ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล วัดป่ามณีรัตน์ บ.คุ้ม อ.โคกสำโรง จ.อุบลราชธานี
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล
วันที่ 21 กันยายน 2567 เป็นวันครบรอบการละสังขาร ปีที่ 68 ของหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล (ครูบาเฒ่าทองรัตน์) วัดป่ามณีรัตน์ บ้านคุ้ม อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี
“หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล” เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพธรรมสายท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ฝ่ายมหานิกาย ที่มีอาจาระงดงาม ไม่ติดที่ไม่ติดวัด สมณะสันโดษเป็นที่สุด ท่านพระอาจารย์มั่นได้กล่าวกับหลวงปู่ทองรัตน์ ครั้งหนึ่งว่า “จิตท่านเท่ากับจิตเราแล้ว จงไปเทศนาอบรมสั่งสอนได้” ด้วยเห็นว่าหลวงปู่เป็นพระแล้ว ปฏิบัติดีแล้ว เป็นพระแท้จริง ท่านพระอาจารย์มั่นจึงไม่ญัตติให้เป็นธรรมยุตดังลูกศิษย์รูปอื่นๆ หลวงปู่ทองรัตน์จึงเป็นพระภิกษุผู้ประสานติดต่อภิกษุสงฆ์มหานิกายให้เป็นพระป่า ยึดธรรมปฏิบัติตามพระบูรพาจารย์ใหญ่ท่านพระอาจารย์เสาร์ และท่านพระอาจารย์มั่น
หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล มีนามว่า ทองรัตน์ ต้นตระกูล เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2431 เป็นชาวบ้านชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ก่อนอพยพย้ายถิ่นไปสู่บ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
ในวัยเด็กท่านเป็นคนค่อนข้างจะหัวดื้อ ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มชอบไปทางนักเลงสุรา จากชีวิตคฤหัสถ์ที่สนุกสนานคึกคะนอง แต่ก็ช่วยครอบครัวทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง จนล่วงเลยวัยเบญจเพศชีวิตของท่านจึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
เมื่ออายุประมาณ 26 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม โดยมีเจ้าอาวาสวัดบ้านสามผงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า กันตสีโล
ท่านมีความสนใจและตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม ด้วยความมุ่งมั่นเอาใจใส่ แตกฉานในการสวดปาฏิโมกข์
ในพรรษาที่ 6 ของการบวช ท่านได้ยินเรื่องราวของพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน คือ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ในสายวิปัสสนากัมมัฏฐานที่ จ.สกลนคร ซึ่งในขณะนั้นพระบุพพาจารย์ใหญ่ได้พำนักอยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร และวัดป่าในละแวกเขต อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล จึงเข้านมัสการและถามปัญหาในข้อวัตรปฏิบัติ ปกิณกธรรมและวิสุทธิมรรค ก่อนฝากตัวเป็นศิษย์
ท่านฝึกการเจริญภาวนา โดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้แนะนำว่า "รู้ไม่รู้ ไม่สำคัญ ขอให้ทำจิตใจให้รู้จักจิตว่าสงบหรือไม่สงบ"
นอกจากนี้ ท่านได้ออกธุดงค์ไปตามหุบห้วยภูผาป่าช้าต่างๆ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระบูรพาจารย์ เช่น ให้ระวังสำรวม ให้อยู่ตามโคนต้นไม้ ฯลฯ
หลวงปู่ทองรัตน์เป็นผู้เคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้มักน้อย สันโดษ และปฏิบัติมาก พยายามพากเพียรภาวนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นพระที่ไม่ยึดติดในเสนาสนะ จำพรรษาแต่ละแห่งไม่นานมักจะย้ายวัด หรือออกธุดงค์ตามป่าเขาเป็นส่วนใหญ่ ในพรรษาต่อๆ มาท่านได้ธุดงค์ไปประเทศพม่ากับพระอาจารย์มี อีกทั้งยังธุดงค์ไปทั่วภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง
ในปีหนึ่งท่านธุดงค์ไปถึงบ้านคุ้ม ต.หนองไฮ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันบ้านคุ้มขึ้นอยู่กับ ต.โคกสว่าง อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบท
คืนแรกที่มาถึงท่านไปบำเพ็ญภาวนาและปักกลดที่กลางป่าท้ายหมู่บ้าน ซึ่งกลางป่าแห่งนี้มีเนินดินกว้างประมาณ 6 ไร่ เนินแห่งนี้รกทึบ หลวงปู่ทองรัตน์ไปอาศัยโคนไม้ในดงนี้เป็นที่บำเพ็ญภาวนา
ต่อมาตัดสินใจสร้างเป็นวัดในพื้นที่แห่งนี้ แต่ระยะแรกก็เพียงถางป่าให้โล่งพอได้อาศัย นานวันเข้าก็มีผู้เลื่อมใสมาเป็นศิษย์มากขึ้น
ส่วนการสอนพระภิกษุ-สามเณร หลวงปู่ทองรัตน์เน้นข้อวัตรปฏิบัติธรรมวินัย ให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ให้สำรวมระวัง รวมทั้งธุดงควัตร การปฏิบัติภาวนา การมีสติ เป็นคนมักน้อย สันโดษ
ก่อนหน้าที่หลวงปู่จะมรณภาพ ศิษย์รูปสำคัญของท่าน คือ พระอาจารย์บุญมาก ฐิตปัญโญ แห่งวัดภูมะโรง แขวงนครจำปาสัก ประเทศลาว ได้เดินทางจากประเทศลาวมานมัสการหลวงปู่ทองรัตน์ในช่วงกลางพรรษา
เหตุที่ได้เดินทางมาทันงานศพเนื่องจากเกิดนิมิตภูมะโรงสั่นสะเทือน 3 ครั้ง จึงคิดถึงอาจารย์ทองรัตน์มาก และคิดว่าน่าจะมีเหตุร้าย จึงเดินทางมารีบด่วน โดยไม่มีใครแจ้งข่าว
หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล ได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2499 สิริอายุ 68 ปี พรรษา 42
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น