธิปุญโญ หลวงปู่สีนวน อยู่ร่วมพรรษาด้วย
ตลอด ๖ พรรษาที่ท่านอยู่กับหลวงปู่อ่อนนี้ ท่านได้ปรนนิบัติรับใช้ ช่วยนวดจับเส้นสายให้หลวงปู่อ่อนทุกวัน วันละประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง จากเวลาประมาณ ๒ ทุ่มจนถึง ๕ ทุ่ม หลวงปู่อ่อน ท่านเมตตาเป็นผู้ฝึกอบรมด้านขอวัตรปฏิบัติการท่องบ่นสวดมนต์ บริกรรมภาวนา เดินจงกรม ถึงขนาดว่าเวลาที่หลวงปู่อร่ามท่านเดินจงกรม หรือปฏิบัติธรรมอยู่นั้น หลวงปู่อ่อนได้คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ในบางครั้งหลวงปู่อ่อน ยังมาดูท่านปฏิบัติธรรมเป็นระยะ ดูว่าท่านปฏิบัติตามคำสอนหรือไม่ หรือไม่ถ้าติดขัดตรงใดก็จะได้แก้ไขแนะนำแนวทางในการปปฏิบัติได้ ในระหว่างที่หลวงปู่อร่ามอยู่กับหลวงปู่อ่อนนี้ท่านกล่าว่า
“เวลาครูบาอาจารย์ท่านจะพาออกไปไหนมาไหนต้องรีบ อย่าให้ครูบาอาจารย์ต้องรอคอย ต้องเตรียมพร้อมเสมอและมาคอยครูบาอาจารย์ ต้องเตรียมอัฐบริขารต่างๆให้ครูบาอาจารย์ให้พร้อมอยู่เสมอ”
ในระหว่างที่หลวงปู่อร่าม อยู่จำพรรษอกับหลวงปู่อ่อนนั้น หลวงปู่อร่ามท่านจะขออนุญาตหลวงปู่อ่อน ออกธุดงค์อยู่เสมอๆ โดยหลวงปู่อ่อนท่านก็อนุญาต แต่ให้ไปได้ไม่เกิน ๑๕ วัน ก็ให้กลับมา ท่านปฎิบัติอยู่แบบนี้ จนหลังจากหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ละสังขารลงเมื่อวันพุธที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๔ เมื่อท่านอยู่ช่วยงานประชุมเพลิง หลวงปู่อ่อน เสร็จสิ้นแล้ว หลวงปู่อร่าม ท่านก็ได้กลับมาอยู่ศึกษาข้อธรรมกับหลวงปู่คำดี ปภาโส ต่ออีก ๓ ปี จนหลวงปู่คำดี ท่านได้ละสังขารลงอีก เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๗ หลวงปู่อร่าม จึงตั้งใจออกไปวิเวกตามป่าเขาและเงื้อมถ้ำต่าง ๆ จนมาถึงที่ถ้ำแกลบ
ในระหว่างที่ท่านภาวนาอยู่ที่ถ้ำแกลบแห่งนี้ ตอนค่ำๆมักมีงูเหลือมตัวใหญ่ออกมาหา แล้วก็เลื้อยผ่านไปขณะที่ท่านกำลังเจริญภาวนา ท่านก็ตั้งใจแผ่เมตตาจิตให้งูเหลื้อใหญ่ก็เลื้อยผ่านไป แต่ต่อมาชาวบ้านท่าวังแคนก็สร้างกฎิให้ท่านอยู่จำพรรษา อยู่ด้านล้างถ้ำแกลบ
ท่านกล่าวว่า “วันหนึ่งขณะที่ท่านภาวนาอยู่ในกฏินี้ มีงูเหลือมตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ขึ้นมาบนกุฏิท่านแล้วก็เลื้อยมาผ่านหน้าตักท่านไป งูตัวนี้ตัวใหญ่มาก แต่ท่านก็นั่งเฉยอยู่ หลังจากงูตัวใหญ่นั้นเลื่อยผ่านลงกุฏิไป หลวงปู่ก็ออกจากภาวนาแล้วลงไปดูงูตัวนั้น ปรากฎว่าไม่เห็นแล้ว หลวงปู่ท่านบอกว่างูตัวนั้นเป็นเทพมาหา…”
และต่อมาไม่นาน หลวงปู่ก็เกิดนิมิตอีกครั้ง โดยครั้งนี้ท่านเห็นมีสองสามีภรรยามาหา โดยคนเป็นสามีมากล้างกระโถนหลวงปู่ให้ และ ผู้เป็นภรรยาได้นั่งลงแล้วก้มลงกราบหลวงปู่ พร้อมกับถวายรองเท้าให้หลวงปู่ หลวงปู่ท่านก็กำหนดจิตแผ่เมตตาให้ โดยในภายหลังหลวงปู่ได้บอกว่า เข้าทั้งสองได้ไปเกิดแล้ว
ในระหว่างที่ท่านอยู่ถ้ำแกลบแห่งนี้ ท่านว่าเจริญภาวนาดีมากๆได้ผลจากการภาวนาเป็นที่หน้าพอใจ ต่อมาโยมจีน สิมสวัสดิ์ ถวายที่ดินบริเวณที่สร้างศาลา และกุฏิพระในปัจจุบันให้จึงได้สร้างวัดขึ้นเป็นวัดป่าเรียกว่า วัดถ้ำแกลบจวบจนปัจจุบัน
#อัศจรรย์องค์หลวงปู่อ่อน
หลวงปู่อร่ามท่านเล่าว่า ครั้งที่ท่านอยุ่กับหลวงปู่อ่อนนั้น มีครั้งหนึ่งมีชาวบ้านต้องการปรับที่ดินที่ทำถนนนแแต่ เจ้าของรถไม่ได้บอกกล่าวหลวงปู่ ขึ้นมาทำโดยพลการ ปรากฏว่ารถที่ไถปรับดินนั้น อยู่ๆก็ลื่นไถลลงไปติดหล่มในน้ำและไม่ยอมติด เอาลวดสลิงดึงถึง 3 เส้นแต่ก็ขาดหมด รถไม่ยอมขึ้นมีแต่จะจมลงในโคลน ลองทุกทางจนหมดปัญญา ครั้นต่อมาก็มีผู้เฒ่าผู้แก่บอกให้เจ้าของรถแต่งขันธ์ ดอกไม่ไปขอขมาหลวงปู่อ่อน ให้หลวงปู่มาช่วย
หลังจากเจ้าของเดินมาขอขมาหลวงปู่แล้ว หลวงปู่ก็เมตตาลงมาดู พร้อมบอกให้เจ้าของรถติดเครื่องแล้วขึ้นมาเลย ปรากฏว่าติดต่อเครื่องรถเท่านั้น รถก็ติดและสามารถขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
หลวงปู่ชอบ กล่าวชมหลวงปู่อร่าม
ครั้งหนึ่งหลวงปู่อร่าม เคยเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ชอบ ซึ่งตอนนั้นท่านมาอยู่ที่ถ้ำแกลบได้เกือบ ๑๐ กว่าพรรษาแล้ว เมื่อหลวงปู่ชอบท่านได้เห็นหลวงปู่อร่าม ท่านก็สอบถามว่าชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน พอหลวงปู่ชอบคุยกับหลวงปู่อร่ามได้สักพัก หลวงปู่อร่ามก็ขอกราบลากลับวัดไป
หลวงปู่ชอบบอกพระใกล้ๆชิดว่า “ญาพ่ออร่ามท่านเป็นศิษย์หลวงปู่คำดี เห็นท่านเงียบๆแบบนี้ จิตท่านโลดโผน จิตท่านปิดอบายภูมิหมดแล้วนะ…”
นับเป็นคุณธรรมของหลวงปู่ชอบ ที่ท่านเห็นได้ด้วยจิตแห่งพระอรหันต์ของท่าน
#กาลละสังขาร
หลวงปู่อร่าม ชินวังโส วัดป่าถ้ำแกลบ บ้านท่าวังแคน ต.ศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย ได้ละสังขารอย่างสงบ ด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลเลย เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๑.๑๒ น. สิริอายุรวม ๙๓ ปี ๘ เดือน ๔๖ พรรษา ( ๒๕๖๒ )
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น