ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงพ่อจันดี กนฺตสาโร วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.ชลบุรี (สาขาวัดหนองป่าพง ที่ 42)


ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อจันดี กันตสาโร 
     วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นวันเจริญอายุวัฒนมงคล ครบรอบ 71 ปี หลวงพ่อจันดี กันตสาโร วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.ชลบุรี (สาขาวัดหนองป่าพง ที่ 42) กิ่งก้านธรรมในพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) หลวงพ่อจันดี กันตสาโร เดิมชื่อ จันดี นามสกุลเดิม คำแก่นกลาง ฉายา กันตสาโร เกิดวันที่ 31 สิงหาคม 2496 ที่บ้านหนองสองห้อง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

-:- ชีวิตในวัยเด็ก -:-

ตอนเป็นเด็กมีอุปนิสัยมาทางธรรมอยู่แล้ว เพราะว่าตอนเข้าเรียนหนังสือใหม่ๆ พ่อแม่ก็พาไปฝากไว้ที่ในวัด เรียนหนังสือก็เรียนอยู่ในศาลาวัด เพราะว่าสมัยโน้นไม่มีโรงเรียน บ้านเกิดอยู่ในชนบทโรงเรียนอยู่ไกล ก็เลยใช้ศาลาวัด แล้วอาศัยพระมาสอนบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ครูที่สอนก็ครูจบชั้นประถมปีที่ ๔ เป็นครูใหญ่ ก็มาสอน แต่ความดีของคนสมัยก่อนมีอยู่อย่างหนึ่งคือ ท่านจะเน้นการสอนในหลักศีลธรรม อาจจะเป็นเพราะว่า มีการเกี่ยวพันกับวัดอยู่ตลอด ไม่มีสิ่งยั่วยุหรือยั่วยวนเหมือนสมัยปัจจุบันนี้ เมื่อไม่มีสิ่งยั่วยุเหล่านี้ มันอยู่เกี่ยวข้องกับวัดวาอาราม ก็เลยมีความถนัดทางด้านโน้น อยู่ที่วัดไปช่วยพระกรองน้ำ ตักน้ำใส่ตุ่มใส่โอ่ง ทำความสะอาดศาลาเก็บกวาด สมัยก่อนวันพระจะหยุดเรียนหนังสือ เพราะโรงเรียนจะต้องใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศล ก็จะต้องไปเก็บผนังที่กั้นๆ เป็นห้องๆ ไว้ เก็บออกก่อน เพราะตอนเช้า โยมมาบำเพ็ญกุศล ก็จะมีสวดมนต์ตอนเช้า และวันเสาร์ก็จะมีการสวดมนต์ นักเรียนทุกคนจะต้องสวดมนต์ไปถึงเที่ยง เที่ยงวันถึงเลิก เป็นกิจกรรมที่ทำมาโดยตลอด

-:- ฟังโยมพ่อถ่ายทอดเทศนาธรรมของหลวงพ่อชา สุภัทโท -:-

จบจากชั้นประถมปีที่ ๔ ก็ออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งช่วงปีนั้น หลวงพ่อชา สุภัทโท ก็มาอยู่วัดหนองป่าพงแล้ว กิตติศัพท์ของท่านก็พึ่งจะรู้ไปตามบริเวณแถวๆ รอบวัดหนองป่าพงนั้นว่าท่านเก่ง จึงเป็นเหตุให้โยมพ่อของพระอาจารย์พ่อจันดีมีความสนใจ ก็เลยชวนเพื่อนมาที่วัดหนองป่าพง เวลาทานข้าวร่วมกันตอนเย็น โยมพ่อก็จะเล่าเรื่องที่ไปวัดหนองป่าพง ว่าหลวงพ่อชาท่านเทศน์อย่างโน้นอย่างนี้ มาเล่าให้ฟังแทบทุกครั้ง พระอาจารย์จันดีก็มีโอกาสได้ฟังหลายปี อาจจะเป็นเหตุอันหนึ่งที่ทำให้จิตใจฝักใฝ่สนใจในทางนี้ แล้วก็เวลาโยมพ่อไปแต่ละครั้งต้องคอยฟัง เวลาตอนเย็นมาก็มาเล่าให้ฟังทุกครั้ง ก็เกิดความสนใจ อยากไปวัดหนองป่าพงมาก แต่ยังไม่มีโอกาส เพราะว่าวัดหนองป่าพงกับบ้าน ถ้าสมัยก่อนถือว่าไกลมาก
วันหนึ่งพระอาจารย์จันดีก็เลยชวนเพื่อนไปดูวัดหนองป่าพง จึงขอโยมพ่อหยุดทำงานวันหนึ่ง แล้วก็ไปทำบุญช่วงวันพระ แล้วก็ไปชมวัดในวันนั้น ก็เป็นวันเริ่มต้นที่ให้ได้สัมผัสกับวัดหนองป่าพงเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ไปอีกหลายปี แต่ได้รับธรรมะโดยการถ่ายทอดจากโยมพ่อ ซึ่งไปวัดทุกวันพระ โยมพ่อมีอุปนิสัยมาทางธรรมด้วย เพราะว่าโยมพ่อตอนเป็นหนุ่ม หรือตอนมีครอบครัว แม้ว่าจะอยู่กับเพื่อน โยมพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย เพื่อนฝูงก็เยอะ เวลาเพื่อนมาก็มีการเลี้ยงเหล้ากัน เป็นปกติคนทั่วไป แต่ว่าเหล้าสมัยโน้นเป็นเหล้าทำกันเอง เค้าเรียกว่าสาโท แต่โยมพ่อมีอุปนิสัยอย่างหนึ่ง คือถ้ากินกับเพื่อน ถ้ามันเมาแล้วจะมานอนที่บ้าน ไม่ไปเที่ยวไม่ไปอะไร พอเข้ามาหาหลวงพ่อชานี่แปลกมาก โยมพ่อเลิกหมดทุกอย่างเลย เลิกไม่เอาทุกอย่าง แล้วก็เอาธรรมที่หลวงพ่อชาท่านเทศน์เข้าไปสอนลูก เวลามีปัญหาหรือเวลาจะอบรมลูกนี้ กินข้าวเรียบร้อยแล้วก็บอกว่า วันนี้อย่าไปไหนนะ นั่งฟังเทศน์อยู่ที่บ้าน แล้วโยมพ่อก็เทศน์ให้ฟัง
-:- ศรัทธาเต็มหัวใจ -:-

ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ หลวงพ่อเจ้าคุณพระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตโต) ได้ไปขอหลวงพ่อชาว่าจะขอเขียนประวัติหลวงปู่ชา ท่านก็ทำสำเร็จ สมัยโน้นใช้เครื่องพิมพ์ดีด เรียกว่าไม่ได้ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ พิมพ์เป็นครั้งแรกประวัติชื่อว่า “สุภัททานุสรณ์” เมื่อหนังสือเล่มนั้นออกมาคนฮือฮากันใหญ่ ประวัติหลวงพ่อชาออกมาเป็นครั้งแรก และโยมพ่อก็ได้หนังสือเล่มนั้นกลับไปบ้านด้วย
ในวันพระช่วงเย็นของวันนั้น ได้เรียกเพื่อนบ้านมาอ่านสู่กันฟัง อ่านจนเที่ยงคืน พระอาจารย์จันดีซึ่งเป็นเด็กหนุ่มก็นั่งฟังอยู่ด้วย ที่น่าแปลกคือไม่ง่วงเลย ฟังอ่านกันสนุกสนานตื่นเต้นกันมาก ฟังกันเพลิน จนถึงเที่ยงคืน เป็นเหตุให้พระอาจารย์จันดีมีความสนใจในด้านนี้มาก เวลาอ่านเสร็จก็เก็บหนังสือไว้ และอ่านเป็นประจำ เวลาไปทำงาน ไปต่างอำเภอ ต่างจังหวัดก็จะเอาหนังสือเล่มนี้ไปด้วย เพราะสมัยโน้นหนังสือหายาก เอาไว้เป็นกำลังใจ เพราะเวลาไกลบ้าน คนอีสานแต่ก่อนถ้าไกลบ้านไปไม่ค่อยจะอยู่ได้นาน เพราะว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ก็เลยเอาหนังสือเล่มนี้ไปด้วย เวลามันเหงา คิดถึงบ้าน ก็จะเอาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพื่อให้เกิดกำลังใจก็จะใช้วิธีนี้ตลอด

-:- อุปสมบท -:-

ท่านได้เข้าอุปสมบท เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2518 โดยมีพระโพธิญาณเถระ ( หลวงพ่อชา สุภัทโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
วันหนึ่งหลวงพ่อชาเทศน์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติ ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์บางองค์ บางท่านไม่มีปัญญาพอ พอให้อะไรไปก็ลูบไปคลำอยู่นั่นแหละ ไม่ได้กินหรอก” ท่านก็เลยอุปมาเหมือนกับว่า “เหมือนยื่นแตงโมลูกสวยๆให้ลูกหนึ่ง คนไม่ฉลาดก็เอาไปลูบไปคลำอยู่เฉยๆแล้วบอกว่าแตงโมสวยหนอ สวยหนอ อยู่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้กินแตงโมหรอก ไม่ได้ผ่าเข้าไปข้างในว่ามันสุกหรือมันดิบก็ไม่รู้ก็ได้แต่ ลูบแต่คลำอยู่นั่นแหละ สุดท้ายแตงโมก็เน่าไปเปล่าๆ ตนเองก็ไม่ได้กินอะไร” พระอาจารย์จันดีเข้าใจทันทีว่าโอ…นี่เป็นความจริง แต่ก่อนท่านให้บริกรรมว่า พุทโธ พุทโธ เราก็บริกรรมนะจนมันติดปากมันเป็นสัญญา จนไปฝัน แต่มันก็ไม่ก้าวหน้า นั่นคือได้แต่ลูบคลำ จนมาเปลี่ยนวิธีที่ว่านี้ มาใช้หลักวิจัยธรรม ก็คือว่า พุทโธ แปลว่าอะไร คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็เกิดความเข้าใจ และเกิดความมั่นใจ เมื่อหลวงพ่อชาเทศน์เรื่องนี้ให้ฟัง หลังจากนั้นการภาวนาของพระอาจารย์จันดีก็ใช้วิธีนี้ จะเดินจงกรม นั่งสมาธิ แต่ถ้าจะพักก็ใช้บริกรรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ ธรรมดาไป เป็นการพักจิตไม่ต้องใช้จิตทำงานไปมากก็ได้ แต่ถ้าใช้มาก นิวรณ์เข้ามา ใช้ไม่ได้ ต้องใช้วิธีเดิน นั่นคือ เดินเข้าวิจัยธรรม และเวลาจงกรมก็ใช้วิธีนี้บางครั้งก็ยกเอาสังขารขึ้นมาพิจารณา ถึงความสิ้น ความเสื่อม นั่นก็คือ หลักของอนิจจัง ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสังขาร ความเป็นทุกข์ของสังขาร

-:- วัดป่าอัมพวัน -:-

วัดป่าอัมพวัน ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๑๒ บ้านห้วยดินดำ ต.หนองรี อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เป็นสาขาของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ลำดับที่ ๔๒ ซึ่งเป็นวัดป่าฝ่ายอรัญวาสี เป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ อันสงบสงัด เหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนา โดยมีข้อวัตร ปฏิบัติตามแบบพระธุดงคกรรมฐาน อันเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสที่ครูบาอาจารย์ นำโดยพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ได้พาดำเนินมา
เมื่อประมาณต้นปี พุทธศักราช ๒๕๓๑ ท่านพระอาจารย์มหาตอง ธมฺมวุฒโฒได้มาธุดงค์ปักกลดที่บริเวณสวนมะม่วง หุบเขาช่องมะเฟือง ต.หนองนี อ.เมือง จ.ชลบุรี เห็นว่าสถานที่นี้ร่มรื่น สงบวิเวก ภูมิประเทศสัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ท่านจึงปรึกษาท่านพระอาจารย์มหาบุญเลิศ ฐานทินโน ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ที่วัดปาลิไลยวัน (เขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ท่านอาจารย์ทั้งสองได้ชวนญาติโยมไปดูพื้นที่ ปรากฎว่ามีหลายแปลง หลายเจ้าของ ส่วนมากจะปฏิเสธไม่ยอมขาย มีนายบุญส่งเจ้าเดียวเท่านั้นที่ยอมขายให้ โดยมีสัญญาว่าต้องสร้างวัด คุณโยมนิวัติ รังสิกวานิชจึงได้ตกลงซื้อ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากขาดประธานสงฆ์
คณะศรัทธาญาติโยม โดยมีอุบาสิกาสุดจิตต์ บุณยโสภณ และอุบาสิกาไพลิน รังสิกวานิช ได้มีหนังสือไปกราบเรียนท่านพระอาจารย์จันดี กนฺตสาโร ซึ่งเป็นสัทธิงวิหาริกของพระเดชพระคุณ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ซึ่งหมายถึงหลวงพ่อชาเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้เป็นรุ่นแรก อีกทั้งเป็นที่เคารพรักศรัทธาของบรรดาญาติโยมชาวชลบุรี ให้ช่วยไปพิจารณาพื้นที่ดังกล่าว หลังจากกลับมาเมืองไทย ซึ่งขณะนั้นท่านพระอาจารย์จันดีได้ไปช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา พำนักอยู่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียเป็นปีที่สอง
ในวันที่ ๔ พ.ค. ๒๕๓๑ คณะศรัทธาญาติโยม ได้กราบอาราธนานิมนต์ท่านพระอาจารย์จันดี ไปพิจารณาพื้นที่แปลงที่ซื้อไว้ การเดินทางไปดูที่ในวันนั้น ลำบากมาก ระยะทาง ๗ กม. จากถนนสายชลบุรี-บ้านบึง เดินทางโดยรถเช่าสองแถว ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง สภาพทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ นั่งรถเหมือนกับนั่งเกวียน แต่ไปถึงที่หมายโดยปลอดภัย ได้ไปพิจารณาพื้นนที่คุณโยมนิวัติ รังสิกวานิชซื้อไว้ ปรากฎว่าเป็นสวนมะพร้าวล้วนๆ ความร่มรื่นไม่ดีเท่าที่ควร ญาติโยมได้กราบเรียนถามความเห็นท่านพระอาจารย์ว่า พอจะสร้างเป็นสำนักปฎิบัติธรรมได้หรือไม่ ท่านพระอาจารย์ยังไม่แสดงความเห็นอย่างไร ท่านพระอาจารย์มหาบุญเลิศ ได้ปรารภว่าถ้าไม่ชอบแปลงนี้ ขอนิมนต์ไปดูอีกแปลง เจ้าของชื่อนายสนั่น ธรรมพัฒน์ สภาพป่ามีความร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นมะม่วง มะพร้าว ขนุน ฯลฯ โดยเฉพาะต้นมะม่วงใหญ่อายุร่วมร้อยปีมีเป็นจำนวนมาก
ระยะเริ่มแรก ท่านพระอาจารย์มหาบุญเลิศ เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะ โดยได้รับการสนับสนุนจากห้างหุ้นส่วนจำกัดวัฒนากรการค้า จ.ชลบุรี ซึ่งมีคุณโยมนิวัติ รังสิกวานิช เป็นผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้น การก่อสร้างทำกันอย่างเร่งรีบเพื่อให้แล้วเสร็จทันวันวิสาขบูชา ปี ๒๕๓๑ ซึ่งกำหนดเป็นวันถวายเสนาสนะ ปรากฎว่า ศาลาพักชั่วคราวพร้อมกุฎิ ๑ หลัง เสร็จเรียบร้อย ก่อนวันวิสาขบูชาเพียง ๙ วัน
วันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นวันมหามงคล วันกำเนิดวัดป่าอัมพวัน เพราะวันนั้นศรัทธาสาธุชนได้พร้อมใจกันมาร่วมบำเพ็ญบุญกุศลจำนวนมาก ได้พากันกล่าวคำถวายที่ดินและเสนาสนะแด่พระสงฆ์เพื่อเป็นสำนักปฎิบัติธรรมสืบไป
หลังเสร็จสิ้นพิธีถวายเสนาสนะ ระยะใกล้เข้าพรรษา ท่านพระอาจารย์มหาบุญเลิศ ได้ประชุมสงฆ์ เพื่อมอบหมายให้ท่านพระอาจารย์จันดี กันตสาโร ปฏิบัติหน้าที่สืบไป
ปัจจุบัน พระอาจารย์จันดีเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอัมพวัน บ.ห้อยดินดำ ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี สาขาที่ 42 ของวัดหนองป่าพง


ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco