ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่สุวัฒน์(โส) อาจาโร วัดป่าลัน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่


 ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่โส อาจาโร 
     ววันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๒ ปี การละสังขาร หลวงพ่อสุวัฒน์(โส) อาจาโร วัดป่าลัน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ สำหรับท่านพระอาจารย์สุวัฒน์ หรือที่เราเรียกท่านกันว่า หลวงปู่โส มาจากการได้รับฉายาจากครูบาอาจารย์ และเพื่อนสหธรรมมิกของท่านว่า "โสเป็น โสตาย" คือท่านปฏิบัติตนขั้นอุกฤษฏ์ เอาชีวิตเข้าแรกธรรม ไม่เกรงกลัวต่อความตาย หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร ท่านเคยพูดให้แอดมินท่องถิ่นธรรมได้ฟังว่า "ท่านโสนี่ เราไม่ห่วง ท่านเอาตัวท่านรอดได้แล้ว" พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่โส ท่านได้เคยไปศึกษาธรรม และให้ความเคารพนับถือมีอยู่กับหลาย​ ๆ​ รูป เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร เป็นต้น ส่วนเพื่อนสหธรรมมิกที่สนิทคุ้นเคย และได้บำเพ็ญสมณธรรมร่วมกันมาก็คือ หลวงปู่สมศรี อัตตสิริ เป็นต้น

หลวงปู่โส อาจาโร ท่านเกิดวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๘๓ พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

ทุกสิ่งเมื่อมีเกิดสุดท้ายที่หมายก็ได้มารวมลงไปในที่เดียวทั้งหมด ส่วนตนจะรู้สึกใจหายเสียดายทุกครั้งเมื่อเวลามีครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณที่พึ่งพิงทางใจในการสอนธรรมแก่ลูกศิษย์ที่ท่านมาละขันธ์จากไป ใจหายทุกครั้งเมื่อเวลามีท่านผู้ทรงธรรมทุกๆพระองค์ท่านที่ได้จากไป และรู้สึกเสียดายทุกครั้งกับชนรุ่นหลังที่ศรัทธาในศาสนาที่จะมีโอกาสได้พบเจอกันกับครูบาอาจารย์ท่านผู้ทรงคุณจริงที่จะมาเป็นครูผู้สอนธรรมในการปฏิบัติให้กับตัวเองได้เห็นความจริง.

ครูอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร ท่านเคยพูดให้ฟัง พระปฏิบัติอย่างท่านโส(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร วัดป่าลัน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่) เป็นผู้ที่หาได้ยากในปัจจุบัน ท่านโสนี่เป็นคนโสเป็นโสตาย(สละเป็น สละตาย)ในการปฏิบัติทุกอย่างจนว่ามาเป็น “ ท่านโส ” ได้ในทุกวันนี้ ครูบาอาจารย์ท่านเคยได้เที่ยวปฏิบัติอยู่ร่วมกันมา ท่านจึงรู้ค่าในความหมายภายในซึ่งกันและกันดี.

หลวงปู่โส อาจาโร วัดป่าลัน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ก่อนจะมาเป็น “ สุวัฒน์ โสตาย ” ท่านได้ชื่อมาจาก “ ครูบาสุ โสถิ่ม ” (โสถิ่ม ความหมายในภาษาอีสานคำนี้คือ “ เสียสละ ”) ซึ่งชื่อครูบาสุโสถิ่มนี้ครูอาจารย์โสป่าลันว่าท่านได้จากตอนมาปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์ที่เมืองเลย สมัยพระหนุ่มท่านว่าจิตใจท่านเป็นคนโทสะกล้ามักจะปฏิบัติแบบทรมานตนอดนอนผ่อนอาหารเอาแบบโสถิ่มโสตายกันไปข้างหนึ่งจนครูอาจารย์บ้านโคกมน(หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)ว่าให้ท่านสิเข่น(บังคับ)เจ้าของแบบโสถิ่มโสตายกันปานนี่เลยบ้อ ตอนจากหนองคายมาปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์ที่เมืองเลยท่านเลยได้ชื่อจากครูบาอาจารย์ทางนี้ว่า “ ท่านสุ โสถิ่ม ” แทนชื่อ “ ครูบาสุ ท่าบ่อ ” เนื่องจากครูอาจารย์โสวัดป่าลันนั้นพื้นเพเดิมท่านเป็นชาวอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย.

ครูอาจารย์โส(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร)ว่าท่านเคยเที่ยววิเวกจากหนองคายมาศึกษาธรรมกับครูบาอาจารย์ที่เมืองเลยครั้งแรกกับหมู่คณะของท่านรูปหนึ่งชื่อ “ ครูบาคงฤทธิ์ ” (หนานคงฤทธิ์ แม่เมืองหลวง) ช่วงประมาณปี ๒๕๑๒.

มาเมืองเลยด้วยใจอยากจะมา ท่านว่าครูบาอาจารย์พ่ออุปัชฌาย์อ่อนสี(หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ วัดพระงามศรีมงคล อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย) บอกท่านว่าถ้าจะขึ้นไปเที่ยววิเวกทางเมืองเหนือเชียงใหม่จะต้องไปฝึกตนเองอยู่ป่าภูสู้หนาวทางเมืองเลยให้ได้เสียก่อน ถ้าทนอยู่สู้ภูหนาวเมืองเลยได้การที่จะไปอยู่ปฏิบัติอยู่ป่าดอยเมืองเหนือนั้นมันก็จะทนคือคนเขาทางนั้นได้ ท่านว่าก่อนจะขึ้นมาอยู่เมืองเหนือเราก็เคยไปฝึกปฏิบัติเจ้าของอยู่ทางภูเรือเมืองเลยมาก่อนแล้ว.
ครูอาจารย์โสเที่ยววิเวกจากหนองคายมาปฏิบัติอยู่เมืองเลยครั้งแรกช่วงปี ๒๕๑๒ ท่านว่าเราก็ยังไม่ได้พบกับครูบาอาจารย์โคกมน(หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)ท่านดอก พอพากันไปพักอยู่กับ “ ครูอาจารย์ซามา ” (หลวงปู่ซามา อจุตโต วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง อ.เมือง จ.เลย) ท่านบอกว่าตอนนี้ครูอาจารย์ชอบท่านพาลูกศิษย์เที่ยววิเวกจากเมืองเลยขึ้นไปหาจำพรรษาอยู่ทางเชียงใหม่.

(แทรกอธิบาย - ปี ๒๕๑๒ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม องค์ท่านพาลูกศิษย์เที่ยววิเวกจากเมืองเลยขึ้นไปจำพรรษาที่วัดป่าน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่).

เมื่อตั้งใจจะมาอยู่ศึกษาธรรมกับครูอาจารย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่บ้านโคกมนแต่ไม่พบกับท่านแล้วครูอาจารย์โสว่าท่านก็ชวนหมู่คณะ “ ครูบาคงฤทธิ์ ” พากันไปขอปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ถ้ำผาปู่ (อ.เมือง จ.เลย) ซึ่งช่วงนั้นท่านว่าที่วัดถ้ำผาปู่จะมีครูอาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร กับ หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านพากันสอนลูกศิษย์พระเณรร่วมกันอยู่ที่นั่น หลังออกจากวัดถ้ำผาปู่ท่านก็เที่ยววิเวกมาทางบ้านธาตุ(อ.เชียงคาน จ.เลย) เลาะริมน้ำโขงจากทางเขตอำเภอปากชมกลับมาจำพรรษาอยู่กับครูบาอาจารย์ทางอำเภอท่าบ่อ จังหนองคาย. 

ปี ๒๕๑๓ หลังออกพรรษาแล้วครูอาจารย์โส(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร)ว่าท่านก็กราบขออนุญาตครูบาอาจารย์พระอุปัชฌาย์ท่านหลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ วัดพระงามศรีมงคล อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพื่อจะมาอยู่ศึกษาธรรมข้อวัตรในการปฏิบัติกับครูบาอาจารย์บ้านหนองบัวบาน หลวงปู่อ่อน ญาณสิริที่วัดป่านิโครธาราม (ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี) 

(แทรกอธิบาย – “ ท่านพระครูสีลขันธ์ ” ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ทำการอุปสมบทให้กับ “ ท่านครูอาจารย์โส ” หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร นี้ท่านคือ “ หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ ” วัดพระงามศรีมงคล ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่ง หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ องค์นี้ หลวงปู่ชอบบอกท่านจะเป็นสหธรรมิกรุ่นน้องขององค์ท่านครูอาจารย์ใหญ่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่ในอดีตท่านทั้งสององค์นี้มักจะเที่ยววิเวกปฏิบัติด้วยกันทั้งที่ทางอีสานและภาคเหนือ. 

หลวงปู่สี สุเมโธ วัดพระงามศรีมงคลนี่หลวงปู่ชอบบอกแต่เดิมท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุในฝ่ายมหานิกายมาก่อน จากนั้นตอนครูอาจารย์ใหญ่องค์หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม กับครูอาจารย์ใหญ่องค์หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล ท่านทั้งสองได้พาหมู่คณะลูกศิษย์เดินทางจากเมืองขอนแก่นไปสร้าง “ วัดป่าสาลวัน” และ “ วัดป่าศรัทธารวม ” ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ ในขณะนั้นยังเป็นพระภิกษุมหานิกายท่านก็ได้ติดตามครูบาอาจารย์ไปที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อสร้างวัดทั้งสองนี้ขึ้นมา ต่อมาหลวงปู่อ่อนสีท่านก็ได้รับอนุญาตจากครูบาอาจารย์ให้ทำการญัติเป็นพระภิกษุในฝ่ายธรรมยุติเมื่อปี ๒๔๗๕ ที่ “ วัดสุทธจินดา ” ในเมืองจังหวัดนครราชสีมา โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์(อ้วน ติสโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เป็นพระกรรมวาจารย์ หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ซึ่งพระอันดับ(ภิกษุผู้นับร่วมในพยานอุปสมบท)วันที่หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ ท่านอุปสมบทนั้น หลวงปู่ชอบว่าจะมีท่าน(ฐานสโม) “ อาจารย์ดูน ” (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์) “ อาจารย์เทสก์ ” (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย) “ อาจารย์อ่อน ” (หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี) “ อาจารย์ฝั้น ” (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดอุดมสมพร จ.สกลนคร) “ อาจารย์ลาย ไร่ม่วง ” (หลวงปู่ซามา อจุตโต วัดป่าอัมพวัน จ.เลย) ฯลฯ พากันนั่งเป็นพระอันดับในวันที่หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ ท่านญัติกรรมทำการอุปสมบท ซึ่งหลวงปู่ชอบบบอกท่านกับหลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ นี้เคยจำพรรษาร่วมกันในสำนักขององค์ท่านครูอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล ที่วัดป่าศรัทธารวม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อปี ๒๔๗๖ ซึ่งในปีเดียวกันนี้จะมี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านจำพรรษาอยู่ร่วมกันที่วัดแห่งนี้). 

การได้มาศึกษาธรรมกับครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโรธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ครูอาจารย์โสว่าท่านมาที่นี่จากการแนะนำโดย “ อาจารย์สิทธิ์ มูเซอ ” (หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่) ตั้งแต่ครั้งท่านบวชได้สามพรรษา ซึ่งตอนนั้นท่านได้มารู้จักกันกับท่านอาจารย์ประสิทธิ์(ปุญญมากโร)ครั้งแรกตอนพักปฏิบัติอยู่ด้วยกันกับองค์ท่านครูอาจารย์หลวงปู่บัวพา ปัญโญภาโส ที่วัดป่าพระสถิตย์ (อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย)

ออกจากวัดป่าพระสถิตย์ (อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย) ด้วยกันพวกท่านได้พากันไปพักปฏิบัติอยู่กับ “ ท่านอาจารย์หนัก บ้านหม้อ ” (หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก สำนักสงฆ์ป่าสัก ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย) ซึ่งสมัยนั้นครูอาจารย์หนักผมยาวนี้จะพักปฏิบัติอยู่องค์เดียวของท่านในที่พักสงฆ์บ้านหม้อ (ปัจจุบันที่พักสงฆ์บ้านหม้อแห่งนี้หลังจาก หลวงปู่บุญหนัก ขันติโก ท่านย้ายมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ป่าสัก สถานที่แห่งนี้ต่อมาถูกสร้างเป็นโรงเรียนบ้านหม้อ โดยได้รับการอุปถัมภ์จากองค์ท่านครูบาอาจารย์ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ).

ส่วนตัวครูอาจารย์โสป่าลันว่าท่านจะให้ความเคารพในตัวท่านครูอาจารย์ประสิทธิ์มูเซอ(หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร)ในฐานะครูบาอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่เคยให้คำแนะนำในการปฏิบัติให้กับท่านมาตั้งแต่อยู่ที่อีสานจนกระทั่งได้ขึ้นมาเที่ยววิเวกปฏิบัติอยู่ด้วยกันที่เมืองเชียงใหม่.

หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร ว่าป่าดอยทางเขตเมืองเหนือเชียงใหม่นี้หลังจากหมดยุคครูบาอาจารย์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นองค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่สาม อกิญจโณ หลวงปู่เกตุ วัณณาโก หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ผู้ชำนาญไพรในการเที่ยววิเวกตามป่าดอยทางเมืองเชียงใหม่.

หลังปี ๒๕๑๐ เป็นต้นมาครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ส่วนมากเหล่านี้ท่านก็แก่ชราพากันหยุดเที่ยววิเวกพักสอนลูกศิษย์อยู่ในวัดกันแล้ว ทีนี้สมัยนั้นก็จะมีครูอาจารย์ใหญ่ชอบ(หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)องค์เดียวที่ท่านยังฝึกลูกศิษย์พาออกเที่ยวนับแต่เมืองเลยจนถึงเมืองเชียงใหม่-เชียงราย เรา(ครูอาจารย์โส)เคยแต่ได้อยู่ปฏิบัติด้วยกันกับท่านที่วัดในเมืองเลยไม่เคยได้เที่ยววิเวกด้วยกับกับครูอาจารย์ชอบท่านซักครั้ง หมู่คณะลูกศิษย์ช่วงท้ายๆตอนครูบาอาจารย์ยังเดินเที่ยววิเวกไปปฏิบัติกับท่านตอนนั้นหลักๆก็จะมี “ ครูจารย์ผอง ผาแด่น ” (หลวงปู่คำผอง กุสลธโร วัดป่าผาแด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่) “ ครูจารย์เรียน ถ้ำสหาย ” (หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายฯ อ.หนองแสง จ.อุดรธานี)

พอหลังจากครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบองค์ท่านเริ่มอาพาธเดินลำบากมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ จนถึงปี ๒๕๑๕ นับแต่นั้นมาการเที่ยววิเวกของครูบาอาจารย์ท่านโดยการพาลูกศิษย์ออกเที่ยววิเวกไปตามป่าดอยที่ต่างๆของท่านนั้นก็เป็นอันได้ยุติไป ที่นี้ผู้มาทำหน้าที่ต่อในการเป็นผู้อบรมสั่งธรรมพาหมู่คณะฝึกปฏิบัติหัดเที่ยววิเวกหานี้ก็จะเป็นหน้าที่ของครูอาจารย์เรียนถ้ำสหายกับท่านครูอาจารย์ประสิทธิ์หมู่ใหม่กันเป็นหลัก เราล่ะผู้หนึ่งเมื่อขึ้นมาปฏิบัติอยู่ทางเมืองเหนือเชียงใหม่นี้ก็ได้อาศัยหมู่คณะครูบาอาจารย์รุ่นพี่ทั้งสององค์นี้ท่านเป็นหลักในการพาออกเที่ยวปฏิบัติกันอยู่ในสถานที่ต่างๆ

ปี ๒๕๑๘ ครูอาจารย์โสป่าลัน(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร) หลังท่านพาหมู่คณะรุ่นน้อง “ ท่านวี ดงคำโพธิ์ ” (ท่านพระอาจารย์วี ธีรปัญโญ วัดป่าศัทธาวนาราม อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์) กลับจากเที่ยววิเวกเลาะโขงทางฝั่งประเทศลาว.

ปี ๒๕๑๙ ครูอาจารย์โสป่าลัน(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร)ท่านได้พาหมู่คณะสององค์ คือ พระอาจารย์วี ธีรปัญโญ กับ พระอาจารย์คงฤทธิ์(ไม่ทราบฉายา) พากันเที่ยววิเวกจากหนองคายขึ้นมาปฏิบัติอยู่กับครูอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

(แทรกอธิบาย - ในเรื่องสัมพันธ์ของครูบาอาจารย์รุ่นนี้ให้ทราบกันซักเล็กน้อย พระอาจารย์คงฤทธิ์ หรือ “ หนานคงฤทธิ์ ” ผู้นี้หลังจากขึ้นมาเที่ยววิเวกจำพรรษาอยู่ทางเมืองเหนือที่เชียงใหม่แม่ฮ่องสอนแล้ว ต่อมาท่านเกิดจิตเสื่อมได้กราบลาสิกขากับครูบาอาจารย์ออกมาครองเรือนเป็นฆราวาสอยู่บ้านกะเหรี่ยงแม่เมืองหลวง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งหนานคงฤทธิ์ผู้นี้อดีตเคยเป็นเพื่อนสนิทกับท่านครูอาจารย์โสตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสจนกระทั่งได้มาบวชด้วยกัน หนานคงฤทธิ์อุปสมบทปี ๒๕๐๘ หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโรอุปสมบทปี ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ อุปสมบท หลวงพ่อสุวัฒน์(โส)ท่านอุปสมบทวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ หลวงพ่อสมศรีท่านอุปสมบทวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ ครูบาอาจารย์สององค์นี้ท่านจะมีอาวุโสห่างกันในอุปสมบทที่ ๑๐ วัน.

ครูอาจารย์หลวงปู่ชอบบอกพระกรรมฐานอีสานรุ่นหลังจากท่านที่เที่ยววิเวกตามป่าดอยเมืองเหนือทางเชียงใหม่จนชำนาญในพื้นที่นั้นก็จะมีท่านเปลี่ยนบ้านปง(หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป) ท่านสิทธิ์มูเซอ(หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร) ท่านเรียนถ้ำสหาย(หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร) ท่านโสป่าลัน(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร) ท่านธรรมศรี(หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ) ซึ่งที่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบท่านเอ่ยนามมาถือได้ว่าพวกท่านเหล่านี้เป็นพระกรรมฐานหนุ่มที่มาจากอีสานหลังยุคครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ที่พากันขึ้นมาปฏิบัติอยู่ทางภาคเหนือ จนบางท่านได้ดีมีธรรมอยู่ในลานนาป่าโป่งที่เมืองเชียงใหม่แห่งนี้. 

หลวงปู่โส ท่านพาหมู่คณะจากหนองคายขึ้นมาเที่ยววิเวกปฏิบัติอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ภาคเหนือสมัยนั้นจะมีองค์ท่านครูอาจารย์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ กับองค์ท่านครูอาจารย์หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาป่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ท่านบอกแต่ไหนแต่ไรเวลาเข้าพรรษาท่านมักอยากจำพรรษาองค์เดียวเป็นหลัก ถ้ามีหมู่คณะคุ้นเคยเชื่อถือกันได้ในจิตใจอันนี้ท่านถึงจะให้จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ตอนขึ้นมาอยู่เชียงใหม่แรกๆท่านก็พาหมู่คณะท่านวี ท่านคงฤทธิ์ เที่ยวหาสถานที่ในการปฏิบัติกัน.

ซึ่งเรื่องหาสถานที่จำพรรษากันตอนขึ้นมาเที่ยววิเวกที่เมืองเชียงใหม่นั้นในเรื่องนี้ พระอาจารย์วี ธีรปัญโญ (วัดป่าศรัทธาวนาราม อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์) ท่านเล่าให้ฟังว่าครูอาจารย์โสพาเรากับหนานคงฤทธิ์เที่ยววิเวกขึ้นมาทางดอยหลังบ้านน้ำริน(วัดป่าน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่) ตามหลังครูจารย์จันทร์เรียนถ้ำสหายกับครูจารย์สมศรี(อัตตสิริ)พากันขึ้นมาหาภาวนาอยู่บ้านกะเหรี่ยงผาแด่น(วัดป่าผาแด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่) พอพวกเราขึ้นมาที่บ้านกะเหรี่ยงผาแด่นแล้วทราบภายว่าครูอาจารย์จันทร์เรียนท่านพาครูจารย์สมศรี(อัตตสิริ)กับเณรพากันไปหาที่จำพรรษากับครูอาจารย์ประสิทธิ์(ปุญญมากโร)อยู่ทางบ้านกะเหรี่ยงแม่แสะ โป่งเดือด (ทั้งสองที่นี้อยู่ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่). 

(แทรกอธิบาย – สามเณรองค์ที่ติดตามไปเที่ยววิเวกจำพรรษาอยู่ทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย กับท่านครูอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร และท่านครูอาจารย์สมศรี อัตตสิริ ตอนนั้นชื่อ “ สามเณรเฉลา ศรีบุรินทร์ ” ต่อมาสามเณรเฉลาองค์นี้หลังจากขึ้นมาเที่ยววิเวกจำพรรษาอยู่ทางจังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย ร่วมกับท่านครูอาจารย์จันทร์เรียนและท่านครูอาจารย์สมศรี พอกลับจากเหนือลงมาเกณฑ์ทหารแล้วครูอาจารย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม องค์ท่านก็มอบหมายให้ หลวงปู่ลี กุสลธโร พาสามเณรเฉลาไปทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดศรีสุทธาวาส(วัดเลยหลง) อ.เมือง จ.เลย โดยมี พระเทพวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดเลยธรรมยุติเป็นพระอุปัชฌาย์ (สมณศักดิ์และฐานะในการปกครองขององค์ท่านหลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ ตอนนั้น).

“ สามเณรเฉลา ศรีบุรินทร์ ” องค์ที่ได้ติดตามท่านครูอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร ท่านครูอาจารย์สมศรี อัตตสิริ ขึ้นไปเที่ยววิเวกจำพรรษาอยู่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย สมัยนั้นปัจจุบันคือ พระอาจารย์เฉลา โกสโล วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย (บันทึก-เส้นทางสายธรรมกรรมฐานอีสานลานนา).

พระอาจารย์วี ธีรปัญโญ บอกครูอาจารย์โส(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร)ท่านพาขึ้นมาปฏิบัติอยู่บ้านกะเหรี่ยงผาแด่นตอนนั้นครูอาจารย์ผอง(หลวงปู่คำผอง กุสลธโร)ท่านกลับลงมาอยู่วัดป่าสัมมานุสรณ์ (อ.วังสะพุง จ.เลย) พอมาพักปฏิบัติด้วยกันที่วัดป่าผาแด่นสามองค์เรื่องอาหารการบิณฑบาตที่บ้านกะเหรี่ยงผาแด่นนี้ก็อัตคัตไม่ค่อยพอกัน พอใกล้เข้าพรรษาครูอาจารย์โสบอกท่านกับครูบาคงฤทธิ์(หนานคงฤทธิ์)ให้จำพรรษาด้วยกันสององค์ที่นี่ ส่วนท่านจะลงมาอยู่ลำพังองค์เดียวที่บ้านกะเหรี่ยงแม่หลอด(ต.สบเปิง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่).

หลังออกพรรษาแล้วครูอาจารย์โส(หลวงพ่อสุวัฒน์ อาจาโร)ท่านก็ออกจากบ้านกะเหรี่ยงแม่หลอดขึ้นมาหาพวกท่านที่บ้านกะเหรี่ยงผาแด่น พอได้เห็นกันอีกครั้งครูอาจารย์โสท่านก็ดูดำคล้ำผอมไปกว่าเดิมชนิดว่าจะเหลือแค่หนังติดกระดูกของตนเองเท่านั้น ครูอาจารย์โสในพรรษาทำความเพียรกับตัวเองแบบอุกฤษ์ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ท่านบวชมา ทั้งพรรษาสามเดือนท่านจะบิณฑบาตฉันแค่เพียงสามครั้ง อดนอนทีละเดือนถึงจะล้มตัวลงนอนเสียครั้งหนึ่ง กลางวันไม่ว่าจะฝนตกแดดออกท่านก็จะเดินจงกรมตากแดดฝนของท่านอยู่แบบนี้ทั้งวัน กลางคืนก็จะนั่งภาวนาของท่านไปตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง พอหมู่คณะครูบาอาจารย์ตอนนั้นรู้ว่าครูจารย์โสท่านทำความเพียรอุกฤษ์แบบนี้ หมู่คณะครูบาอาจารย์ต่างก็พากันสรรเสริญในความเพียรอันโสสุดของท่านในเรื่องนี้.

เรื่องความเพียรกล้าของท่านครูอาจารย์สุวัฒน์ อาจาโร วัดป่าลัน ครูอาจารย์จันทร์เรียนถ้ำสหายท่านบอกพระสมัยนี้จะหาผู้ใดมาปฏิบัติแบบโสเป็นโสตายให้ได้คือท่านโสนี้หาได้ยาก ท่านจึงไม่มีความสงสัยทางในซึ่งกันและกัน.

เรื่องความเพียรอันหนึ่งของท่านครูอาจารย์โสป่าลันนี้หลวงพ่อประสิทธิ์หมู่ใหม่ว่าท่านเคยเห็นกันมาแล้วในเรื่องนี้ตอนอยู่ปฏิบัติด้วยกันที่สำนักสงฆ์โป่งเดือดอำเภอแม่แตง สองเดือนที่ปฏิบัติอยู่ด้วยกันที่นั่นนับตั้งแต่วันที่ครูอาจารย์ท่านเข้าไปอยู่ที่นั่น หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านไม่เคยเห็นครูอาจารย์โสท่านออกมาบิณฑบาตฉันด้วยกันซักวันเลย แต่ละวันครูอาจารย์โสท่านก็จะเดินจงกรมนั่งภาวนาของท่านอยู่อย่างนั้น ท่านจะนั่งภาวนาเอาจนก้นตนเองแตกเลือดออกนั่งไม่ได้ พอนั่งภาวนาไม่ได้ครูอาจารย์โสท่านก็จะใช้วิธีเดินจงกรมของท่านอยู่อย่างนั้นเอาจนว่าเท้าของตัวเองแตกจนเดินไม่ค่อยได้อีกท่านถึงจะได้หยุดพักในการทำความเพียร จนหลวงพ่อประสิทธิ์ท่านได้ว่าให้ ท่านคือมาโสตายเอาต่อธรรมคักแท้ท่านสุวัฒน์ หลวงพ่อประสิทธิ์หมู่ใหม่ท่านว่าเกิดมาเราพึ่งได้มาเจอพระที่มีความคักคล้ายกับพระจักขุบาลในสมัยพุทธกาลกะคือท่านโสป่าลันนี้ล่ะ โสเป็น โสตาย กันได้ทุกอย่างเพื่อที่จะให้เจ้าของนี้ได้เป็นผู้ที่รู้ธรรม.

ท่านพระอาจารย์สุวัฒน์ (หลวงปู่โสเป็นโสตาย) อาจาโร แห่งวัดป่าลัน (วัดป่าวัฒนาราม) อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ละสังขาร​ด้วย​อาการ​สงบ​ ตรง​กับ​วันอาทิตย์​ ที่​ ๒๗ พฤศจิกายน​ ๒๕๖​๕​ สิริอายุ ๘๒ ปี ๖ เดือน​ ๑๕ วัน

หลวงปู่โส ท่านเมตตาสอนธรรมะเตือนสติไม่ประมาทในวันคืนที่ล่วงเลยไป ให้เร่งทำความเพียรภาวนาอยู่เสมอ ท่านสอนว่า..

"..กาลเวลาเดือนปี เราอย่าให้ความสนใจมันมาก ให้สนใจการกระทำของตนเองให้มาก ก็เหมือนเราได้เงินเดือนคนละสองหมื่นสามหมื่น แต่มันเก็บเข้ากระปุกแค่ห้าสิบตังค์ ที่เหลือเราเอาไปใช้จ่ายไม่ได้เกิดประโยชน์ เอาไปจ่ายฟรี ไม่เป็นสาระ มันก็มีแต่หมดไปหมดไป เกิดมาเราได้ทำความดีไว้ประมาณเท่าไหร่ให้คำนวณ ถ้ามันยังได้น้อยอยู่ก็ให้เร่งมือเร่งตีนของเราให้เร็ว ๆ เข้า ก่อนจะหมดเวลา

คนเราไม่ใช่มันมีเวลามากนะ ๔๐ ปี ๕๐ ปี ๘๐ ปี ๑๐๐ ปีนี่ไม่ใช่มันมากนะ แต่ว่ามันจะมากจะน้อยมันก็ไม่สำคัญ มันสำคัญอยู่ที่การกระทำ ขวนขวายทำคุณงามความดีมันให้มาก เพื่อความเจริญ เพื่อความสุขของตนเอง ถ้ามีบุญมากอะไรมันก็ง่าย ก็เหมือนเราเก็บเงินเอาไว้มากหละ จะใช้จะซื้อหาอะไรมันก็ง่าย ถ้าไม่ทำบุญ ทำแต่บาปแต่กรรม อะไรมันก็ไม่ง่าย มันเกินเอื้อม มันสุดเอื้อม เอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึงแหละ ฉะนั้นคุณงามความดีจึงให้เร่งสั่งสมไว้.." โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่สุวัฒน์ อาจาโร หรือ หลวงปู่โส แห่งวัดป่าลัน (วัดป่าวัฒนา) อ.ฝาง จ.เชียงใหม่


ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco