ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๘ เป็นวันครบรอบ ๔๘ ปี การละสังขารของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นศิษย์พระกรรมฐาน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ คือ ท่านอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นหนึ่งในกองทัพธรรม อันมีท่านอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นหัวหน้าตามคำสั่งของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ให้ออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเผยแผ่ธรรมภาคปฏิบัติ หรือทางด้านวิปัสสนากัมมัฎฐาน โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
--- ชาติภูมิ ---
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร นามเดิมของท่านชื่อ ฝั้น สุวรรณรงค์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ที่บ้านม่วงไข่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โยมบิดาของท่านชื่อ เจ้าไชยกุมาร (เม้า) มารดาของท่านชื่อนางนุ้ย หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๘ คน
--- อุปสมบท ---
ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ท่านได้เข้าอุปสมบทที่วัดสิทธิบังคม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยมีพระครูป้องเป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดอยู่ในคณะมหานิกาย หลังอุปสมบทแล้ว พระภิกษุฝั้น อาจาโร ได้พักจำพรรษาอยู่กับพระอุปัชฌาย์ ที่วัดสิทธิบังคม พอออกพรรษาท่านได้ไปฝึกอบรมกรรมฐานกับท่านพระครูสกลสมณกิจ เจ้าอาวาสวัดโพนทอง ซึ่งพระครูสกลสมณกิจจะพาพระลูกวัดออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ หลายๆตำบลในถิ่นนั้น
--- ฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ---
ครั้นถึงเดือน ๓ ข้างขึ้น ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พร้อมด้วยภิกษุสามเณรหลายรูป ออกเที่ยววิเวกเดินธุดงค์รุกขมูลผ่านมาถึงบ้านม่วงไข่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้เข้าไปพักปักกลดในป่า อันเป็นบริเวณป่าช้าข้างบ้านม่วงไข่ ฝ่ายญาติโยมทางบ้านม่วงไข่ เมื่อทราบข่าวว่ามีพระธุดงค์มาพักปักกลดก็พากันดีใจ จึงได้กระจายข่าวให้รู้ถึงกันอย่างรวดเร็ว แล้วพากันออกไปต้อนรับจัดหาน้ำดื่มน้ำใช้ถวาย และคอยรับฟังธรรมะจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ต่อไป ในคราวนั้น ได้มีพระภิกษุไปร่วมฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์มั่นด้วย คือ พระอาญาครูดี , พระภิกษุฝั้น อาจาโร , พระภิกษุกู่ ธัมมทินโน ท่านพระอาจารย์มั่นได้แสดงพระธรรมเทศนา เริ่มตั้งแต่การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา เมื่อแสดงจบลง พระอาญาครูดี , พระอาจารย์กู่ และ พระอาจารย์ฝั้น ต่างมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ได้พากันปวารณาตัวขอเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น รับเอาข้อวัตรปฏิบัติ ถือธุดงควัตรโดยเคร่งครัด และได้ขอติดสอยห้อยตามพระอาจารย์มั่นไปด้วย แต่พระอาจารย์มั่นได้ออกธุดงค์ล่วงหน้าไปก่อน ทำให้ท่านทั้งสามพลาดโอกาสในการออกเที่ยวธุดงค์และศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น
--- พบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ---
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เดินธุดงค์ตามหาหลวงปู่มั่นผ่านมาทาง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ชาวบ้านจึงได้ไปอาราธนานิมนต์ให้ท่านมาพักจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านม่วงไข่ ซึ่งมีพระอาญาครูดีเป็นเจ้าอาวาส ทั้งเจ้าอาวาสและภิกษุสามเณรในวัดนั้นเห็นข้อวัตรปฏิปทาของหลวงปู่ดูลย์ ต่างพากันเคารพเลื่อมใสเป็นอันมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งภิกษุฝั้น อาจาโร ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดใกล้เคียงกับวัดม่วงไข่แห่งนี้ ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ออกธุดงค์จากวัดม่วงไข่ไปปรากฏว่าพระเณรทั้งวัดรวมทั้งภิกษุฝั้น อาจาโร ก็ได้ออกธุดงค์ติดตามไปกับคณะด้วย พระเณรทุกรูปยอมสละทิ้งวัดให้เป็นวัดร้าง โดยมิได้สนใจต่อคำอ้อนวอนทัดทานของชาวบ้านเลย ปรากฏการณ์ครั้งนั้นถือเป็นการพลิกแผ่นดินของวัดม่วงไข่เลยทีเดียว
--- อยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น ---
เมื่อออกพรรษาแล้วคณะพระภิกษุสามเณรที่มีหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นหัวหน้า ก็ได้พากันออกธุดงค์ติดตามไปจนพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่บ้านตาลโกน ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ณ ที่แห่งนี้ ทำให้ภิกษุฝั้น อาจาโร ได้ศึกษาธรรมจากท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น อย่างถึงใจ แล้วท่านได้ลาพระอาจารย์มั่น ไปกราบนมัสการพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ที่บ้านหนองดินดำ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางไปกราบพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ที่บ้านหนองหวาย แล้วย้อนกลับมาอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นอีก
--- หลวงปู่มั่นหยั่งรู้ใจศิษย์ ---
ท่านพระอาจารย์ฝั้น ได้ออกธุดงค์ไปที่ประเทศลาวกับสามเณรรูปหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังภูเขาควาย ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศลาว เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นแดนอาถรรพ์ แต่ท่านไม่มีหนังสือสุทธิจึงเดินทางย้อนกลับมาฝั่งไทยกับสามเณร ตลอดทางเดินปรากฏรอยตะกุยของเสืออยู่บ่อยๆ ยิ่งตอนตะวันลับไม้ จะได้ยินเสียงเสือร้องคำรามเสียงก้องไปทั่วทั้งผืนป่า ชวนให้หวาดกลัวยิ่งนัก ท่านจึงได้อุทานสุภาษิตอีสานขึ้นมาข่มความกลัว ทำให้สามารถข่มความรู้สึกกลัวเสือลงได้ เมื่อหายจากอาการกลัวเสือแล้วท่านก็เดินทางไปได้ด้วยความปลอดโปร่ง เบากายเบาใจ เมื่อกลับมาถึงฝั่งไทยแล้วท่านได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พำนักอยู่ที่บ้านนาสีดา อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ท่านและสามเณรจึงรีบรุดไปนมัสการหลวงปู่มั่นโดยไม่รอช้า เพียงแต่พบหน้า ท่านพระอาจารย์มั่น ก็ได้เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ท่านฝั้น กับสามเณรได้ผีกับเสือมาเป็นอาจารย์สอนน่ะดีแล้ว เขาสอนให้เรารู้เท่าทันจิตที่มันหลงผลิตความกลัวขึ้นมาหลอกตัวเอง อีกอย่างหนึ่งที่ท่านฝั้น ใช้ภาษิตมาพิจารณาเป็นอุบายอันแยบคายอย่างหนึ่ง ช่วยเตือนจิตเราให้รู้ตัวอยู่เสมอในขณะที่เราได้ยินเสียงเสือและนึกกลัวเสือนั้น ก็เป็นอุบายที่ชอบแล้ว” เมื่อหลวงปู่มั่นกล่าวจบลง พระอาจารย์ฝั้น และสามเณร ก็เกิดความอัศจรรย์ใจว่า “หลวงปู่มั่นท่านทราบได้อย่างไร ทั้งที่เพิ่งกลับมาถึง และยังไม่ได้กราบเรียนอะไรให้ท่านทราบเลย ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงหนอ”
--- ญัตติเป็นพระธรรมยุติ ---
หลังจากที่ท่านพระอาจารย์ฝั้น ได้กลับมาอยู่กับพระอาจารย์ใหญ่นานพอสมควรแล้ว ท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปทาง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร แต่ลำพังผู้เดียว ขณะที่ท่านกำลังเดินอยู่ ก็เหลือบไปเห็นหมากำลังแทะกระดูกควายที่ตายอยู่ในป่านอกหมู่บ้าน พอท่านเดินเข้าไปใกล้หมาก็ตกใจวิ่งหนี พอท่านเดินออกไปไกลหน่อยมันก็วิ่งกลับมาแทะกระดูกอีก เป็นอยู่เช่นนี้ถึง ๓ ครั้ง ท่านเห็นภาพเช่นนั้นก็เกิดความสลดใจ จึงยกเอาเรื่องหมาหวงกระดูกขึ้นมาพิจารณากับตัวท่านเองว่า “ เรานี้ก็มาหลงยึดถือหวงแหนท่อนกระดูกในตัวเอง ยิ่งกว่าหมาที่หวงแหนกระดูกควายนี้เป็นไหนๆ หมาที่มันแทะกระดูก มันยังได้กลืนน้ำลายของมันที่ได้ประสมกับรส กลิ่น ของกระดูกอยู่บ้าง แต่เราได้อะไรจากโครงกระดูกที่เราหวงแหนแบกหามอยู่ตลอดเวลา เราจำต้องรีบประกอบความเพียรอย่างหนัก ต่อสู้หัวเด็ดตีนขาดไม่ถอยหนี ” หลังจากนั้นท่านได้มุ่งหน้าไปหาหลวงปู่มั่น ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่มั่นพักอยู่ที่วัดมหาชัย จ.หนองบัวลำภู เมื่อไปถึง พอกราบหลวงปู่มั่นเสร็จ ท่านก็ต้องบังเกิดความอัศจรรย์ใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงปู่มั่นทักขึ้นว่า “ท่านฝั้น คราวก่อนได้ยินเสียงเสือร้องจิตใจถึงสงบ มาครั้งนี้ได้หมาแทะกระดูกเป็นอาจารย์อีกแล้วจึงมีสติรอบรู้ในอรรถในธรรม” พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้ตัดสินใจเข้ารับการญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๖๘ ณ วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล ) เป็นพระอุปัชฌาย์
--- พลังจิตหลวงปู่ฝั้น ---
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเป็นพระที่มีพลังจิตแก่กล้ามาก ครั้งหนึ่งท่านส่งจิตไปพิจารณานกที่กำลังบินอยู่ ปรากฏว่านกนั้นตกลงมาต่อหน้าท่านทันที แม้แต่ท่านรำพึงกิ่งไม้ตายที่อยู่บนต้นไม้ เพียงครู่เดียวกิ่งไม้นั้นก็หล่นโครมลงมาต่อหน้าต่อตา และอีกครั้งหนึ่งท่านออกจากสมาธิ เห็นมดกำลังเดินทางเป็นสายอย่างขยันขันแข็ง ท่านจึงรำพึงในใจว่า “ เดินกันทั้งวันทั้งคืน ไม่หยุดพักบ้างหรือ ” ทันใดนั้นเองบรรดามดทั้งสายก็หยุดนิ่งทันที ท่านรู้สึกผิดที่ขัดขวางการทำมาหากินของมัน แล้วท่านก็บอกให้มดทำหน้าที่ของมันต่อไป ปรากฏว่ามดทั้งสายก็พากันเริ่มทำงานตามปกติ
--- เมตตาธรรมของหลวงปู่ ---
นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นต้นมา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านได้เดินทางไปๆมาๆระหว่างวัดป่าอุดมสมพร วัดป่าภูธรพิทักษ์ และวัดถ้ำขาม ไม่ว่าท่านจะไปพำนักอยู่ ณ สถานที่ใด บรรดาศรัทธาสาธุชนจะพากันไปกราบไหว้นมัสการท่านอย่างเนืองแน่น ทุกคนได้รับการต้อนรับจากท่านอย่างเสมอหน้า หลวงปู่ท่านเป็นนักสร้างคน สอนให้คนทำตัวเป็นคนดี สอนให้เลิกอบายมุข สอนให้เลิกประพฤติมิชอบทุกอย่าง ยิ่งนับวัน เมตตาบารมีธรรมของท่านยิ่งแผ่ขยายกว้างขวางออกไปทุกที ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลมานมัสการท่านจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
--- หลวงปู่มรณภาพ ---
เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๙ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เดินทางเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ แต่อาการไม่ดีขึ้นท่านจึงขอเดินทางกลับวัดป่าอุดมสมพร จวบจนกระทั่งถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๐ ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ผู้องอาจในธรรมะของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ละสังขารพ้นโลกนี้ไปแล้ว แต่คุณูปการคุณงามความดีของท่านยังสถิตอยู่ในดวงจิตดวงใจของผู้ศรัทธาสาธุชนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น