กฐิน ความสำคัญ ความหมาย

การทอดกฐิน
  กฐินมี 4 ประเภท...
เป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง
นิยมทำกันตั้งแต่วันแรมค่ำเดือนสิบเอ็ด 
ไปจนถึงกลางเดือนสิบสอง

คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง สะดวกแก่การเย็บ 
ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อน แล้วจึงเย็บ เพราะช่างยังไม่มีความชำนาญเหมื่อนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บ
ก็ยังไม่เพียงพอ เหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน 
การทำจีวรในสมัยโบราณ จะเป็นผ้ากฐินหรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำเอง 
ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว 

เช่นตำนานกล่าวไว้ว่า...การเย็บจีวรนั้น 
พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า..
พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ 
แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วย 
ภิกษุสามเณรอื่น ๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่มเป็นต้น 
มาถวายพระภิกษุสงฆ์ 
มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน 
โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดา 
ก็เป็นการต้องช่วยกันทำ หลายผู้ หลายองค์ 
(ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีจีวรสำเร็จรูปแล้ว)

ผ้ากฐิน โดยความหมายก็คือ...
ผ้าสำเร็จรูปโดยอาศัยไม้สะดึง 
นิยมเรียกกันจนปัจจุบันนี้

การทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างต่ำห้ารูป 
แล้วให้พระสงฆ์รูปใด รูปหนึ่ง 
ที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ทั้งนั้นเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้รับกฐินนั้น

เขตกำหนดทอดกฐิน
การทอดกฐินเป็น..." กาลทาน "
ตามพระวินัยกำหนดกาลไว้ คือ 
ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐิน 
ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ 
จะทอดก่อนหรือทอดหลังกำหนดนี้ 
ก็ไม่เป็นการทอดกฐิน

แต่มีข้อยกเว้นพิเศษว่า 
ถ้าทายกผู้จะทอดกฐินนั้น มีกิจจำเป็น 
เช่นจะต้องไปในทัพ 
ไม่สามารถจะอยู่ทอดกฐินตามกำหนดนั้นได้ 
จะทอดกฐินก่อนกำหนดดังกล่าวแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธะ ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับไว้ก่อนได้

การที่มีประเพณีทอดกฐินมีเรื่องว่า 
ในครั้งพุทธกาล พระภิกษุชาวปาไถยรัฐ (ปาวา) ผู้ทรงธุดงค์ จำนวน ๓๐ รูป เดินทางไกลไปไม่ทันเข้าพรรษา เหลือทางอีกหกโยชน์จะถึงนครสาวัตถี 
จึงตกลงพักจำพรรษาที่เมืองสาเกตตลอดไตรมาส เมื่อออกพรรษาจึงเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดา 
ณ เชตวันมหาวิหารนครสาวัตถี 
ภิกษุเหล่านั้นมีจีวรเก่า เปื้อนโคลน 
และเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน 
ได้รับความลำบากตรากตรำมาก 
พระพุทธเจ้าจึงทรงถือเป็นมูลเหตุ ทรงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุที่จำพรรษาครบสามเดือนกรานกฐินได้ 
และให้ได้รับอานิสงส์ ห้าประการคือ
  ๑) เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา
  ๒) ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบ
  ๓) ฉันคณะโภชน์ได้
  ๔) ทรงอติเรกจีวรได้ตามปรารถนา
  ๕) จีวรอันเกิดขึ้นนั้นจะได้แก่พวกเธอ 

และได้ขยายเขตอานิสงส์ห้าอีกสี่เดือน 
นับแต่กรานกฐินแล้ว จนถึงวันกฐินเดาะเรียกว่า... มาติกาแปด คือการกำหนดวันสิ้นสุดที่จะได้จีวร คือ กำหนดด้วยหลีกไป กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ กำหนดด้วยตกลงใจ กำหนดด้วยผ้าเสียหาย กำหนดด้วยได้ยินข่าว กำหนดด้วยสิ้นหวัง 
กำหนดด้วยล่วงเขต กำหนดด้วยเดาะพร้อมกัน

ฉะนั้น เมื่อครบวันกำหนดกฐินเดาะแล้ว 
ภิกษุก็หมดสิทธิ์ต้องรักษาวินัยต่อไป 
พระสงฆ์จึงรับผ้ากฐินหลังออกพรรษาไปแล้ว 
หนึ่งเดือนได้ จึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ
สืบต่อกันมาจนทุกวันนี้

การทอดกฐินในปัจจุบัน ถือว่าเป็นทานพิเศษ กำหนดเวลาปีหนึ่งทอดถวายได้เพียงครั้งเดียว 
ตามอรรถกถาฎีกาต่าง ๆ 
พอกำหนดได้ว่าชนิดของกฐินมีสองลักษณะ คือ

   จุลกฐิน คือ การทำจีวร 
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบท ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เสร็จภายในกำหนดหนึ่งวัน 
ทำฝ้าย ปั่น กรอ ตัด เย็บ ย้อม 
ทำให้เป็นขันธ์ได้ขนาดตามพระวินัย 
แล้วทอดถวายให้เสร็จในวันนั้น
หมายความว่า...งานที่ต้องทำอย่างชุลมุนวุ่นวาย
เพื่อให้เสร็จทันเวลาอันจำกัด

   มหากฐิน คือ อาศัยปัจจัยไทยทานบริวารเครื่องกฐินจำนวนมาก ไม่รีบด่วน 
เพื่อจะได้มีส่วนหนึ่งเป็นทุนบำรุงวัด 
คือทำนวกรรมบ้าง ซ่อมแซมบูรณของเก่าบ้าง 
หรือ ชื่อพระชฎาเครื่องต้น เรียกว่า...
พระชฎามหากฐิน ชื่อพระแสงหอกที่เชิญลงในขบวน
พยุหยาตราทางชลมารค เรียกว่า...
พระแสงหอกมหากฐิน 
ชฎามหากฐิน คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างหนึ่ง
ลักษณะเป็นจอมรวบขึ้น ไปตั้งแต่มาลัยรักร้อย
ปลายยาวเรียวปัดไปทางด้านหลังเลิกน้อย
ปักพระยี่ก่าข้างซ้าย เรียกว่า พระชฎามหากฐิน

กฐินสามัคคี คือ กฐินที่ผู้คนจำนวนมาก
ทั้งที่ใกล้ที่ไกล ได้ร่วมจิตร่วมใจกัน จัดทำขึ้น 
ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
สมัครสมานสามัคคีกันทำ เพื่อทอดถวายวัดนั้นๆ
ด้วยการเป็นเจ้าภาพร่วมกันทั้งหมด
มากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลังศรัทธา ของแต่ละคน
เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้เจริญสืบไป.

กฐินมีทั้งหมด 4 ประเภท

1, กฐินหลวง หมายถึง กฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพระกฐินด้วยพระองค์เอง
เป็นประจำ ณ วัดสำคัญต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค จำนวน 16 วัด

2, กฐินต้น หมายถึง กฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน
วัดที่ไม่ได้เป็นวัดหลวง 
และไม่ได้เสด็จไปอย่างเป็นทางการ 
หรืออย่างเป็นพระราชพิธี 
แต่เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์เอง

3, กฐินพระราชทาน เป็นของหลวง 
ในส่วนราชการองค์กร หรือบุคคลที่ขอรับพระราชทานอัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ ปัจจุบันมีจำนวน 265 พระอาราม

4, กฐินทั่วไป หรือ " กฐินราษฎร์ " 
เป็นกฐินที่ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีกำลังศรัทธา นำผ้ากฐินของตนเอง
ไปทอดถวาย ยังวัดต่างๆ.

------

🔹4 ธงกฐิน 4 ปริศนาธรรม 🔹

อย่าโลภเหมือนจรเข้
อย่าโกรธเหมือนตะขาบ
อย่าหลงเหมือนนางมัจฉา
จงมีสติคุ้มตนเหมือนเต่า

คำเปรียบเปรยที่เป็นปริศนาธรรมในธงกฐินทั้ง 4 ที่อยู่คู่กับเทศกาลกฐินมาช้านาน เคยสังเกตกันหรือเปล่าว่า ในงานกฐินแต่ละครั้งจะมีการตั้งธงที่เป็นรูปสิงห์สาราสัตว์ต่าง ๆ แขวนไว้ตามจุดรวมของบริจาคที่เรียกกันว่า "กองกฐิน" แม้ปัจจุบันอาจจะสูยหายไปบ้างแล้ว แต่ที่เรายังเห็นกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะธงจระเข้และธงนางมัจฉา จนถึงขั้นนำไปใส่กรอบบูชา เป็นของศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว 

แล้วธงพวกนั้นคืออะไร ปักทำไม? 
คนสมัยก่อนเค้าสอนอะไร? 

ธงจระเข้ แทนสัญลักษณ์ของความ "โลภ" เพราะพี่เข้ของเราเนี่ยปากกว้างปากใหญ่ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม เค้าจะใช้ในขบวนแห่ผ้ากฐิน นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่ว่า ทำบุญแล้ว ต้องสละความโลภด้วย 

ตามตำนานว่ามีเศรษฐีคนหนึ่ง ขี้เหนียวไปเกิดเป็นจรเข้ พอเจอขบวนกฐินแล้วคิดได้ว่าจะต้องทำบุญบ้าง ก็ว่ายน้ำตามขบวนกฐินจนขาดใจตาย ชาวบ้านเลยเอารูปจระเข้มาเป็นธงในขบวนเพื่อเตือนใจว่า ตอนเป็นคนก็ทำบุญทำทานเสียสละกันนะ อย่าโลภ

ธงจระเข้และธงนางมัจฉา ส่วนใหญ่ก็จะมอบให้เจ้าภาพที่มาทอดกฐินไว้เป็นสิริมงคล ไว้นึกถึงบุญ บางวัดมีการประมูลสมทบทุนต่อยอดกองกฐินเพื่อชิงธง ว่ากันว่าพอเราทอดกฐินแล้ว ได้เอาธงนี้ไปแขวนหน้าร้าน เป็นมงคลค้าขายรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น

ธงตะขาบ สัตว์เลื้อยคลานหลายขา ที่มีพิษสงร้ายกาจ เป็นตัวแทนของความ "โกรธ" เพราะพิษของพี่มากขาของเรานั้นมีฤทธิ์ร้อน ในการถวายกฐินทำทานแล้ว ก็ต้องสละความหัวร้อนของเราด้วย 

ตำนานของธงตะขาบก็คล้าย ๆ กับเศรษฐีจระเข้ พี่ตะขาบของเรานั้น ไปมุดๆซ่อน ๆ อยู่ในหลุมขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ ในขณะที่พี่เข้ไปแหวกว่ายงับ ๆ ในคลองนั่นเอง

ธงตะขาบ จะถูกปักไว้ที่วัดในช่วงก่อนวันทอดกฐิน เป็นสัญญาณว่า วัดนี้มีเจ้าภาพมาจองกฐินแล้วจ้าาาา ใครจะร่วมอนุโมทนาก็เชิญมา ใครจะจองเป็นประธานปีนี้ เชิญวัดถัด

ธงนางมัจฉา ความที่นางมัจฉาที่เป็นครึ่งคนครึ่งปลา ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์
ของความ "หลง" หรือ "โมหะ" 
นอกจากนี้ความที่นางเป็นสาวสวยงดงาม ยังเป็นสัญลักษณ์บอกว่าการทำบุญถวายผ้าไตร จะมีอานิสงส์ให้รูปร่างหน้าตาของเราสวยเปล่งเช้งกระเด๊ะอีกด้วย 

ธงเต่า เต่าเป็นสัตว์ที่สามารถหุบ1 หัว 4 ขาและ1 หาง เข้าไปหลบในกระดองได้ คนโบราณท่านจึงเอารูปเต่ามาเป็นสัญลักษณ์แทน "สติ" เพราะการมีสติระมัดระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะทำให้เราสามารถสละความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ 

ธงเต่า จะถูกปักที่วัดหลังทอดกฐินเสร็จแล้ว จนถึงวันลอยกระทง เป็นสัญญาณบอกว่า วัดนี้ทอดกฐินไปแล้วนะจ๊ะ อนุโมทนาสาธุกันได้เลยจ้าาาา 

ส่วนประวัติความเป็นมาของธงกฐินนั้น มีที่มาหลายตำนาน ไม่ปรากฎแน่ชัดว่าเริ่มมีในสมัยใด เพราะแต่ละที่ก็มีเรื่องเล่าต่างกันไป แต่สิ่งที่ทุกที่ตรงกันคือ คนโบราณกำลังสอนเราว่าทำกฐิน ไม่ใช่แค่สละทรัพย์ แต่เราต้องสละความโลภ ความโกรธ ความหลง และจงมีสติให้ดี ทอดกฐินแบบนี้แฮปปี้แน่นอน 

ป่ะ! ไปประมูลธง
ต่อยอดสมทบกองกฐินกันเถอะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco