ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย บ.จาร ต.บ้านม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร



 ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท 
     วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๑๔ ปี การละสังขารของ หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร "พระอริยสงฆ์ผู้มีจริยวัตรงดงาม" หลวงปู่แฟ็ป ท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน ที่วัตรปฏิบัติเรียบง่ายปฏิปทาอันงดงาม ด้วยครองตนอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ มักน้อย ถือสันโดษ มีเมตตาธรรมสูง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น และเป็นร่มโพธิ์ทองของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย 

" หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท” มีนามเดิมว่า ญาติ กุลวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๕ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ ณ บ้านคำชะอี ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม (จังหวัดมุกดาหาร ในปัจจุบัน) โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายพรหมมา และทุมมา กุลวงศ์ ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ตามวิถีชีวิตชาวชนบทอีสาน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ 


เพราะเหตุบางประการในการแจ้งชื่อในทะเบียนทหารกองเกิน เมื่อช่วงอายุ ๑๗-๑๘ ปี ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “แฟบ” และวันเวลาเกิดก็ผิดพลาดไปด้วย จึงต้องใช้ชื่อวันและเวลาเกิดใหม่จากนั้นเป็นต้นมา ต่อมาลูกศิษย์ลูกหาได้เรียกชื่อเพี้ยนเป็นหลวงปู่ “แฟ้บ” หรือ “แฟ้บ” หรือ “แฟ็บ” ไป

การดำเนินชีวิตในขณะนั้น หลวงปู่ประพฤติตนเป็นพุทธมามกะ โดยเป็นมัคทายกของวัดในหมู่บ้าน และยังเป็นหัวหน้าช่างก่อสร้าง ได้ออกแบบควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงลงมือก่อสร้างกุฏิศาลา และกำแพงของวัดเองทั้งหมด โดยไม่รับค่าตอบแทนใด ๆ เลย

ใน ขณะที่วัยของหลวงปู่เริ่มมากขึ้น ร่างกายก็อ่อนแอลงไปด้วย แต่ยังต้องทำนาเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวอยู่ ในวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังจูงควายไปทำนา ๒ ตัว ควายตัวหนึ่งหยุดยืนเพื่อถ่ายมูล ส่วนควายอีกตัวหนึ่งกลับดึงตัวหลวงปู่เซจนล้มลง เพื่อนบ้านมองเห็นเข้าจึงพูดกับหลวงปู่ว่า 

“เฒ่าแล้วจะทำไปทำไมนักหนา ไปทำบุญเข้าวัดเข้าวาได้แล้ว” 

เมื่อหลวงปู่ได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดความสลดสังเวชตัวเองเป็นอย่างมากถึงกับน้ำตาไหลออกมา หลังจากนั้นมาทุกวันพระหลวงปู่จะไปทำบุญรักษาศีลที่วัดตลอด และได้ศึกษาการปฏิบัติภาวนา เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ เป็นต้น จนเกิดอัศจรรย์เป็นครั้งแรก ขณะปฏิบัติภาวนาในเวลากลางคืน จู่ๆ ก็เห็นแสงขึ้นเหมือนฟ้าแลบ เป็นช่วงๆ แล้วเริ่มถี่ขึ้นๆ จนสว่างจ้าไปหมด หลังจากนั้นมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้จักอะไรลึกซึ้งนัก และไม่มีผู้ให้คำแนะนำสั่งสอน ในขณะนั้นความรู้สึกของหลวงปู่มีแต่ความอยากบวช แต่ก็ติดอยู่ที่ครอบครัวจึงยังไม่มีโอกาส ครั้นต่อมานางคำมา สุวรรณไตร ภรรยาของหลวงปู่ ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรควัณโรค ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เมื่ออายุได้ ๕๒ ปี ส่วนหลวงปู่อายุได้ ๕๙ ปี

หลวงปู่แฟ็ป ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ญัตติฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ ณ พัทธสีมาวัดอรัญญิกาวาส จังหวัดอุดรธานี โดยมี ท่านพระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระมหามี สุทัสสี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านพระอธิการสมจิต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “สุภัทโท” ซึ่งแปลว่า “ผู้ประพฤติงาม”

หลวงปู่มีโอกาสไปฟังธรรมเทศนาจาก หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นประจำ นอกจากหลวงปู่เทสก์แล้ว ยังมีครูบาอาจารย์รูปอื่น ๆ อีก ที่หลวงปู่ได้เข้าฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น

คืนหนึ่งได้มีเสือตัวใหญ่มานอนขวางทางลงทางหินตู้รถไฟ จะลงทางอื่นก็ไม่ได้ เพราะมีทางขึ้นลงอยู่เพียงทางเดียว หลวงปู่ก็ต้องนั่งภาวนาอยู่บนหินนั้นตลอดทั้งคืน พอใกล้รุ่งเช้า เสือจึงเดินจากไป แต่ก่อนไปหลวงปู่พูดขึ้นมาว่า “จะกินก็ไม่กิน มานอนขวางทางอยู่ได้” เสือกลับตอบมาว่า “ไม่กินหรอก ยังไม่ตาย ถ้าตายแล้วถึงจะกิน” พร้อมกลับหันหลังเดินจากไป โดยมีทางให้เสือเดินไปจนสุดสายตา เมื่อเสือเดินลับตาไปแล้ว ทางที่เห็นไกลๆ นั้นกลับกลายเป็นป่าเป็นภูเขาไป จึงทำให้รู้ว่านั่นคงไม่ใช่เสือจริงๆ คงจะเป็นพวกภูมิที่อยากจะให้หลวงปู่เร่งความเพียรเท่านั้นเอง

ในแต่ละครั้ง หลวงปู่คิดอย่างเดียวว่า “ตายเป็นตาย” แต่เมื่อจิตถอนออกจากสมาธิ ทุกอย่างก็เป็นปกติเหมือนเดิม และมีเทวดาบ้าง รุกขเทพบ้าง หรือพวกภูมิต่างๆ บ้าง บางทีก็เป็นพวกพญานาค มากราบนมัสการขอฟังธรรมจากหลวงปู่อยู่ตลอด บางคืนถึงกับไม่ได้พักผ่อนเลย หลวงปู่เล่าว่าพวกพญานาคจะมากันเยอะมาก มาในลักษณะของคนธรรมดา เมื่อถามไปว่า “มาจากไหน” พวกพญานาคก็ตอบว่า “มาจากเมืองบาดาล ขึ้นมาจากสระน้ำที่อยู่ภายในวัดป่าดงหวายนี้เอง"

การ ภาวนาของหลวงปู่ได้ปัญญาธรรมที่สำคัญที่สุดที่ภูเกิ้งนี่เอง เหตุเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติภาวนาตามปกติ ในคืนหนึ่งได้มีแสงสว่าง ๔ ดวงลอยมาจากฟ้าแล้วลอยเข้ามาใกล้ๆ หลวงปู่ ปรากฏว่าเป็นพระ ๔ รูป แล้วก็เข้ามาจะกราบหลวงปู่ หลวงปู่ห้ามไว้ แล้วถามถึงพรรษาของพระทั้ง ๔ รูปนั้น พระ ๑ ใน ๔ รูปนั้นกล่าวว่า “พรรษาไม่เกี่ยว ธรรมะไม่ได้อยู่ที่พรรษา ธรรมะอยู่กับการปฏิบัติที่จริงจัง” จึงได้กราบหลวงปู่ แล้วก็เริ่มสนทนากับหลวงปู่ 

พระ ๔ รูป > “ท่านมาทำไมที่นี่ มาทำอะไรหรือ”

หลวงปู่ > “มาปฏิบัติหาธรรมะตามแนวทางของพระพุทธเจ้า” 

พระ ๔ รูป > “ท่านอาจารย์มาหาธรรมะ แล้วใครเป็นผู้สอนธรรมะละ ? แล้วศาลาการเปรียญธรรมอยู่ที่ไหน ? ที่เห็นกันอยู่ทุกวันเป็นเสนาสนังเท่านั้นนะ ไม่ใช่ศาลาการเปรียญธรรมที่แท้จริงนะ” 

หลวงปู่ > “ไม่รู้หรอก” 

พระ ๔ รูป > “ให้หาคำตอบเอานะ แล้วจะกลับมาใหม่วันนี้ขอลาไปก่อน” แล้วหายตัวจากไป 

หลวงปู่พยายามคิดหาคำตอบอยู่หลายวัน จนกระทั่งได้สวดมนต์บทธรรมจักรกัปปะวัตตะนะสูตร เมื่อสวดไปๆ เกิดปัญญารู้ถึงคำตอบที่พระ ๔ รูปได้ฝากเอาไว้ จากเนื้อหาของบทสวดนั่นเอง ในหลายคืนต่อมาพระเหล่านั้นกลับมาอีกครั่ง แต่คราวนี้มากัน ๓ รูปเท่านั้น แล้วจึงทวงถามถึงปัญหาที่ฝากไว้ 

หลวงปู่ > “ผู้ที่จะสอนธรรมะและศาลาการเปรียญธรรมนั้น อยู่ที่ตัวของเรา อยู่ที่ใจของเรา ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ผู้อื่น หรือแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตาม เพราะท่านเพียงแค่ชี้แนะและให้คำสั่งสอน เพื่อเป็นแนวทางให้เราได้ปฏิบัติตามอย่างถูกทางเท่านั้น อยู่ที่ตัวเรานี่แหละ ที่จิตใจของเรานี่ที่ต้องมาวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารอันนี้ล่ะ” 

พระ ๓ รูป > “ถูกแล้ว อาจารย์เก่งมาก ขอให้อาจารย์ศึกษาอยู่ตรงนี้ และไม่ช้าไม่นานต้องจบแน่” เมื่อกล่าวจบก็หายตัวจากไป

ที่วัดป่าดงหวายยังมีนิมิตที่ทำให้เกิดปัญญาธรรมที่สำคัญกับหลวงปู่ขึ้นอีก คือ นิมิตว่าตัวเองได้ตายอีกครั้ง หลังจากที่เคยเห็นมาแล้วถึง ๓ ครั้ง เมื่อหลายปีก่อน คราวนี้เห็นว่าร่างของตัวเองนั้นแห้งไปจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กลิ่นก็ไม่มี อย่างนี้คงเก็บไว้ได้นานเป็นร้อยๆ ปีก็ไม่เน่าไม่เปื่อย เมื่อเป็นเช่นนั้นหลวงปู่จึงบอกว่า “เอ้า ! อยากตายนัก ตายไปเลย” แล้วจิตก็ถอนออกจากสมาธิ 

ต่อมามีนิมิตว่า ตัวของหลวงปู่ กลางลำตัวนั้นใสไปหมดคล้ายกระจก แต่มีจุดอยู่ ๒ จุดกับมีแนวยาวๆ คั่นระหว่างจุด ๒ จุดยาวไปตามแนวของกระดูกสันหลัง หลวงปู่คิดหาคำตอบอยู่ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เห็นนี้คืออะไร พยายามหาคำตอบอยู่หลายเดือน 

จนในขณะไปเดินบิณฑบาต มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตั้งครรภ์แก่ ท้องใหญ่มาก มาใส่บาตร จึงคิดไปว่าคงจะเป็นลูกแฝด จึงกลับมาพิจารณาเพ่งจิตที่วัดก็เห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆ งอตัวอยู่ หันหน้าไปทางกระดูกสันหลังของผู้เป็นแม่ แล้วก็ปรากฏเห็นการเกิดของเด็กทารกในเวลาคลอดจะกลับหัวออกมาก่อน 

ขณะนั้นก็เกิดปัญญาขึ้นมาว่า “นี่เอง ! ทางแห่งการเกิดนี่เอง ! จุดบ่อเกิดทางเส้นนี้จุด ๒ จุดนี้ เป็นเหตุแห่งการเกิด นี่ๆ ! ไม่สงสัยแล้วเหตุแห่งการเกิดในวัฏฏะสงสารนี้” พร้อมกับความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จิตใจสว่างผ่องใสเป็นที่สุด”

หลวงปู่แฟ้บ สุภัทโท ได้ถึงแก่มรณภาพลงอย่างสงบด้วยเส้นเลือดหัวใจตีบ เมื่อเวลา ๒๑.๕๐ น. ของวันจันทร์ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ณ โรงพยาบาลสกลนคร ท่ามกลางความเศร้าสลดและความอาลัยเป็นยิ่งนักของบรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป สิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี พรรษา ๒๘


ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco