ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี


๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ๏ 
     วันนี้วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบรอบ ๔๓ ปี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี "พระอริยเจ้าผู้มีปัญญาธรรมแตกฉาน" องค์ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทตฺตเถร ท่านเป็นศิษย์ที่ได้รับมอบคำบริกรรมให้โดยเฉพาะจากหลวงปู่มั่น เพราะท่านมีราคะจริต เบื้องต้นท่านให้คำว่า "กายเภทํ กายมรณํ มหาทุกฺขํ" ต่อมาหลวงปู่มั่น ให้เปลี่ยนว่า "เยกุชฺโฌ ปฏิกุโล " หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ท่านเป็นพระอริยเจ้าผู้มีดวงตาเห็นธรรม มีข้อวัตรแนวทางประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมากที่สุดรูปหนึ่ง จิตใจของหลวงปู่อ่อน เลิศล้ำไปด้วยเมตตาธรรม ทางด้านปัญญาธรรมนั้นก็แตกฉาน สามารถแก้ไขสิ่งติดขัด หรือบุคคลที่สงสัยในข้อปฏิบัติได้อย่างแจ่มแจ้ง

#ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่อ่อน_ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

ท่านเกิดตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีขาล พ.ศ.๒๔๔๕ ณ บ้านดอนเงิน ต.แซแล กุมภวาปี อุดรธานี เมื่ออายุ ๑๖-๑๗ ปี พ่อแม่พูดว่า "การบวชนี้ได้บุญมาก" ทำให้ท่านอยากบวชทันที จึงบอกพ่อแม่ว่า "ต้องการบวช ถ้าได้บวชแล้วจะไม่สึก" พ่อแม่จึงนำไปฝากเป็นศิษย์วัด พ.ศ.๒๔๖๑ บรรพชาเป็นสามเณร ได้พบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงได้ติดตามหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่อ่อน ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ฉันอาหารก็ฉันหนเดียว ฉันอาหารในบาตรอย่างสำรวม คือ อาหารคาว-หวาน อยู่ในภาชนะเดียวกันแล้วคลุกรวมกันให้ทั่วจึงฉัน เมื่อปีพ.ศ.๒๔๖๕ ท่านได้ลาโยมพ่อโยมแม่ทั้งสองออกเดินธุดงคกรรมฐาน

• #ออกศึกษาธรรมค้นหาครูบาอาจารย์
ในปี พ.ศ.๒๔๖๖ ได้ออกธุดงค์แสวงหาความสงบวิเวก พักศึกษาธรรมอยู่กับท่านอาจารย์สุวรรณ สุจิณฺโณ อยู่วัดป่าอรัญญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อเรียนข้อปฏิบัติกรรมฐานกับท่าน พอเข้าใจในข้อปฏิบัติแล้วปฏิบัติอยู่ไปถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๖ จึงได้ไปพบท่านอาจารย์หลวงพ่อใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล พร้อมพระอาจารย์หลวงพ่อใหญ่มั่น ภูริทัตโต อยู่ที่เสนาสนะป่าบ้านค้อ ต.ดงมะไฟ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้กราบเท้าท่านหลวงพ่อทั้งสอง ถวายตัวเป็นศิษย์ และขอญัตติเป็นพระธรรมยุตด้วยท่านหลวงพ่อใหญ่มั่นรับไว้ แต่ให้เป็นศิษย์ ญัตติท่านไม่อนุญาต ท่านพูดว่า “ให้ปฏิบัติอยู่กับพวกผมไปปี ๑ ก่อน ให้ผมได้พิจารณาดูจิตของท่านว่า จะพอปฏิบัติเป็นไปไหม” 

พอได้ปฏิบัติอาศัยท่านหลวงพ่อทั้งสองไปจนเต็มปีหนึ่งแล้ว ก็ขอถวายตัวเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์หลวงพ่อทั้งสอง พร้อมทั้งถวายตัวของตนให้เป็นเหมือนตัวของท่านหลวงพ่อทั้งสองนั้นด้วยทีเดียว “เมื่อท่านต้องการไปธุระสิ่งใด ขอตัวเกล้าทำแทนหรือไปแทนเกล้าทำหรือไปผิดถูกประการใด ขอให้ท่านหลวงพ่อตักเตือนดุด่า เฆี่ยนตี เอาแต่สุดจะมีพระกรุณาแก่เกล้าประการใด หากเกล้าขืนดื้อตอบคำก็ดี หรือไม่ไปตามคำบอกให้ไปก็ดี ขอให้ไล่เกล้าหนีจากสำนักเลย ด้วยความที่เกล้ารู้และได้ยินเกล้าจำได้มากอยู่แล้ว แต่เกล้ายังไม่ได้ทำด้วยแล้ว แล้วเลยไม่รู้อันจะทำ เกล้ากลัวแต่จะผิดอยู่อย่างนั้นร่ำไป” 

และทั้งขอญัตติเป็นพระธรรมยุตกับท่านหลวงพ่อทั้งสองอีกด้วย ท่านหลวงพ่อทั้งสองได้มีความกรุณารับคำขอร้องทุกอย่าง

ท่านหลวงพ่อใหญ่อาจารย์มั่น ท่านได้ตอบว่า “เออดีมากทีเดียว ที่ท่านต้องการอยากมาให้ผมทั้งสองสอนนี้ ผมจะสอนให้ท่านรู้และทำเป็นทุกอย่างเท่าที่ผมรู้ ไม่สู้ใครมาขอถวายตัวเป็นศิษย์ ให้ผมทั้งสองสอนเหมือนท่านสักองค์เลย” 

• #หลวงปู่ใหญ่มั่น_สอนคำภาวนา
หลวงปู่ใหญ่มั่น ท่านถามว่า “ท่านสุวรรณท่านสอนคำภาวนาให้ท่านคำไหน และการเดินจงกรม นั่งสมาธิ ท่านสุวรรณ สอนให้ท่านทำอย่างไร” เรียนถวายท่านว่า “ท่านสอนให้เกล้าภาวนาว่า พุทโธ อยู่แก่ในใจ เดินจงกรมนั่งสมาธิ อาจารย์สุวรรณ สอนให้เกล้าทำอย่างนี้” (ทำถวายให้ท่านดู) ท่านหลวงพ่อจึงว่า “ท่านคนราคะจริต ภาวนาว่า พุทโธมันไม่ถูก” ท่านบอกต่อไปว่า “เอา ท่านยกมือขึ้นประณมมืออยู่ แล้วเรียนเอาคำภาวนาใหม่” เมื่อยกมือขึ้นแล้ว ท่านสอนคำภาวนาให้ใหม่ว่า “กายะเภทัง กายะมระณัง มหาทุกขัง” เมื่อจำได้แล้ว ท่านให้กำหนดใจภาวนาให้ท่านดูในเวลานั้นเลย ภาวนาไปประมาณ ๑ นาทีกว่าท่านบอกให้หยุด ถามว่า “ภาวนาสะดวกว่าง่ายไหม” เรียนท่านว่า “มันหลายคำว่ายาก ภาวนายาก” 

ท่านจึงให้คำใหม่อีกว่า “เยกุชฺโฌ ปฏิกุโล” และให้นั่งกำหนดจิตภาวนาถวายให้ท่านดูอีก นานประมาณเท่าเก่า 
ท่านให้ลองอีก แล้วท่านถามอีกว่า “ภาวนาสะดวกไหม และว่าง่ายไหม” 

ตอบท่านว่า “คำนี้รู้สึกว่าง่าย เพราะมันน้อยคำ และมันเหมือนว่า พุทโธ อีกด้วย” 
ท่านบอกว่า “ให้ท่านภาวนาไปนานๆ มันจะสะดวกดอก” แล้วท่านก็เทศนาสอนไปพอสมควรแล้วท่านก็สั่งเลิก"

• #ข้อปฏิบัติ 
หลวงปู่มั่น ท่านมักจะเน้นธรรมปฏิบัติแก่บรรดาศิษย์ของท่าน ดังนี้ 
ธรรมข้อปฏิบัติและปฏิปทาต่างๆ 
๑. การปฏิบัติทางใจ ต้องถือการถ่ายถอนอุปาทานเป็นหลัก 
๒. การถ่ายถอนนี้ มิใช่จะถ่ายถอนโดยไม่มีเหตุ ต้องให้มันถ่ายถอนเอง 
๓. เหตุแห่งการถ่ายถอน ต้องให้สมเหตุสมผล ดังท่านพระอัสสชิแสดงในธรรมข้อที่ว่า...“ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นดับไปเพราะเหตุ” 
๔.เหตุได้แก่การสมมุติบัญญัติขึ้น แล้วหลงตามอาการนั้น เริ่มต้นด้วยการหลงตัวหลงตนก่อน แล้วไปหลงผู้อื่นว่ารูปสวย-ไม่สวย ต่อไปข้าวของนอกตัว จนกลายเป็นราคะ โทสะ โมหะ 
๕.ท่านให้แก้เหตุ ด้วยการพิจารณากรรมฐาน 5 ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ด้วยกำลังของสมาธิ 

• #แนวทางแห่งความจริง 
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ท่านได้รับธรรมะจากหลวงปู่มั่นนั้นมากมาย และแต่ละประโยคที่ท่านแสดง ก็กินความหมายกว้างขวางยิ่ง ท่านหลวงปู่อ่อน ได้กำหนดจดจำไว้อย่างแม่นยำไม่ลืมเลือน ท่านยังกล่าวอีกตอนหนึ่งว่า “..หลักที่เป็นแนวทางของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต นี้ เป็นแนวทางที่สำคัญทั้งการศึกษาและการปฏิบัติธรรมอันเป็นแนวทางแห่งความจริงในที่สุด..” 
ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ได้แนะว่า “..การฉันหนเดียว ฉันในบาตร การบิณฑบาต การปัดกวาดลานวัด การปฏิบัติครูบาอาจารย์การอยู่ป่าวิเวก นี่เป็นข้อวัตรที่อันควรแก่ผู้ฝึกฝนขั้นอุกฤษฏ์จะพึงปฏิบัติ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมครู พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนบรรดาชาวโลก ให้ได้รู้คุณค่าของธรรม เพราะเมื่อผู้ใดเข้าถึงธรรมะอันแท้จริงแล้วยังให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล เป็นบุคคลที่ปราดเปรื่องฉลาดเลื่องลือระบือไปไกลอย่างเช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 

ธรรมะที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แสดงอบรมสั่งสอนบรรดาศิษย์ของท่านนั้น ท่านฉลาดกว้างขวางในอุบายวิธี ปัญญาของท่านนั้นดุจท้องฟ้ามหาสมุทร 
องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรานั้น พระพุทธองค์ไม่เคยคับแค้นจนมุมในการอบรมสั่งสอนหมู่ชน ทั้งเทวดาและมนุษย์ทุกชั้น และธรรมเหล่านั้น ได้ถ่ายทอดตกมาสู่พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในยุคต่อๆ กันมา 

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้บุพพาจารย์ได้ถ่ายทอดมาสู่บรรดาศิษย์แต่ละรุ่นนั้น ประกอบด้วยพระสัจธรรมความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เป็นแนวทาง พร้อมทั้งปฏิปทาคือ ข้อปฏิบัติที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้พาดำเนินและธรรมะที่ท่านนำมาอบรมสั่งสอน แต่ละบทละบาทหรือแต่ละครั้งคราว ธรรมนั้นก็ล้วนเป็นความซาบซึ้งจับใจไพเราะเหลือจะพรรณนา.และยากที่จะได้เห็นจะได้ยินจากที่อื่นใดในสมัยปัจจุบัน ซึ่งเป็นสมัยที่มนุษยชาติต้องการคนดีมีศีลธรรมอยู่มาก..” 

• #นับเป็นวาสนา 
ภายหลังจากท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ได้รับอุบายธรรมและข้อวัตรปฏิบัติจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จนเป็นที่เข้าอกเข้าใจแล้ว หลวงปู่มั่น ได้มอบหลวงปู่อ่อน ให้อยู่ภายใต้การดูแลของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโมซึ่งเป็นเหมือนพี่เลี้ยงและพระอาจารย์ของท่านอีกด้วย ท่านได้ออกเดินธุดงค์ติดตามท่านพระอาจารย์สิงห์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อหาสถานที่อันวิเวกบำเพ็ญภาวนาต่อไป ยามที่ท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่กับท่านพระอาจารย์สิงห์นั้น แม้จะติดขัดในเรื่องการปฏิบัติภาวนา ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็สามารถแก้ไขจนคลายความติดขัดนั้นๆ ได้ทุกครั้ง และคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว 

ในช่วงนี้ เป็นบุญวาสนาของหลวงปู่อ่อนมากทีเดียวที่ได้อยู่ใกล้กับครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่อ่อน ท่านมีกำลังจิตกำลังใจมาก ประกอบด้วยความอดทนเป็นยอดของท่าน จึงเป็นผลแห่งความเพียร ก้าวหน้าเข้มแข็งขึ้น ส่วนจิตใจของท่านนั้นเรียกได้ว่า แก่กล้าขึ้นโดยลำดับ 

ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ได้ไปจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ที่วัดป่าอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ในปีนี้ หลวงพ่อคำมี ผู้เป็นพี่ชายของหลวงปู่อ่อนบวชสังกัดมหานิกาย มาขออยู่ปฏิบัติธรรม ฝึกหัดภาวนากับท่านด้วย แต่ได้เกิดไข้ป่าอย่างแรง มรณภาพเมื่อเดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ 

ในปี พ.ศ.๒๔๖๙ ได้ธุดงค์ไปจำพรรษากับพระอาจาย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจาย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ที่เสนาสนะป่า ตำบลหัวตะพาน อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี

ปี พ.ศ.๒๔๗๐ จำพรรษาที่ป่าช้าบ้านหัวงัว ตำบลไผ่ช้าง อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี 
ปีถัดมา พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๗๒ ไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านสาวะถี ตำลบสวะถี อำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่น (สมัยนั้น) 

ถัดมาอีกปี พ.ศ.๒๔๗๓ ธุดงค์ไปจำพรรษาที่ วัดป่าบ้านพระคือ อำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่น 
ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ หลวงปู่อ่อนได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกธรรม บ้านเหล่างา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 

และในปี พ.ศ.๒๔๗๕ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ขณะดำรงตำแหน่งพระเทพเมธี เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา มีบัญชาเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ให้พระกรรมฐานที่มีอยู่ในจังหวัดขอนแก่นไปร่วมอบรมประชาชน ร่วมกับทางราชการที่จังหวัดนครราชสีมา มีพระกรรมฐานไปชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น พระอาจารย์สิงห์ พระอาจารย์มหาปิ่น พระอาจารย์อ่อน พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ณ ปีนี้เอง พ.ต.ต.หลวงชาญนิยมเขต ได้ยกที่ดิน ๘๐ ไร่ถวายพระกรรมฐาน ที่มาชุมนุมเพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรมอบรมศีลธรรม ตั้งชื่อให้สถานที่แห่งนี้ว่า วัดป่าสาลวัน ในครั้งนี้คณะพระกรรมฐานได้แยกย้ายกันออกอบรมศีลธรรมและสร้างวัดอื่นๆ อีกมากมาย 

ส่วนพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ ได้ไปสร้างวัดป่าบ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว ชื่อวัดสว่างอารมณ์ พระอาจารย์อ่อน ณาณสิริได้อยู่ปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดป่าสาลวัน เป็นเวลา ๑๒ ปีเท่ากับพระอาจาย์ฝั้น อาจาโร 

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๘ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ได้ออกจากวัดป่าสาลวันไป นมัสการพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดบ้านหนองผือ ได้สร้างวัดที่บ้าหนองโคก อำเภอพรรณานิคมให้เป็นคู่กับวัดป่าบ้านหนองผือ ทางที่จะไปนมัสการพระอาจารย์มั่น เพื่อให้ถูกกับอัธยาศัยของพระอาจารย์มั่น ด้วยว่าให้พระผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระสร้าง วัดขึ้นในรัศมีของวัดป่าบ้านหนองผือจะได้ฝึกหัดพระที่มาศึกษาภาวนา เป็นการแบ่งเบาภาระของท่าน เมื่อพระอาจารย์อ่อนได้สร้างวัดนี้แล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาหลายปีและได้เดินทางไปนมัสการพระอาจารย์มั่น เป็นประจำเพราะท่านอายุมาก 

ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต อาพาธหนัก ได้รับการนำไปรักษาที่ วัดสุทธาวาส สกลนคร และมรณภาพที่นี่ 

ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ เมื่อพิธีถวายเพลิงศพพระอาจารย์มั่น ผ่านไปแล้ว พระอาจารย์อ่อน ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี อยู่จำพรรษา ๑ พรรษา แล้วกลับมาช่วยพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม สร้างกุฏิและหล่องพระประธานที่ วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา ต่อมาพระอาจารย์สิงห์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระญาณวิศิษฏ์วิริยาจารย์ มาอีกหลายปีท่านมาณภาพ ทางคณะสงฆ์จึงได้ขอแต่งตั้งให้ อาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน แทนท่านเจ้าคุณอยู่ประมาณ ๑ ปีจึงลากออก เพราะเห็นว่าขัดต่อการออกรุกขมูลวิเวก 

ในปี พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านได้มาสร้างวัดป่าบ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนวงวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ตามคำบัญชาของท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ สิ้นเงินหลายล้านบาท 

ครั้นปี พ.ศ.๒๕๑๘ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เริ่มอาพาธด้วยโรคกระเพาะอาหาร ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดหลายครั้ง อาการพอทรงตัวอยู่ได้ ร่างกายทรุดโทรม แต่ท่านก็ยังปฏิบัติกิจด้วยความอุตสาหะ สงเคราะห์พุทธบริษัท ปฏิบัติธรรม ตลอดมิได้เว้น วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๔ อาการอาพาธทรุดหนัก จึงได้นำเข้า รักษาที่โรงพยายบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี (๒๔ พฤษภาคม) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ (๒๕ พฤษภาคม) โรงพยาบาลรามาธิบดี (๒๖ พฤษภาคม) อาการไม่ดีขึ้น 

• #กาลมรณภาพ
ท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๔ เวลากลางคืนวันพุธ ๐๔.๐๐ น. สิริรวมอายุได้ ๘๐ ปี เป็นสามเณร ๓ พรรษา เป็นพระภิกษุ ๕๘ พรรษา 

#อ้างอิง คัดลอกมาจากหนังสือ " อัตโนประวัติปฏิปทาและพระธรรมเทศนาหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ; โดยคณะศิษยานุศิษย์ จัดพิมพ์ถวายเป็นอนุสรณ์ในงานถวายเพลิงศพหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ณ วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ; พิมพ์แจกเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ 
#หมายเหตุ : ต้นฉบับบางส่วน พระนิโรธรังสี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย และ พระจันโทปมาจารย์ วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เป็นผู้เรียบเรียง


--------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวมFB pageพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco