ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ซามา อจุตฺโต วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย
วันนี้วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่ซามา อจุตฺโต วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย รำลึก ๔๔ ปี อาจาริยบูชาคุณ "พระอริยเจ้าผู้มีจิตเด็ดเดี่ยวแห่งเมืองเลย" หลวงปู่ซามา ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ,หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม และเป็นสหธรรมิกหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ,หลวงปู่ฝั้นอาจาโร บรรดาสหธรรมิก มักจะเรียกท่านด้วยฉายาว่า "เฒ่าหลังลาย" อันเนื่องจากองค์ท่านมีรอยสักอยู่ทั่วกายท่าน หลวงปู่ซามา อาจุตโต เป็นพระเถราจารย์ผู้ใหญ่รูปหนึ่งของเมืองเลย องค์ท่านมีศรัทธาออกบวชปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง ท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา อยู่รุกขมูล เพื่อแสวงหาวิโมกขธรรมเกือบทั่วประเทศไทย ครองตนอยู่ในเพศสมณะ เสมอต้นเสมอปลาย
#อัตโนประวัติหลวงปู่ซามา_อจุตฺโต
ท่านเกิดในสกุล สินทร เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๗ ที่บ้านขามเปี้ย ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายลุยและนางบุญ สินทร ในช่วงวัยเยาว์ท่านได้บรรพชาที่วัดในท้องถิ่น แต่เพียงไม่นานท่านก็จำต้องลาสิกขาไปช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพระยะหนึ่ง ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบท ที่วัดบ้านดอนแขม อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อบวชเรียนได้ ๔ พรรษา ท่านมีโอกาสพบกับพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่นที่ไปปักกลดในละแวกนั้น นำโดยพระอาจารย์วาท หลวงปู่ซามาได้มีโอกาสรับฟังธรรม แล้วบังเกิดความเลื่อมใส
หลวงปู่ซามา จึงขอญัตติเป็นพระสายป่าคณะธรรมยุต เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓ ที่วัดไชยชุมพล ต.บ้านเต่า อ.บ้าน แท่น จ.ชัยภูมิ มีพระครูพิศาล เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์หล้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “อจุตฺโต”
เมื่อแปรนิกายแล้ว เท่ากับ เป็นพระบวชใหม่ หลังจากญัตติเป็นพระสงฆ์คณะธรรมยุตแล้ว พระอาจารย์วาทได้พาท่านออกเดินท่องธุดงควัตรไปตามสถานที่ต่างๆ ได้พบหาฟังธรรมจากครูบาอาจารย์พระกัมมัฏฐานศิษย์ในสายท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต
ท่านหลวงปู่ซามาได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จนเกิดสมาธิขั้น “ฌาน” และได้ติดตามเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ ขณะนี้ท่านได้สมาธิแล้ว จึงรีบเร่งการภาวนาเดินจงกรม ตลอดวันตลอดเวลา บางวันอดอาหารเสียเพราะเสียดายเวลาการปฏิบัติธรรม
ในการแสวงหาครูบาอาจารย์ครั้งแรกนั้น หลวงปู่ซามา ท่านได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่าเป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก และท่านก็เป็นพระธุดงคกรรมฐาน หลวงปู่ซามาจึงอยากฝากตัวเป็นศิษย์ ก่อนจะได้พบกับหลวงปู่มั่น ท่านมีโอกาสได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม และ ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล ถึง ๔ พรรษา
การที่หลวงปู่ซามา ออกติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปทางภาคหนือนั้น ก็เพื่อหวังสดับรับฟังพระธรรมเทศนาและอุบายธรรมจากองค์หลวงปู่มั่นเท่านั้น โดยคิดว่า “ถ้าพบและได้รับอุบายธรรมแล้วจะปฏิบัติตามนั้น แม้นไม่ได้ธรรมที่ตนจะปฏิบัติก็ขอยอมตาย”
หลวงปู่ซามา มีโอกาสดี ได้เข้ากราบนมัสการท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม แล้วได้รับฟังพระธรรมเทศนาจากท่าน จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า ก็เข้าใจว่า “บัดนี้เราได้มาพบพระดีมีวินัยชอบแล้ว” ท่านจึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ ครั้นต่อมาหลวงปู่ซามาได้อยู่อบรมปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร จนเกิดสมาธิขั้น “ฌาน” และได้ติดตามเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ ขณะนั้นท่านได้สมาธิแล้ว จึงรีบเร่งการภาวนา เดินจงกรมตลอดวันตลอดเวลา บางวันอดอาหารเสียเพราะเสียดายเวลาการปฏิบัติธรรม
ต่อมาได้ติดตาม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ไปทางภาคเหนือ และได้อยู่อบรมปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม อีก ๑ พรรษา รวมทั้งได้อยู่อบรมปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่คำดี ปภาโส นานถึง ๑๐ พรรษา เพราะว่าหลวงปู่ซามาเคยพูดว่า “ได้พระอาจารย์ที่วิเศษ จึงอยู่นานหน่อย” การปฏิบัติธรรมด้วยความดีบริสุทธิ์นั้น หลวงปู่ซามาถือว่า “เป็นกำไรของจิตใจ เราจะได้หมดทุกข์เสียที”
นอกจากนี้แล้ว ท่านเคยได้ร่วมคณะกับพระอาจารย์ใหญ่หลายองค์ไปเป็นธรรมทูตขอนิมนต์ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ให้กลับมาอยู่เพื่อโปรดคณะศรัทธาญาติโยมในจังหวัดเลย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะหลวงปู่แหวนไม่ยอมกลับ ขออยู่บนดอยแม่ปั๋งดังเดิม หลวงปู่ซามาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รุ่นเดียวกันกับ พระอาจารย์กว่า สุมโน แห่งวัดกลางโนนกู่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
หลวงปู่ซามาท่านเคยเดินธุดงค์ไปจนถึงประเทศลาว และได้ไปรับข้ออรรถข้อธรรมทางใจอีกเป็นอันมาก ด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญท่านเดินธุดงคกรรมฐานไปในป่าเขาดงเสืออยู่ตลอดเวลา การที่ท่านได้สละกายและใจออกปฏิบัติธรรมกรรมฐานนี้เป็นความสมัครใจของท่านเอง
เพราะในครั้งแรกที่ได้มีโอกาสพบเห็นพระธุดงคกรรมฐาน คือ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และ พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล ครั้นเมื่อได้ฟังธรรมะปฏิบัติก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า ท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา เพื่อแสวงหาวิโมกขธรรมเกือบทั่วประเทศไทย
ต่อมา หลวงปู่ซามา ได้ไปร่วมผนึกกำลังออกเผยแผ่ธรรมร่วมกับ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ยังภาคใต้ แม้จะเกิดปัญหาอุปสรรคต่างๆ นานา ท่านก็มิได้ท้อถอยท้อแท้แต่อย่างใด จนกระทั่งสามารถสร้างความเคารพศรัทธาในพระป่าสายการปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ว่าท่านจะออกเดินธุดงค์ไปเผยแผ่ธรรม ณ ที่ใด ชาวบ้าน ป่า นา เขา ต่างพากันเลื่อมใสศรัทธาท่าน และพากันเศร้าโศกเสียใจเมื่อท่านเสร็จกิจในการเผยแผ่ธรรมและอำลาจากสถานที่แห่งนั้น แต่ธรรมะที่ได้รับจากท่านก็ยังฝังใจเขาไปตราบนานแสนนาน
หลวงปู่ซามาได้มาบูรณะซ่อมแซมวัดป่าอัมพวัน ให้ได้รับความเจริญขึ้น เพราะชาวบ้านไร่ม่วงทุกคนต่างก็มีความศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาข้อวัตรของท่าน จึงนิมนต์ให้มาอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน และถือเป็นแหล่งสุดท้ายในชีวิตของท่านหลวงปู่ซามา อาจุตฺโต พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแห่งจังหวัดเลย ในช่วงที่มาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ เจ้าคณะจังหวัดเลยในขณะนั้น ได้แต่งตั้งให้หลวงปู่ซามา เป็นเจ้าคณะตำบล
ในครั้งที่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า ได้มรณภาพ หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณลาโภ ได้มอบหมายให้หลวงปู่ซามาเป็นตัวแทนตัวแทนคณะสงฆ์จังหวัดเลย ไปรับอัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น นำมาให้หลวงปู่ศรีจันทร์เก็บไว้ในพระอุโบสถวัดศรีสุทธาวาส จ.เลย อาจกล่าวได้ว่า หลวงปู่ศรีจันทร์และหลวงปู่ซามา มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ซึ่งท่านทั้งสองมีอายุเท่ากัน อีกทั้งหลวงปู่ซามาก็นับถือหลวงปู่ศรีจันทร์มาก แต่หลวงปู่ซามาบวชหลังหลวงปู่ศรีจันทร์หลายปี
ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่ศรีจันทร์ และหลวงปู่ซามา พร้อมด้วยพระเถระผู้ใหญ่อีก ๓ รูป คือ พระราชศีลสังวร วัดศรีโพนแท่น อ.เชียงคาน จ.เลย, หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย และหลวงพ่อสีทน สีลธโน วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย รวม ๕ รูป ได้รับกิจนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่จังหวัดปราจีนบุรี
ในช่วงเดินทางขากลับไปจังหวัดขอนแก่น ระหว่างทางมาถึง อ.คง จ.นครราชสีมา มีรถยนต์วิ่งสวนทางมาเกิดยางแตก รถพุ่งเข้าหารถตู้ที่พระเถระผู้ใหญ่ทั้ง ๕ รูปนั่งโดยสาร คนขับจึงหักหลบ เกิดพลิกคว่ำลงข้างถนน ทำให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งมากับรถ ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะหลวงปู่ซามา อาการสาหัสกว่าทุกรูป จึงนำส่งพระภิกษุ ทั้ง ๕ รูป เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนครราชสีมา
เมื่ออาการดีขึ้นหลวงปู่ศรีจันทร์ และพระผู้ใหญ่ที่ไปด้วยกันก็กลับจังหวัดเลย ส่วนหลวงปู่ซามายังต้องรักษาตัวอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา จนอาการดีขึ้น จึงนำกลับมาที่วัดป่าอัมพวันที่ท่านจำพรรษาอยู่
หลวงปู่ซามา เคยเล่าเหตุการณ์ตอนหนึ่งให้ฟังว่า...“อาตมาเคยใช้กรรมครั้งหนึ่งเกือบตายมาแล้ว คือ รถไปคว่ำ การไปให้รถคว่ำได้นี้มีพระอาจารย์หลายองค์ มีอาจารย์ท่อน เป็นต้น ความสำคัญมั่นหมายไม่ได้อยู่กับตอนรถคว่ำนั้นหรอก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาเชิงขบขันมากกว่า แต่ความสำคัญในทางธรรมะนี้ซี ทำให้อาตมารู้ซึ้งถึงแก่นใจเลยทีเดียว
จึงมาแนะนำญาติโยมว่า.. ปฏิบัติไปเถิดธรรมสมาธินี้ เมื่อใครได้ปฏิบัติแล้ว แม้เมื่อถึงคราววิบัติ ธรรมะก็ช่วยได้ ธรรมะเป็นเกราะแก้วเกราะขวัญของพวกเราเป็นอย่างดียิ่ง เป็นอะไรล่ะ...เป็นพุทธรักษา ธรรมรักษา สังฆรักษา รักษาให้พ้นความตายได้จริงๆ ภูมิธรรมเกิดขึ้นมากในช่วงนั้น ขณะเจ็บอยู่นะ อาตมารู้วิธี ตอนที่เราจะตายควรไปฝากกับใครแล้วพวกโยมก็ควรปฏิบัติบ้างจึงจะรู้ชัดเจนนะ”
อย่างไรก็ตาม อาการของหลวงปู่ซามา ไม่ค่อยดีนัก พอทุเลาบ้าง จนในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๒๓ ท่านมีอาการทรุดลง จนกระทั้งในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๓ เวลา ๑๒.๓๐ น. หลวงปู่ซามาได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ ๗๖ พรรษา ๕๐ ตลอดชีวิต หลวงปู่ซามา อาศัยในร่มเงาพระพุทธศาสนา ประกอบคุณงามความดีด้วยจิตใจที่ผ่องแผ้ว แม้ท่านจะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนกิจมาตลอดชีวิต เป็นที่จดจำของชาวเมืองเลยอย่างมิลืมเลือน
อ้างอิง ; นิตยสารโลกทิพย์ ; ฉบับี่ ๗๗ ปีที่ ๕ เดือนมีนาคม(ฉบับหลัง) ๒๕๒๙
--------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวมFB พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น