ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ผาง ปริปุณโณ วัดประสิทธิธรรม ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ผาง ปริปุณโณ ๏
วันนี้วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพ ครบรอบ ๒๒ ปี ของหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี "พระอริยสงฆ์ผู้ปรารภความเพียรอย่างสม่ำเสมอ" แห่งวัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พระอริยสงฆ์ผู้ปรารภความเพียรสม่ำเสมอตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา ท่านเป็นศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้ว แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในวงศ์พระพุทธศาสนาที่เจริญรอยตามเสด็จองค์พระบรมศาสดา หลวงปู่ผางท่านท่องเที่ยวธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย เป็นผู้ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนเข้าหาสำนักครูบาอาจารย์เสมอ เป็นผู้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย แต่ทุกท่วงท่ากิริยาแฝงไปด้วยความหมายแห่งธรรม” หลวงปู่ผางท่านเป็นศิษย์ต้น และเป็นทายาทธรรมของ “หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ” โดยแท้ การปฏิบัติธรรมออกกรรมฐานของท่านล้วนได้ติดตามพระอรหันต์องค์สำคัญๆทั้งนั้น เช่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นต้น
"..ทำให้มันรู้ ภาวนาพุทโธ หรือบริการอันใดอันหนึ่งพยายามตั้งสติอยู่อย่างนั้น พูดนานไปมันก็ไม่ลืม ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนเขารักกันนั่นแหละ ทีแรกคุยกันไปคุยกันมาเห็นหน้ากันเรื่อยๆ ก็รักกัน ทีนี้ไม่เจอกันเหมือนกับจะตาย อันนี้เหมือนเราภาวนาไป เกิดความพอใจทำไปเรื่อยๆ สติก็จะเกิดความชำนาญ ความสุขจะปรากฏขึ้น มีความสงบ ยิ่งสบาย นอนสบาย นั่งสบาย อารมณ์ทั้งหลายไม่มารบกวน เมื่อเจริญขึ้นไปอีก มันจะเกิดความรู้ เป็นอุปจาร รู้นั่นรู้นี่ เกิดคุณูปการ เห็นโรคคนโรคผี เห็นไปตามนิสัยของอันนี้ ไม่เที่ยง มีโอกาสหลงถ้าไม่มีครูอาจารย์ บางคนบ้าก็มี ถ้าเชื่อว่านิมิตที่ตนเห็น เป็นของจริง อยากอวด อยากพูดไม่หยุดไม่ถอย เดี๋ยวก็เสื่อม เขาว่าเขาเหาะได้ก็มี ขึ้นไปบรรยากาศโน้น บางคนค้างอยู่บนต้นไม้ พอเช้าก็เอาลงมา ครูอาจารย์สอนไว้ทำอย่างนี้มันผิด เห็นอะไรไม่รู้อยู่ อย่าไปหลงตามสิ่งนั้น บางคนเห็นร่างกาย ผุพังเน่าเปื่อยลงไป เห็นถึงกระดูกอันนี้ถูกต้องทำไปเรื่อยๆ จะได้ชำนาญ เหมือนเรียนหนังสือเรียนได้นิดหน่อยก็หยุด เดือนหนึ่งจะกลับมาเรียนมันก็ลืมเสีย มันทำไม่ได้ จะเกิดความท้อถอย ต้องถอยกลับมาเริ่มต้นใหม่ ต้องมีสติ สติเป็นของสำคัญ สติเป็นวินัย เมื่อมีสติก็ไม่กล้าทำผิดและไม่หลง กัมมัฏฐานต้องมีครู มีปัญหาต้องถามผู้รู้.." โอวาทธรรมหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ
• ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ
ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ ตรงกับวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีขาล ที่บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ท่านเป็นบุตรของนายสอน และนางเหม็น ในสกุล "แมดสถาน" มีอาชีพทำนา มีพี่น้อง ๘ คน
ท่านอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ตรงกับวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. ที่วัดชัยมงคล ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมี “พระมหาเถื่อน อุชุกโร” เป็นพระอุปัชฌาย์ “พระอธิการพร สุมโน” เป็นพระกรรมวาจาจารย์ “พระอธิการพุธ ยโส” เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปริปุณโณ”
ปี พ.ศ.๒๔๙๐ ท่านได้จำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม กับหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ พอออกพรรษาแล้วได้ติดตามท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ปี พ.ศ.๒๔๙๑ ในพรรษานี้ ท่านติดใจในรสชาติแห่งธรรมที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่แสดงจึงมีความตั้งใจจะไปพักจำพรรษากับท่านพระอาจารย์ใหญ่อีก เมื่อท่านเดินทางไปถึงก็พบว่ามีพระอยู่จำพรรษากับองค์ท่านเป็นจำนวนมาก กุฏิไม่เพียงพอ ท่านพระอาจารย์ใหญ่จึงเมตตาให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดม่วงไข่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร หลังจากออกพรรษาแล้วได้ไปกราบนมัสการลาท่านพระอาจารย์ใหญ่กลับมาพักอยู่กับหลวงปู่พรหม ที่วัดประสิทธิธรรม จากนั้นก็ได้กราบลาหลวงปู่พรหม ออกธุดงค์วิเวกไปยัง อ.บ้านผือ พระพุทธบาทบัวบก อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
ปี พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านจำพรรษาที่ภูเก้า อ.โนนสัง จ.อุดรฯ หลังจากออกพรรษาแล้วได้เที่ยววิเวกไปทาง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ได้พักศึกษาข้ออรรถข้อธรรมจากหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ปี พ.ศ.๒๔๙๓ ท่านได้ติดตามหลวงปู่พรหมไปจำพรรษาที่วัดบ้านถ่อน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พรหมได้เดินทางไปวัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน เพื่อประชุมคณะสงฆ์ เตรียมงานประชุมเพลิงท่านพระอาจารย์ใหญ่ และโอกาสนี้หลวงปู่ผางได้กราบนมัสการ “หลวงปู่ขาว อนาลโย” แห่งวัดถ้ำกลองเพล ท่านได้ติดตามหลวงปู่ขาวไปธุดงค์ตามเทือกเขาภูพาน จนถึงวัดถ้ำกลองเพล และได้พักปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ขาวระยะหนึ่ง จึงได้กราบลาหลวงปู่ขาวเพื่อปลีกวิเวกไปศึกษาธรรมปฏิบัติกับ “หลวงปู่คำดี ปภาโส” ที่วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย และติดตามหลวงปู่คำดีไปยังภูเขาควาย ประเทศลาว
ปี พ.ศ.๒๔๙๔ ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนาเชือก จ.เลย
หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ธุดงค์กลับวัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น เพื่ออุปัฏฐากหลวงปู่พรหม หลังจากพักอยู่นานพอสมควรแล้ว ได้มีความตั้งใจว่าจะไปกราบนมัสการหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม แต่ไม่ได้พบท่าน ได้พบกับ “หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน” หลวงปู่บัวคำ อาจารย์บัว และสามเณรหนึ่งรูป รวมทั้งหมด ๕ รูป และได้อยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกันอยู่ที่บ้านสามผง
ปี พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านพักจำพรรษาที่อำเภอวังสะพุง และได้จำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์ทองสุก และพระอาจารย์เมฆ รวมทั้งหมด ๓ รูป หลังจากออกพรรษาแล้ว ได้ออกวิเวกไปทางวัดถ้ำผาบิ้ง เพื่อศึกษาธรรมกับหลวงปู่ชอบ
ปี พ.ศ.๒๔๙๗ ท่านจำพรรษาที่ป่าบ้านเฮียด อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้ไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
หลังจากนั้น หลวงปู่ชอบพาท่านธุดงค์ไปยังวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้พบหลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร
ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านพักจำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม หลังออกพรรษาแล้ว ได้วิเวกไปทางดงหม้อทอง พักอยู่ระยะหนึ่ง ได้ออกวิเวกทางภูวัว ภูทอก ไปพักกับท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ระยะหนึ่ง แล้วออกวิเวกต่อไปยังภูลังกา
ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ท่านพักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรฯ กับหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน มีพระร่วมจำพรรษาทั้งหมด ๑๗ รูป สามเณร ๑ รูป อยู่จนสิ้นกรานกฐิน ก็ได้กราบลาหลวงตาออกวิเวกไปทางจังหวัดหนองคาย ทางบ้านนามั่งปากมั่ง วิเวกตามฝั่งลุ่มแม่น้ำโขง
ปี พ.ศ.๒๕๐๘ จำพรรษาที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
ปี พ.ศ.๒๕๐๙ จำพรรษาที่วัดป่าแก้วชุมพล กับพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร จังหวัดสกลนคร
ปี พ.ศ.๒๕๑๒-๒๕๑๖ ท่านพักจำพรรษาอยู่ที่วัดประสิทธิธรรม ประชุมเพลิงขององค์หลวงปู่พรหม ในวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๑๔ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านได้นำคณะศรัทธาญาติโยมก่อสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุและอัฐบริขารของหลวงปู่พรหม
ปี พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นต้นมา ท่านพักจำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
หลวงปู่ผาง ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานด้วยโรคมะเร็งในตับ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๔ เวลา ๒๓.๓๕ น. สิริอายุ ๗๖ ปี ๕๔ พรรษา
"..ธาตุขันธ์ร่างกายมันเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป แต่กายกับใจต้องเรียนให้รู้ ต้องดูให้เห็น อย่าไปทำให้จิตใจมันไปหลงกายว่ามันสวยมันงาม ถ้าหากให้ความสำคัญหรือเห็นของสำคัญของมันเข้าแล้ว มันจะทำให้เกิดความทุกข์ขึ้น โรคภัย ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวดมันอยู่ในร่างกายอันนี้ กายมันไม่รู้สึกนึกคิดว่ามันเจ็บปวดหรอก แต่ใจนี้สิมันเป็นตัวรับรู้อาการเหล่านั้น ถ้าไปหลงตามมันก็แย่..
.. เรื่องของกิเลสมันฉลาดมันเก่งนะ เดี๋ยวโดนมันหลอกเอาง่ายๆ เราต้องพิจารณาให้รู้ให้เห็นความเป็นจริง โดยการยกหลักภาวนาที่ตนเองฝึกฝนมา เอาตัวสติเป็นสำคัญทำสมาธิตั้งมั่นเอาปัญญาพิจารณาภายในธาตุขันธ์ ให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งแน่ชัดลงไปสิ.. ว่าในนั้นมันมีอะไรให้น่ารักน่าใคร่หล่ะ..
..ถ้าดูให้เห็นจริงๆ มันมีแต่ เนื้อ หนัง เอ็น กระดูก น้ำเหลือง น้ำเลือด เหม็นเน่าเปื่อย น่าสลดสังเวชจริงๆถ้าใครภาวนาเห็นอย่างนี้ รับรองว่ามีความเจริญ แต่ประมาทไม่ได้นะ ต้องพิจารณาทุกๆ คืน ทุกๆ วัน จนเกิดความชำนิชำนาญ เมื่อมีความชำนาญแล้วก็สบายหล่ะทีนี้.. จะทำสมาธิ เข้าสมาธิก็ง่าย ออกจากสมาธิก็ง่าย ทำได้เร็ว จะทำให้จิตใจมันสงบ ก็ให้กำหนดจิตเข้าไปเลย..
..เมื่อจิตรวมลงเป็นหนึ่ง มันก็มีความสว่างไสวไปหมด จะพิจารณากาย ก็จะทะลุปรุโปร่งไปหมด ก็ด้วยความเห็นของปัญญาที่ส่องให้เรารู้ ส่องให้เราเห็น ตวามจริงก็คือความจริง มันมีอยู่แต่จิตเรามองมันไม่เห็น จิตมันมืดบอด เหใอนคนตาบอด มองอะไรไม่เห็น..
จิตมันไม่เห็นตามความเป็นจริง ไปๆ มาๆ ก็หลงทางเดิน เหมือนคนเดินหลงทางไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที... เสียเวลาเปล่าๆ จะไปสำคัญอะไรกับโลกอันนี้ ยิางใครไปยึดไปถือ ก็ยิ่งเป็นทุกข์หนัก คนเกิดมาหาทางออกจากทุกข์ไม่ได้ก็เสียเวลาตายเปล่าๆ เพนาะมัวแต่คิดว่าสมบัติของตนเองคือข้าวของเงินทอง รถ เรือ บ้านหลังโตๆ มันจะให้ตวามสุข เลยพากันยึดมั่นถือมั่น หลงสวย หลงงาม เกิดกสรยื้อแย่งกัน แย่งผัว แย่งเมีย แย่งหน้าที่การงาน วุ่นวายไปหมดทั่วบ้านทั่วเมือง..
ถ้าใครปฏิบัติธรรม เห็นของจริง รู้จริง ตามความเป็นจริง แล้วไม่ไปแย่งใครหรอก จะไปยึดถือเอาไปทำไม จะสวยงามหรือไม่ สวยงามก็แล้วแต่สิ... ทำใจให้เห็นทั้งสองอย่าง ว่ามันเสมอกันเสีย.. ใจมันก็ปล่อยวาง.. เท่านั้นเอง.." โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ
#บรรณานุกรมอ้างอิง : พิมพ์คัดลอกจากหนังสือชีวประวัติหลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ และหนังสือ ๒๘ พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระธุตังคเจดีย์ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ จัดทำโดยพระมหาธีรนาถ อัคคธีโร วัดป่าภูผาสูง ขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ครับ...สาธุ
-----
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญที่มา FB page พระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น