ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่คำ นิสฺโสโก วัดป่าไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำ นิสโสโก ๏
วันนี้วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๘๓ ปี ชาตกาล หลวงปู่คำ นิสฺโสโก วัดไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี พระมหาเถระผู้เป็นกิ่งก้านแห่งพระโพธิญาณธรรมทายาทของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
".. คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีมากมายก่ายกองสักเท่าใด ก็ไหลไปสู่ที่เดียวคือ วิมุตติ หรือความหลุดพ้นจากกิเลส .."
#ประวัติหลวงปู่คำ_นิสฺโสโก
วัดป่าไทยพัฒนา สาขาที่ ๑๑ วัดหนองป่าพง
อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
• #ชาติภูมิ
หลวงปู่เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๔
ตรงกับวันพระแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง ที่บ้านก่อ
ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีนามเดิมว่า
คำ สิงห์คง เป็นบุตรของ นายพั่ว และนางดา สิงห์คง ท่านมีพี่น้องร่าวบิดามารดาด้วยกัน ๗ คนดังนี้
๑.พระทองลา (บวชได้ ๓ พรรษาแล้วได้มรณภาพลง)
๒.นายถา สิงห์คง
๓.นายเข็ม สิงห์คง
๔.นางทองสุข สิงห์คง
๕.นางหนูพุก สุวรรณ
๖.นายสอน สิงห์คง
๗.พระครูพัฒนกิจวิศาล (หลวงปู่คำ นิสฺโสโก)
• #วัยเด็ก
หลวงปู่คำ นิสฺโสโก ได้เข้าเรียนขั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนบ้านก่อวิทยาคาร ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เรียนจบชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๔ ตามหลักสูตรภาคบังคับของโรงเรียนในสมัยนั้น เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้ว อยากจะไปเรียนศึกษาต่อชั้นมัธยม แต่โยมมารดามิได้ส่งเสริม อ้างว่าไม่มีทุนการศึกษาบ้าง ไม่มีผู้ช่วยทำงานเลี้ยงสัตว์บ้าง ท่านจึงออกมาช่วยมารดา และพี่ ๆ ทำงานประกอบอาชีพการทำนาเป็นอาชีพหลัก นอกจากนั้นก็เป็นการทำสวน ทำไร่เป็นอาชีพเสริม ซึ่งได้ทำกันหลังฤดูทำนาเสร็จ
หลวงปู่คำ เล่าว่า.. บิดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังไร้เดียงสา คืออายุประมาน ๑ ขวบ ท่านไม่เคยรู้เลยว่าบิดาของท่านหน้าตาเป็นอย่างไร ส่วนมารดาก็ได้เสียชีวิตจากไปเมื่อท่านอายุย่างเข้า ๒๐ ปี เป็นอันว่า ท่านได้แค่เห็นแต่หน้ามารดาได้อยู่ร่วมกันเกือบ ๒๐ ปี
• #การบรรพชาอุปสมบท
เมื่อท่านมีอายุได้ ๒๐ ปี ได้มีโอกาสไปวัดหนองป่าพงครั้งแรกกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ร่วมกับผู้ใหญ่อีกหลายท่าน พวกเราต่างได้ยินกิตติมศักดิ์ว่า หลวงพ่อชาเป็นพระธุดงค์อยู่ในป่าปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ท่านฉันในบาตรและฉันมื้อเดียวสมัยนั้นได้มาเห็นวัดที่สะอาด ร่มรื่น อยู่ในป่าลึก ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจ เย็นใจ และทำให้เกิดศรัทธา จนอยากจะมาทำบุญบ่อย ๆ
ครั้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ขณะท่านมีอายุ ๒๒ ปีเต็ม คิดอยากจะบวชเพื่อทดแทนพระคุณของแม่ ที่เสียชีวิตไปก่อนแล้ว นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีความเชื่อกันอีกว่า ถ้าไม่บวชจะเป็นลูกผู้ชายไม่สมบูรณ์ แต่หลวงปู่คำ ก็ยังหาโอกาสไม่ได้เพราะญาติผู้ใหญ่อ้างว่าไม่พร้อม จนกระทั้งมีญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ชื่อพ่อใหญ่โสม เป็นคนมีฐานะดีมาก หลวงปู่เคารพท่านมาก ท่านได้ปรารภว่า "ถ้าจะบวชกูแนะนำให้ มึงไปบวชที่วัดป่า ถ้าบวชอยู่วัดบ้าน กูจะไม่ใส่บาตรให้มึงกิน แต่ถ้าบวชอยู่วัดป่า กูจะอุปัฏฐากอย่างดี"
ต่อมาพี่สาวหลวงปู่ จึงนำหลวงปู่ไปฝากกับหลวงพ่อชา หลวงปู่ได้บวชเป็นผ้าขาวที่วัดหนองป่าพง ก็ได้ฝึกหัดทำกิจวัตร สวดมนต์ทำวัตรทั้งเช้าและเย็นมิได้ขาด เสร็จแล้ว ก็นั่งสมาธิครั้งละนาน ๆ เมื่อเสร็จจากการนั่งสมาธิ ก็จะมีการอ่านและอธิบายพระวินัย จนกระทั่งดึกดื่น จากนั้นจึงได้แยกย้ายกับที่พัก
บางครั้งหลวงพ่อชา ก็จะเทศน์อบรม หลวงปู่ได้เข้ามาถือเป็นผ้าขาวที่วัดหนองป่าพงกับหลวงพ่อชา เป็นระยะเวลา ๓ เดือน และบรรชาอุปสมบทเมื่อเดือนมิถุนายน ปี ๒๕๐๕ ที่วัดสมบูรณ์นาราม โดยมี พระครูสุพจน์ออุบลรัตน์ วัดสิริวนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการหนู เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหมุน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "นิสฺโสโก" แปลว่า "ผู้มีความโสกออกไปแล้ว"
• #ศึกษาธรรมะ
ได้อยูศึกษาธรรมะกับพระโพธิญาณเถร(ชา สุภัทโท)อยู่ที่วัดหนองป่าพง หลวงพ่อชาจะหาโอกาสมาอบรมพระภิกษุสามเณรอยู่เสมอ ท่านตั้งใจแสดงอย่างเอาจริงเอาจังเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นเรื่องการปฏิบัติล้วน ๆ ทั้งพระภิกษุและสามเณรก็มีความศรัทธาตั้งใจฟังตั้งใจปฏิบัติกันจริง ๆ ลีลาการแสดงธรรมของหลวงพ่อชานั้นไม่เหมือนใครเพราะท่านนำธรรมะที่เกิดจากการปฏิบัติมาแสดง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งตำรา ธรรมะของท่านเข้าใจง่ายมีการโน้มน้าวจิตใจของผู้ฟังให้ยินดีที่จะปฏิบัติตาม ท่านมีอุบายแนะนำให้ลูกศิษย์เข้าหาธรรมะหลายวิธี และไม่เบื่อที่จะฟัง ผู้ฟังจะได้ความรู้ทางธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
มีอยู่วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อชาแสดงธรรม หลวงปู่เกิดปิติจนเกือบตัวลอย เพราะท่านพูดตรงกับจริตนิสัยทำให้เกิดความพึงพอใจในธรรมที่ท่านแสดงเนื้อหามีอยู่ว่า..
“ ผู้ที่จะเป็นพระโสดาบันก็มาภาวนาในร่างกายอันนี้จนเห็นกายตามความเป็นจริงจนถอนอัตตาตัวตนออกไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่หมดเพราะเป็นเพียงขั้นแรก แต่ภายในจิตใจมันมองเห็นทางว่าต้องไปตรงนี้ต้องเป็นอย่างนี้”
หลวงปู่รู้สึกอิ่มใจกับธรรมะบทนี้ แต่ต่อมาความอิ่มใจก็หายไปตามกฏอนิจจังจึงไม่ได้ติดใจในอาการอย่างนั้นอีก
หลวงพ่อชาจะไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดในเรื่องที่ไร้สาระ แต่บางครั้งท่านจะพูดตลกแฝงคติธรรมกับพระฝรั่ง อาจจะเป็นเพราะภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างกันระหว่างฝรั่งกับคนไทย บางครั้งเราจึงได้ฟังเรื่องขำขัน แต่หลวงปู่เองจะระวังตัวมาก จึงไม่กล้าที่จะสนทนาหรือแสดงความคิดเห็น
หลวงพ่อชาจะไม่ให้ความสนิทสนมกับลูกศิษย์สนิทมากนัก เพราะจะเสียการปกครอง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะนั้นพระภิกษุสามเณรกำลังนั่งกันอยู่ในโรงฉัน วันนั้นมีโยมมาทำบุญกันมาก หลวงพ่อชาสังเกตเห็นว่าอาตมามองคนนานเกินไป ท่านจึงพูดขึ้นมาว่า
“ เฮ้อ! คำ..รู้จักเขี่ยอารมณ์ออกจากใจบ้างสิ”
หลวงปู่จึงรู้ตัวว่าไม่สำรวมจึงหลบไปจากที่นั้น
อีกครั้งหนึ่งที่วัดป่าโพธิญาณหรือวัดเขื่อนสิรินธร พวกเราไปบุกเบิกป่าเพื่อสร้างวัดแห่งนี้ ส่วนใหญ่พวกเราจะอยู่กันที่วัดหนองป่าพง จึงไม่ค่อยได้เห็นโลกภายนอกไม่ค่อยได้ปล่อยอารมณ์ เมื่อไปวัดเขื่อนจึงได้เห็นแม่น้ำใหญ่ มีวิวทิวทัศน์สวยงาม ขณะที่นั่งเรือไปกับท่านเพื่อสำรวจเขตแดนของวัด หลวงปู่ก็เกิดความคะนอง จึงแสดงท่าคว่ำเรืออวดสามเณร บังเอิญหลวงพ่อชาเหลือบเห็น
ท่านจึงพูดขึ้นว่า “ เฮ้อ! นี่มันประมาท เขี่ยมันลงจากเรือให้มันจมน้ำตายเสียเป็นไง”
เท่านั้นเองความคะนองหายเกลี้ยง กลับเข้าสู่การสำรวมทันที
สมณะต้องเป็นสมณะทุกกาลทุกสถาน ไม่ว่าจะอยู่ในป่าในเมือง บนบกหรือในน้ำ ต้องรู้ตัวว่าเป็นสมณะและทำ พูด คิด แต่ในสิ่งที่ควรแก่สมณะเท่านั้น
ผู้ปฏิบัติจะต้องคุ้มครองตัวเอง รักษาตัวเอง สำรวจตรวจตราความผิดหรือความถูกต้องอันเกิดจาก กาย วาจา ใจ ด้วยตนเอง ครูบาอาจารย์เป็นผู้แนะนำพร่ำสอนหรือว่ากล่าวตักเตือนเราเป็นเพียงบางโอกาสเท่านั้น"
หลวงปู่คำ จำพรรษากับหลวงพ่อชาอยู่ ๗ ปี"
• #เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้รับจากหลวงปู่ชา
หลวงปู่เล่าว่าเรียนมนต์กับหลวงปู่ชา สามคำจำง่าย ๆ คือ
๑.หลบ ๒.หลีก ๓.เล้น
คนพาล-ในกรณีที่มีคนปองร้าย อิจฉา พยาบาท เข่นฆ่าให้ใช้สูตรนี้
สัตว์ร้าย-ในกรณีที่มีสัตว์ร้ายเข้ามาทำร้าย เช่น ช้าง ม้าร้าย เสือร้าย สุนัขดุ ใช้สูตรนี้
• #คาถามหานิยม
๑.เมตตาอารี
๒.วจีไพเราะ
๓.สงเคราะห์ชุมชน
๔.เสมอต้นเสมอปลาย
• #คาถาอ้อป่อง
๑.สุ เขียนบ่อย ๆ
๒.จิ. ใคร่ครวญมาก ๆ
๓.ปุ ถามผู้รู้
๔.ลิ เขียนใส่สมอง
• #คาถาเศรษฐี
๑.อุ หมั่นหา
๒.อา หาไดรักษา
๓.กัลยา หาเพื่อนดี
๔.สะมะ จ่ายพอดี เพียงพอ
• #ธุดงค์กัมมัฏฐาน
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๗ หลวงปู่ได้ออกจาริกธุดงค์เป็นครั้งแรก โดยมี หลวงปู่จันทร์ อินฺทวีโร วัดบึงเขาหลวง เป็นหัวหน้าพาธุดงค์พร้อมพระมหาอินทร์ธุดงค์ไปวัดเก่าปู่ชา อ.เลิกนกทา จ.ยโสธร
ปี พ.ศ.๒๕๐๘ ได้ธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อศรีนวล และสามเณรสุนทร ได้ธุดงค์ไปที่วัดแก่งสนามชัย จ.ชัยภูมิ วันหนึ่งช่วงหัวค่ำ หลวงปู่คำได้สนทนากับคณะ ท่านว่าเราก็ปฏิบัติธรรมมาแล้วหลายปี ทำไมยังไม่บรรลุธรรมสักที ก็เลยมีความเห็นตรงกันว่า เป็นเพราะความเพียรของเรายังอ่อน ท่านเลยตงลงกับคณะ ท่านว่างั้นคืนนี้เราจะนั่งสมาธิทั้งคืนถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต เมื่อสวดมนต์เสร็จท่านก็ได้ทำความเพียรตลอดทั้งคืน
หลวงปู่คำ ท่านเคยไปธุดงค์กัมมัฏฐานอยู่หลายครั้ง และยังเคยได้ร่วมธุดงค์ไปกับท่านพระอาจารย์โรเบิร์ต สุเมโธ (พระพรหมวชิรญาณ) เมื่อออกธุดงค์แต่ละครั้ง ก็จะกลับมาจำพรรษาอยู่วัดหนองป่าพง
• #สร้างวัดป่าไทยพัฒนา
จนประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับมาบหมายจากหลวงพ่อชาให้มาดูแลวัดแคมป์หรือวัดป่าไทยพัฒนาในปัจจุบัน
ที่บ้านไทยวัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ไดัรับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส
วัดป่าไทยพัฒนา(สาขาที่ ๑๑ วัดหนองป่าพง) อย่างเป็นทางการ
• #สมณศักดิ์
ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโทที่ "พระครูพัฒนกิจวิศาล"
ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอกในราชทินนามเดิม
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ “พระราชพิพัฒน์วัชโรดม”
• #การละสังขาร
หลวงปู่คำ นิสโสโก วัดไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ ในวันอังคาร ที่ 17 พฤษภาคม 2565 เวลา 17.33 น. ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี สิริอายุ 81 ปี 60 พรรษา
“.. หากจะเอามนุษย์ด้วยกันเป็นเพื่อน ไม่นานก็ทะเลาะกัน ไม่นานก็มีเรื่องกัน เพราะมนุษย์เราแต่ละคนอารมณ์ไม่เหมือนกัน ท่านจึงให้เราเอา ศีล ธรรมนี้ เป็นเพื่อน เอาอริยมรรคนี้เป็นเพื่อน หากคบสิ่งเหล่านี้เเล้วไม่มีวันจะทิ้งเราไปไหน ยิ่งคบด้วยแล้วยิ่งเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทั้งทางโลก ทั้งทางธรรม ..”
ขอขอบพระคุณประวัติ ข้อธรรมและภาพ
จากเพจ หลวงปู่คำ นิสฺโสโก วัดป่าไทยพัฒนา
-------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญผู้รวบรวม FB page พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น