ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่โสม ถิรจิตฺโต วัดถ้ำแสงเพชร อ.เมือง จ.อุดรธานี
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่โสม ถิรจิตโต
วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567 เป็นวันครบรอบ 8 ปี การละสังขาร หลวงปู่โสม ถิรจิตโต วัดถ้ำแสงเพชร อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ (สาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) พระอริยสงฆ์แห่งถ้ำแสงเพชร ผู้เป็นทายาทธรรมและเป็นศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง หลวงปู่โสมเป็นพระที่ยึดถือข้อวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มักน้อยสันโดษ มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ ยินดีตามมีตามได้ ปกติท่านจะไม่รับกิจนิมนต์ ไม่มีการรับเงินทองเก็บไว้เป็นของส่วนตัว จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของเหล่าพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก
หลวงปู่โสม ถิรจิตโต เกิดเมื่อปี 2469 ปีขาล เมื่ออายุ 21 ปี ได้อุปสมบทในบ้านเกิดแล้วเดินธุดงค์มาสร้างวัดถ้ำแสงเพชร เมื่อปี 2506 ร่วมกับหลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นวัดสาขาลำดับที่ 5 ในสังกัดวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่หลวงปู่ชา สุภัทโท ดูแลในยุคก่อนละสังขาร
หลวงปู่โสม ถิรจิตฺโต เล่าว่า ผมลาโยมผู้หญิง(ภรรยา)มาบวช ๓ เดือนแล้วก็ตั้งใจจะสึก เพราะเขาอนุญาตให้เท่านั้น พอบวชแล้ว ผมก็ทำสมาธิอย่างหนัก หมู่สงฆ์จะทำวัตรเช้าและเย็น ส่วนผมจะทำวัตรเช้า ๒ ครั้ง เย็น ๒ ครั้ง วันหนึ่งรวมเป็น ๔ ครั้ง ถ้าวันพระก็รวมเป็น ๕ ครั้ง แล้วก็ทำสมาธิด้วย จิตใจสบายไม่อยากสึก ทำมาอย่างนั้นจนใกล้ออกพรรษา
หลังจากนั่งสมาธิแล้วผมก็จำวัด คืนนั้นผมฝันเหมือนเป็นเรื่องจริง ผมเห็นพระใหญ่นุ่งผ้าสีกรักเดินมาบอกว่า ออกพรรษาแล้วท่านต้องตายแน่ ถ้าไม่ตายก็ต้องสึก ผมกำลังม่วน ยังไม่อยากสึก ผมไม่อยากตายต้องทำอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่า ถ้าไม่อยากตายไม่อยากสึกก็ต้องเข้าป่า ตอนเช้าผมตื่นก็เล่าความฝันให้พ่อลุงใหญ่ฟัง ท่านบอกว่าในฝันนั้น เป็นพระกรรมฐานอยู่ในถ้ำ...
เมื่อถึงเดือน ๓ ต่อเดือน ๔ เสร็จงานบุญพระเวสแล้ว ผมก็ลา พ่อ แม่ ลุง และหมู่ครูบาอาจารย์ที่อยู่ด้วยกัน ฉันเช้าแล้วก็ออกเดินทาง พระอาจารย์บัวรินทร์ กับสามเณรก็มาส่งขึ้นรถที่บ้านนาหว้าง ขณะที่นั่งรอรถผมก็นั่งคิดเพราะผมไม่รู้ จะไปที่ไหน เพราะผมไม่เคยออกจากบ้าน
ผมนั่งรถไปจังหวัดอุบลราชธานี แล้วไปต่อที่อำเภอวารินชำราบ จวนจะค่ำผมจึงถามโยมว่า วัดป่าแถวนี้มีไหม โยมตอบว่าให้ไปพักที่วัดหนองตาโผ่น ผมจึงไปขอพักกับพระครูที่วัดนั้น ท่านพระครูเล่าว่า หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ท่านปฏิบัติเคร่งครัดที่สุด หลังจากฉันเช้าเสร็จแล้ว ผมจึงเดินทางไปที่วัดหนองป่าพง
ผมเดินไปถึงกุฏิหลังหนึ่งแล้วยกมือไหว้พระรูปหนึ่ง พร้อมถามท่านว่า กุฏิของหลวงพ่อชา อยู่หลังไหนครับ พระรูปนั้นบอกให้ไปถามกุฏิหลังโน้น ผมจึงไปถามพระที่กุฏิหลังนั้นท่านว่า หลวงพ่อชาอยู่กุฏิที่ท่านเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้ ผมจึงเดินกลับไปที่กุฏิหลังแรก เมื่อยกมือไหว้หลวงพ่อชาแล้ว ท่านก็ถามว่ามีธุระอะไร ผมบอกว่าจะมาบวชเป็นพระกรรมฐาน ท่านจึงบอกพระให้พาผมไปหาที่พัก
ช่วงเย็นผมนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบท่าน แล้วนั่งสมาธิรวมจิต ขอฟังเทศน์หลวงพ่อชา ท่านก็เทศน์ไปเรื่อยๆ ฟังแล้วจับใจมาก ตรงกับสิ่งที่เราเห็นมาในใจกับตัวของเราเอง ท่านเทศน์ว่า วัดป่าจะเป็นวัดบ้าน ส่วนวัดบ้านก็จะกลายเป็นคฤหัสถ์ และคฤหัสถ์ก็จะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน
หลวงพ่อชา เทศน์ให้ฟังเมื่อผมเดินกลับมาจากเดินธุดงค์ แล้วมาอยู่ที่ถ้ำแสงเพชร ช่วงแรกท่านเน้น ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าศีลดี สมาธิก็จะดี ปัญญาก็จะดีไปด้วย เป็นหนทางป้องกันนรกและนำไปสู่สวรรค์ สู่พระนิพพาน สู่โลกุตระปัญญา เพราะต้นเหตุมันดี กลางเหตุมันดี ปลายเหตุมันก็ดี
ช่วงที่สอง สัตย์ไม่ดี สติสมาธิไม่ดี ปัญญาก็ไม่ดี เป็นโลกิยะปัญญา ใช้ในการหลอกลวง และสร้างความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นหนทางไปสู่นรก
อีกครั้งนึงผมเดินธุดงค์มาอยู่วัดถ้ำแสงเพชร ช่วงกลางคืนผมทำวัตรสวดมนต์ เสร็จแล้วก็นั่งสมาธินานพอสมควร จิตเยือกเย็นสงบดี แล้วก็ภาวนาในอริยาบถนอน จนกระทั่งหลับ แต่เหมือนไม่ได้หลับ ผมฝันว่าได้ไปเดินธุดงค์กับหลวงปู่ชา และหลวงพ่อจันทร์ ตอนแรกจำไม่ได้ จำได้แต่ตอนสุดท้าย วันหนึ่งเดินมาถึงป่าดงดิบ มีน้ำบ่ออยู่ที่นั่น คณะธุดงค์จึงพักค้างแรม หลวงพ่อจันทร์ปักกลดอยู่ห่างๆ หลวงพ่อชาปูผ้านิสีทนะลงบนพื้นด้านหลังแล้วเอนตัวลงนอน ท่านบอกให้ผมช่วยนวด ผมนวดให้ท่านอยู่นาน พอสมควรหลวงพ่อจึงบอกให้พอ ท่านลุกขึ้นนั่งสมาธิตัวตรง แล้วบอกให้ผมจับตาดู จากนั้นแสงสีทองก็ปกคลุมตัวหลวงพ่อชาแล้วองค์ท่านก็กลายเป็นพระพุทธรูป
วัดถ้ำแสงเพชร สาขา 5 ของวัดป่าหนองพง หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นผู้ก่อสร้างวัดถ้ำแสงเพชรวัดนี้ตั้งอยู่ที่ บ้านดงเจริญ ตำบลหนองมะแซว อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ 37000 อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอำนาจเจริญ ไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนอรุณประเสริฐ เส้นทางอำนาจเจริญ อ.เขมราฐ ประมาณ 10 กิโลเมตร
วัดถ้ำแสงเพชรนี้ตั้ง อยู่บนเชิงภูเขา เขาลูกนี้มีลักษณะลาดไปทางทิศตะวันออก จึงมีถ้ำเกิดขึ้นจากเพิงหินหลายแห่งในจำนวนนี้ได้มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ 2 แห่ง คือ ถ้ำพระใหญ่ (ถ้ำแสงเพชร) และถ้ำพระน้อย (ถ้ำโคนอน)
เดิมชาวบ้านเรียกภูเขานี่ว่า ภูถ้ำขาม หรือถ้ำพระใหญ่ อยู่ท่ามกลางป่าอันร่มรื่น มีต้นไม้นาๆชนิด ขึ้นเขียวชอุ่ม อุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เมื่อก่อนชาวบ้านแถวนี้อาศัยเข้าไปหาของป่าและล่าสัตว์เป็นประจำ
ประมาณปี พ.ศ. 2498 พ่อใหญ่เทพ บุญหาญ , พ่อใหญ่กุ กัลยารัตน์ , พ่อใหญ่จันทร์ การินทอง และพ่อใหญ่เป็ง บุญกัณฑ์ ชาวบ้านหนองมะแซว ตำบลปลาค้าว อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะนั้นได้ว่าจ้างช่างมาปั้นพระช่างชื่อ นายสิงห์ โพธาริน ชาวบ้านปลาค้าวมาปั้นรูป พระพุทธเจ้า และพระปัญจวัดคีย์ทั้งห้า ไว้ที่ปากถ้ำขามเพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านแถบนั้น ปีต่อๆมาเมื่อถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านจะมาพร้อมกันไปสงน้ำพระปัญจวัดคีย์ทั้งห้า มีขบวนแห่ดอกไม้ ตีฆ้อง ตีกลอง ไปพร้อมกัน อยู่แรมคืนตลอดมาทุกปี
วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณแถร) พร้อมด้วยมหาอมร เขมจิตโต(พระมงคลกิตติธาดาเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรมชาน์) และพระอาจารย์ โรเบิร์ต สุเมโธ (โรเบิร์ต แจดแมน) (พระราชสุเมธาจารย์) ได้เดินทางมายัง อำเภออำนาจเจริญ ซึ่งสมัยนั้นเป็นอำเภอหนึ่งของ จังหวัดอุบลราชธานี และพักที่สำนักสงฆ์บ้านบกเตี้ย 1 คืน ซึ่งมีพระอาจารย์โสม ถิรจิตโต พำนักอยู่ (หลังจากสร้างวัดถ้ำแสงเพชรแล้ว สำนักสงฆ์นี้ก็ร้างไป ปัจจุบันนี้เรียกว่า วัดบ้านดงเจริญ) หลวงพ่อชาและคณะได้
ครั้นรุ่งขึ้นเช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 หลวงพ่อชาและคณะพร้อมญาติโยมแถวนั้นอีก 2-3 คน เดินทางขึ้นภูถ้ำขาม เดินลัดเลาะไปตามป่า โดยอาศัยเส้นทางเดินป่าของชาวบ้านถิ่นนั้น ครั้นตกเย็น หลวงพ่อชา และคณะได้พักที่หน้าถ้ำพระใหญ่ โดยญาติโยมได้ทำนั่งร้านปูด้วยไม้กระดาน เป็นที่พักชั่วคราว และได้ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกคืนอยู่ที่หน้าถ้ำแห่งนี้เป็นประจำ
ล่วงมาเช้าคืนที่ 4 ซี่งตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 หลังจากทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และแผ่เมตตา เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ขณะที่กำลังนั่งพักผ่อนฉันน้ำปานะอยู่นั้น หลวงชา สุภัทโท ได้ปรารถกับ พระมหาอมร เขมจิตโตว่า สถานที่นั่งสมาธิบำเพ็ญธรรมแห่งนี้สงบเย็นสบาย ปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เหมือนกับว่าเป็นที่เราเคยอยู่มาก่อน ถ้าไม่เห็นแก่สังขารจะนั่งสมาธิตลอดทั้งคืนโดยไม่นอนก็ได้
หลวงพ่อได้ปรารภต่อไปว่า ถ้ำแห่งนี้เรียกว่า “ถ้ำแสงเพชร” พระมหาอมรจึงค้านว่า ชาวบ้านเขาเรียกว่า ถ้ำพระใหญ่ แต่หลวงพ่อชา ก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ ต้องเรียกว่า ถ้ำแสงเพชร ถึงจะถูก ตั้งแต่นั้นมาถ้ำพระใหญ่จึงกลายเป็น ถ้ำแสงเพชรตามที่หลวงพ่อชาได้ปรารภตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครกล้าถามถึงมูลเหตุแต่อย่างใด
พ.ศ. ๒๕๑๕ ความจริงได้มาเปิดเผยขึ้นมา โดยแม่พัด ซึ่งเป็นคนบ้านก่อ ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อหนองป่าพง เกิดอาการเหมือนเจ้าเข้าทรงพระมหาอมรจึงถือโอกาสสอบถามเกี่ยวกับ ความเร้นลับต่าง ๆ หลาย ๆ อย่าง
จนกระทั้งได้ถามถึงถ้ำแสงเพชรจากคำบอกเล่าจากแม่พัดที่เข้าทรง ได้ความว่าที่ ถ้ำแสงเพชร เดิมสมัยก่อน พระยาเพชรราช เป็นผู้ปกครองดั้งเดิม มีพระมเหสีอยู่ ๒ พระองค์ พระยาเพชรราชเป็นผู้มีสมบัติ เพชรนิลจินดามาก ไม่ยอมยกให้ใคร จากคำบอกเล่าของนางพัด พระมหาอมรจึงนึกขึ้นได้ว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้นั้นเอง หลวงพ่อชา สุภัทโท จึงได้ประวัติของถ้ำที่แท้จริง คือ ถ้ำแสงเพชร
หลวงพ่อชา ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ของผู้แสวงหาความหลุดพ้น จึงได้ปรับปรุงบริเวณหน้าถ้ำแสงเพชรโดยมีญาติโยมที่เป็นชาวบ้านไกล้เคียงมาช่วยเหลือ จึงได้ปรับปรุงพื้นที่ได้ชั่วคราวจากพื้นที่อยู่บนภูเขาสูง ไป-มา ลำบาก หลวงพ่อชาจึงย้ายลงมาอยู่ที่ราบเชิงเขาทางทิศใต้ ได้มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้ปลูกสร้างศาลามุงด้วยหญ้าคาไว้สำหรับ พระได้อาศัยบำเพ็ญธรรมชั่วคราว เส้นทางจราจรไป-มา ในขณะนั้นเป็นเพียงทางเชื่อมต่อถนนใหญ่ด้านหน้าเป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร
หลวงพ่อชา สุภัทโท คิดจะปรับปรุงถ้ำแสงเพชรให้เป็นวัด เป็นสาขาที่ ๕ ของวัดหนองป่าพง จึงนำลูกศิษย์จากวัดหนองป่าพง เริ่มแผ้วถางป่า ทำทางผ่านป่าละเมาะมุ่งสู้ถ้ำแสงเพชร โดยจัดให้พวกหนึ่งอยู่ที่ถ้ำแสงเพชรและตีระฆังเป็นระยะ พวกหนึ่งแผ้วถางทางไปตามเสียงระฆังเมื่อได้แนวของเส้นทางแล้ว จึงกำหนดให้ถางออกกว้างโดยอาศัยปักไม้ไผ่ไส้เป็นระยะ ระฆังเป็นสามหลักเป็นเส้นทางตรงเดียวกัน ก่อนจะถอนแต่ละหลักไปปักข้างหน้าเรื่อยๆไปจนทะลุถึงถ้ำแสงเพชร เครื่องมือ มีด จอบ เสียม ตามชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาหามาได้ ด้วยร่วมมือกันของชาวบ้านด้วยความเสียสละ โดยหวังเพียงบุญกุศลได้ทางเข้าพอรถแล่นได้บ้าง แต่ยังไม่สะดวกนัก
ด้วยเป็นพระที่มักน้อยสันโดษ หลวงปู่โสมจึงจำพรรษาและปฎิบัติธรรมอยู่แต่ภายในถ้ำ ด้วยข้อวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดจึงมีผู้มาถวายตัวเป็นลูกศิษย์คอยดูแลหลวงปู่จำนวนมาก แต่ก่อนละสังขารด้วยโรคชราในวัยล่วงเข้าสู่ 91 ปี หลวงปู่ได้ปฎิบัติธรรมจนนาทีสุดท้าย
เมื่อหลวงพ่อโสภณ โอภาโส วัดบึงลัฏฐิวัน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เดินไปถึงและได้นั่งสนทนาธรรมกับหลวงปู่โสม ถิรจิตโต ตอนตีหนึ่งจนถึงตีสองเกือบครึ่ง หลวงปู่โสม ถิรจิตโตก็ละสังขารด้วยอาการสงบ ณ วัดถ้ำแสงเพชร อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เสมือนหนึ่งว่าพระอริยเจ้าทั้งสองรูปกำลังรอน้อมส่งกันเป็นครั้งสุดท้าย
หลวงปู่โสม ถิรจิตโต วัดถ้ำแสงเพชร อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ (สาขาที่ 5 ของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี) ละสังขารตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 8 กันยายน 2559 เวลา 02.29 นาที สิริอายุ 90 ปี พรรษา 59
#ข้อธรรมองค์หลวงปู่ชา_สุภัทโท
ข้อธรรมคำสั่งสอนองค์หลวงปู่ชา ที่ท่านเทศน์อบรมเฉพาะพระ เป็นคำสอนที่ละเอียด ผมซึ้งในใจผม ข้อธรรมนั้นก็คือ "กำขี้ดีกว่ากำตด" ถ้าขี้มันเป็นธรรมของฆราวาส ผู้ที่อยู่ดีกินดี สนุกในกามตามใจชอบ สร้างครอบครัว ทำตามความปรารถนาทุกอย่าง ส่วนตดมันก็คิอลมที่ออกมาจากในท้องคนธรรมดา ถ้าตดมันหมายถึงนักบวชที่รักษาศีลไม่สมบูรณ์ รักษาศีลไม่ได้ มันก็ทำให้เสียเวลาทั้งชีวิต
Cr. หนังสือ ประวัติและพระธรรมเทศนาหลวงปู่โสม ถิรจิตฺโตวัดถ้ำแสงเพชร ; พิมพ์เมื่อ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น