ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เนย สมจิตโต วัดป่าโนนแสนคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เนย สมจิตโต ๏
วันนี้วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่เนย สมจิตฺโต วัดป่าโนนแสนคำ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร รำลึก ๑๒ ปี อาจาริยบูชาคุณ "พระอริยสงฆ์ผู้ตั้งจิตตรงไว้ดีแล้ว" หลวงปู่เนย สมจิตฺโต ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาจริงเอาจังปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษ์ ถือธุดงควัตร องค์ท่านเป็นศิษย์ หลวงปู่ดี ฉันโน และได้ไปศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่คำ สุมังคโล ,หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก ซึ่งครูบาอาจารย์ทั้ง ๓ ท่านนี้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
๏ อัตโนประวัติ “พระครูวิมลสีลาภรณ์” หรือ “หลวงปู่เนย สมจิตฺโต” มีนามเดิมว่า เนย มูลสธูป เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ณ บ้านกุดแห่ ตำบลกุดเชียงหมี อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี (จังหวัดยโสธร ในปัจจุบัน) โยมบิดาชื่อ นายเอี่ยม มูลสธูป โยมมารดาชื่อ นางสุรีย์ มูลสธูป มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๙ คน ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา
ช่วงชีวิตในวัยเด็ก เมื่ออายุ ๗ ปี ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนบ้านกุดแห่ อายุ ๘ ปี ป่วยเป็นโรคท้องเรื้อรัง ทำให้ขาดการเรียนอยู่ ๓ เดือน พออายุได้ ๑๑ ปี เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ แล้วออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาทำไร่ทำนาตามประเพณี ด้วยในสมัยนั้นการเรียนภาคบังคับอยู่ที่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เท่านั้น สำหรับการที่จะเรียนต่อให้สูงขึ้นนั้นต้องเดินทางไปเรียนต่อยังโรงเรียนต่างถิ่นต่างอำเภอ พออายุได้ ๑๖ ปี ก็กลับมาช่วยโยมบิดา-มารดาทำไร่ทำนาตามเดิม ด้วยความขยันหมั่นเพียรเต็มกำลังความสามารถ
๏ การบรรพชาและอุปสมบท
พออายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โยมบิดา-มารดา พร้อมทั้งเจ้าภาพผู้ที่จะถวายผ้าป่า นำท่านไปมอบถวายให้เป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์ดี ฉนฺโน ซึ่งเป็นศิษย์พระกรรมฐานรุ่นใหญ่ของ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระองค์สำคัญ
ท่านได้ฝึกขานนาคอยู่เป็นเวลา ๓ เดือนเต็ม จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ เขตวิสุงคามสีมาวัดป่าสุนทราราม (วัดบ้านกุดแห่) ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยมี พระครูภัทรคุณาธาร (บุญ โกสโล ป.ธ. ๔) วัดพรหมวิหาร ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสุนทรศลีขันธ์ (พระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระสมุห์อุ้ย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านได้เข้ารับฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์ดี ฉนฺโน เจ้าอาวาสวัดป่าสุนทราราม (วัดบ้านกุดแห่) ในขณะนั้น อยู่เป็นสม่ำเสมอและบ่อยๆ
๏ ลำดับการจำพรรษา
พรรษาที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๐) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม โดยมี ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร เป็นผู้ให้นิสัยรับโอวาทการปฏิบัติธรรม ในพรรษานั้นหลวงปู่เนย ได้ถือธุดงค์ห้ามภัตตาหารที่นำมาถวายภายหลังเป็นวัตร (ขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์) ตลอด ๓ เดือน
พรรษาที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๐๑) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม และถือธุดงค์ห้ามภัตตาหารที่นำมาถวายภายหลังเป็นวัตร (ขลุปัจฉาภัตติกังคธุดงค์) เหมือนเดิม
พรรษาที่ ๓(พ.ศ. ๒๕๐๒) ได้จำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม และคือธุดงค์เนสัชชิก คือไม่นอนตลอดเวลากลางคืน ธรรมดาธุดงค์ข้อนี้ต้องอดนอนตลอดทั้งวัน แต่ท่านอดนอนเฉพาะกลางคืน กลางวันพักบ้างตลอดพรรษา ด้วยสุขภาพท่านไม่แข็งแรง
พรรษาที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ได้กราบขออนุญาตท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ปภากโร เพื่อไปพำนักจำพรรษาที่ภูถ้ำพระ บ้านคำไหล ตำบลดงเย็น อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม (จังหวัดมุกดาหาร ในปัจจุบัน) พร้อมทั้งกราบเรียนท่านว่าจะท่องปาฏิโมกข์ให้จบ ครั้นพอออกพรรษาก็ท่องปาฏิโมกข์จบพอดี
พรรษาที่ ๕ - พรรษาที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๗) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ
พรรษาที่ ๙(พ.ศ. ๒๕๐๘) ได้จำพรรษาที่ภูถ้ำพระ ท่านได้ประกอบความเพียรด้วยความวิริยะอุตสาหะแรงกล้า ไม่จำวัดตลอดกลางวัน เพราะที่ภูถ้ำพระนั้น ถ้าพระหรือสามเณรรูปใดจำวัดในเวลากลางวันจะป่วยเป็นไข้ ส่วนตัวท่านไม่เป็นไข้เลยตลอดพรรษา
พรรษาที่ ๑๐(พ.ศ. ๒๕๐๙) ได้จำพรรษาที่ภูกระแต บ้านฮ้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม กลางพรรษาได้ป่วยเป็นโรคไอเจ็บหน้าอก ได้ไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบ หมอจัดให้ไปฉีดยาที่ตำบลอาจสามารถ แต่ท่านไปฉีดยาที่โรงพยาบาลทุกวันไม่ไหว เพราะวัดที่จำพรรษาห่างจากตัวเมือง ๘ กิโลเมตร ถ้าไม่ทันรถก็ต้องเดินไป
พอหายเป็นปกติแล้วก็ประกอบความเพียรอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนปรากฏว่าจิตได้รับความสงบนิ่งดิ่งเข้าสู่สมาธิ ได้รับความสงบเยือกเย็นในสมาธิภาวนาพอสมควร เมื่อออกพรรษาแล้วได้ไปพักที่วัดโนนนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และเดินทางไปพักบ้านหินฮาว ต่อจากนั้นก็ไปที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
พรรษาที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๑๐) ได้จำพรรษาที่วัดกลาง บ้านหนองสูง อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม (จังหวัดมุกดาหาร ในปัจจุบัน) ท่านพระอาจารย์กงแก้ว ขนฺติโก เป็นเจ้าอาวาส ท่านพระอาจารย์กงแก้ว เคยกล่าวว่า “เวลาจิตเป็นสมาธิ อยากให้ท่านทั้งหลายได้เห็นด้วย มันมีความสุขสงบที่สุดไม่มีอะไรเหมือน สุขใดในโลกไม่เท่าสุขของสมาธิ”
ในพรรษานี้ท่านตั้งใจประกอบความเพียรอย่างแรงกล้าจนเป็นลม ๒ ครั้ง เนื่องจากฉันอาหารน้อย บางวันถึงกับอดอาหารเพราะทำให้การประกอบความเพียรเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ต้องวิตกกังวลกับเหตุการณ์ภายนอก จิตมุ่งอยู่แต่ภายในร่างกาย ต่อสู้กับกิเลสขันธมารตลอดเวลาอย่างไม่ย่อท้อ ท่านได้ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะตายขอให้ตายไปเลย อย่าได้เดือดร้อนญาติโยมหรือโรงพยาบาลเลย ท่านปรารถนาจะไม่ให้ใครเดือดร้อนลำบากด้วยเรื่องของสังขารของท่าน แม้ในปัจจุบันท่านก็รักษาร่างกายด้วยตัวท่านเอง
หลวงปู่เคยพิจารณาที่จะปฏิบัติสมาธิแบบอุกฤฏ์ คือหวังจะสำเร็จมรรคผลนิพพานภายใน ๗ วัน ถ้าไม่สำเร็จก็จะยอมตายถวายชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ได้รับการขอร้องจากโยมบิดา-โยมมารดาให้เลิกคิดที่จะปฏิบัติเช่นนั้นเสีย ขอให้ปฏิบัติแบบค่อยเป็นค่อยไป จะได้อยู่อบรมญาติโยมนานๆ ได้นำเพื่อนร่วมโลกไปตามทางพระพุทธองค์ได้ทรงวางไว้ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ สมกับที่ว่ากว่าที่จะได้เกิดในภพภูมิความเป็นมนุษย์ได้นั้นแสนลำบากยากเข็ญ
พรรษาที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าสุนทราราม บ้านกุดแห่ ในพรรษานี้ได้เพิ่มธุดงค์ข้อเยี่ยมป่าช้ามิได้ขาด พอออกพรรษาได้เดินทางไปกราบ ท่านพระอาจารย์บัว สิริปุณฺโณ ณ วัดป่าหนองแซง (วัดราษฎรสงเคราะห์) ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวชอ จังหวัดอุดรธานี อยู่รับโอวาทจากท่าน ๑๐ คืน จากนั้นก็ออกเดินธุดงค์ต่อไปยังอำเภอบ้านผือ ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว
พรรษาที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๑๒) ได้รับการแนะนำจากท่านพระอาจารย์คำ บ้านเศรษฐี จังหวัดอุบลราชธานี ให้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดป่าโนนแสนคำ ตำบลทุ่งแก อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร (ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร ในปัจจุบัน) ในพรรษานี้มีพระ ๒ รูป สามเณร ๑ รูป คือ (๑) พระอาจารย์เนย สมจิตฺโต (๒) พระอาจารย์สมหมาย องค์เดียวกับที่จำพรรษากับหลวงปู่ชอบ ที่ดอยแม้ว และ (๓) สามเณรสม
หลวงปู่เนยได้จำพรรษาที่วัดป่าโนนแสนคำ นับแต่นั้นมาจนปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๐)
ทุกๆ ช่วงออกพรรษา หลวงปู่เดินทางออกไปธุดงค์ แต่มาระยะหลังสุขภาพท่านไม่แข็งแรง ท่านจึงเลือกที่จะปฏิบัติอยู่ที่วัดป่าโนนแสนคำ หลวงปู่เนยเป็นพระที่มีศิลาจาริยวัตรอันงดงาม เป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง สงบเสงี่ยมเรียบร้อยงดงามด้วยข้อวัตรปฏิบัติ
๏ หลวงปู่เนย ท่านเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันมาก
หลวงปู่ท่านสอนญาติโยมเสมอๆ ว่า ถ้าประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยจะไม่สงบร่มเย็นอย่างปัจจุบันนี้ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของราชวงศ์จักรี ท่านจะนำพระภิกษุสามเณรสวดมนต์ถวายพระพรเสมอๆ มิได้ขาด ท่านสอนว่า เมื่อนั่งสมาธิภาวนาเสร็จแล้วให้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ แล้วจึงแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ให้ถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาด
หลวงปู่เนย ได้ถือเอาโอวาทธรรมของหลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร เป็นหลักการปฏิบัติของท่านคือ เอาตายเข้าสู้ โดยจะอดนอน เร่งความเพียร เมื่ออาพาธก็จะใช้ธรรมโอสถ ท่านได้ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ถ้าจะตายขอให้ตายไปเลย อย่าได้เดือดร้อนญาติโยมหรือโรงพยาบาลเลย ท่านปรารถนาจะไม่ให้ใครเดือดร้อนลำบากด้วยเรื่องของสังขารของท่าน แม้ในปัจจุบันท่านก็รักษาร่างกายด้วยตัวท่านเอง
หลวงปู่เนย สมจิตฺโต ละสังขารลงด้วยโรคไตวาย ที่กุฏิท่านด้วยอาการสงบเมื่อเวลา ๑๖.๓๒ น. ของวันศุกร์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ สิริอายุ ๗๔ ปี ๗ เดือน ๑๗ วัน พรรษา ๕๔ ตามพินัยกรรม หลวงปู่เนย สมจิตฺโต ท่านสั่งห้ามไม่ให้มีการกระตุ้นหัวใจ หรือต่อเครื่องช่วยหายใจ เมื่อมรณภาพแล้ว ท่านห้ามไม่ให้ฉีดยาฟอร์มาลีน ห้ามไม่ให้เก็บสรีระไว้ที่หีบแช่เย็น และห้ามไม่ให้จุดธูปเทียนบูชา สำหรับการจัดงานประชุมเพลิง ท่านสั่งห้ามไม่ให้ขอพระราชทานเพลิง ให้ทำพิธีภายใน ๗ วัน หรืออย่างช้า ไม่เกิน ๕๐ วัน ให้จัดงานให้เรียบง่ายที่สุด
หลวงปู่เนย ท่านสอนว่า “..เรียนรู้เรื่องทางโลกมันไม่รู้จบรู้สิ้น เรียนอันนั้นเหลืออันนี้อยู่ตลอดไป คนทั้งหลายไม่สนใจจิตใจตนเอง สนใจแต่เรื่องที่ก่อให้เกิดความทุกข์วิปโยควังเวง เรียนทางโลกไม่เหมือนเรียนทางธรรม เรียนทางธรรมไปสิ้นสุดที่นิพพาน ใครไปถึงนิพพานก็จบ..”
“..ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป มาคนเดียว ไปคนเดียว ไม่ได้ถืออะไรมา ไปก็ไม่ได้เอาอะไรไป ปล่อย วางได้สบาย อยู่สบาย ไปสบาย ..”
โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่เนย สมจิตฺโต
#บรรณานุกรมอ้างอิง : คัดลอกมาจากหนังสือ
"สมจิตฺโตเจดีย์" เจดีย์อนุสรณ์ พระอาจารย์เนย สมจิตฺโต พระผู้นอบน้อมต่อธรรมของพระพุทธเจ้า ; พิมพ์เมื่อ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ; หน้า ๘๕ - ๙๕
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวมFBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น