ชีวประวัติ ปฏิปาหลวงปู่มหาสนั่น จันทปัชโชโต วัดนรนาถสุนทริการาม เขตเทเวศน์ กรุงเทพฯ
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สนั่น จันทปัชโชโต
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (หลวงปู่มหาสนั่น จันทปัชโชโต) วัดนรนาถสุนทริการาม เขตเทเวศร์ กรุงเทพมหานคร รำลึก ๒๖ ปี อาจาริยบูชาคุณ ท่านเจ้าคุณสมเด็จ ท่านถือกำเนิด ตรงกับวันอังคารที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๑ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีวอก ณ บ้านหนองบ่อ ต.หนองบ่อ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ท่านอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๑ ณ วัดบรมนิวาส พระนคร โดยมี พระครูสีลวรคุณ(หลวงปู่อ่ำ ภัทราวุโธ) เป็นพระอุปัชฌาย์
สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นพระมหาเถระที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับองค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ดังเรื่องที่หลวงตา นำมาเล่าเป็นตัวอย่างสอนแก่พระเณรว่า
“..สมเด็จมหามุนีวงศ์ วัดนรนาถฯ ท่านพูดคำไหนออกมามีเป็นคำสะดุดใจทุกประโยคนะ เราอดคิดไม่ได้ ท่านเป็นเปรียญ ๙ ประโยค ชื่อท่านชื่อสนั่น .. ท่านพูดคำไหนรู้สึกสะดุดใจกึ๊กเลยนะ พอเราเข้าไปหาท่าน ท่านรู้สึกว่าตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นด้วยความดีใจ กำลังท่านคุยกับโยมอะไร พอเราโผล่เข้าไป ท่านจะคึกคักขึ้นทันทีเลยนะ ว่า “โอ๊ พระเศรษฐีธรรมมาแล้ว พระเศรษฐีธรรมนับวันจะหายากเข้าทุกวัน ๆ ไม่เหมือนพระเศรษฐีเงินซึ่งนับวันเกลื่อนกลาดไปหมด เศรษฐีธรรมนี้นับวันจะหายากเข้าทุกวัน แต่พระเศรษฐีเงินนี้นับวันจะเกลื่อนเข้าไปทุกวัน"
นั่นน่าคิดไหมล่ะ เราสะดุดกึ๊กทันทีเลย พระเศรษฐีธรรม เศรษฐีเงิน ท่านพูดคำไหนออกมาทำให้คิด อย่างท่านอยู่โรงพยาบาลศิริราชก็เหมือนกัน หมอทางศิริราชแหละเขาไปบอกว่า ‘สมเด็จฯ ท่านมารักษาตัวอยู่ที่ศิริราช’
ทีนี้พอได้โอกาสเราก็ไปกราบเยี่ยมท่านที่ศิริราช ไปก็พอดีเป็นเวลาที่ .. ปกติก็ต้องนอนนั่นแหละ นั่งมันลำบาก นี่ไปท่านนอนหันหน้าไปทางฝาโน้น เราเข้าไปทางนี้ พระขึ้นไปเหมือนหนึ่งว่าจะไปปลุกท่าน เรารีบบอกพระ ‘ผมไม่ได้มากวนท่าน ให้ท่านอยู่สะดวกสบาย จะพบท่านเมื่อไรก็ได้เวลานี้เป็นเวลาท่านพักผ่อน ไม่ให้กวน’
คือคุยกันเมื่อไรก็ได้ เราก็นั่งรอ ไม่นานนะท่านหันหน้ามา อันนี้ที่น่าคิดมากอีกนะ ตามธรรมดาต้องพยุงท่านขึ้นนะ เวลาท่านจะนั่งจะอะไรต้องพยุงขึ้น อันนี้พอท่านหันหน้ามามองเห็นเรานี้ดีดผึงเลยเทียว แล้วก็มีอุทานออกแบบน่าคิด เราก็ลืม ๆ เสีย เพราะพบท่านทีไรท่านจะมีคติธรรมให้เป็นที่ระลึกกับเราอยู่เสมอ
คราวนี้ก็อีกเหมือนกัน ท่านดีดผึงเลยนะ ลุกขึ้นเอง ‘พระหายากมาแล้ว พระหายากนับวันจะหาได้ยากเข้าทุกวัน ๆ ไม่เหมือนพระหาง่าย เกลื่อนตลาดเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง’
เอาอีกแหละ แน่ะฟังซิ โอ๋ย ท่านคุยท่านรื่นเริงจริง ๆ นะ อีกสองวันหมอที่เขาบอกไปหาเราว่า ‘สมเด็จฯ ท่านกลับวัดแล้ว ท่านหายแล้ว’ ‘เหรอ’ เราก็ถาม "โอ๊ย เหมือนปาฏิหาริย์ พอหลวงพ่อไปเยี่ยมท่านคึกคักขึงขังตึงตังยิ้มแย้มแจ่มใส พอวันหลังท่านออกจากโรงพยาบาลเลย"
ท่านว่า ‘ทีนี้ไปได้แล้ว’ ท่านไปแล้วจะออกแล้ว ท่านว่า ‘มันเป็นยังไงนะ อาจารย์มหาบัวมาเยี่ยมมันเหมือนปาฏิหาริย์ เอายาอะไรมาชโลมเรา’
ท่านว่าอย่างนี้นะ ท่านพูดเอง เหมือนเอายาทิพย์มาชโลมเรา ดีดผึงเลย มีกำลังวังชาขึ้นทันทีทันใด ท่านพูดคำไหนน่าคิดนะ สมเด็จฯ นี้ท่านมีความสนใจต่ออรรถต่อธรรม ท่านไม่ได้ลืมตัวนะ เพราะเคยสนิทกันมานานแล้วตั้งแต่ท่านเป็นมหาอยู่ พอเป็นสมภารเจ้าวัดท่านก็หนักแน่นในธรรมตลอดมา...”
หลังจากวันนั้นไม่นาน ท่านก็หายอาพาธอย่างรวดเร็วจนเป็นที่ประหลาดใจแก่แพทย์ผู้ให้การรักษา ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าความปีติรื่นเริงในธรรมจัดว่าเป็นธรรมโอสถรักษาโรคชั้นเลิศทีเดียว องค์หลวงตากล่าวยกย่องคุณธรรมเจ้าคุณสมเด็จฯ ว่า.. "เจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์เป็นพระแท้ กราบไหว้ได้ด้วยความสนิทใจ นอกจากท่านจะเป็นนักปริยัติแล้ว ท่านยังเป็นนักปฏิบัติ นักภาวนา เวลาพบปะสนทนากับเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านจะสนทนาแต่เรื่องการปฏิบัติธรรมเกี่ยวกับสมาธิภาวนาด้วยทุกครั้ง ท่านจะไม่พูดถึงเรื่องโลกๆ ภายนอกอันเป็นสิ่งสกปรกโสมมเลย พระเณรเราควรที่จะประพฤติ ปฏิบัติ รักษา ตามแบบอย่างที่ท่านเคยปฏิบัติเอาไว้ โดยเฉพาะเจ้าอาวาสนี้สำคัญมากนะ เพราะเป็นผู้นำคนปกครองคน"
หลวงปู่มหาสนั่น ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหรือสมณศักดิ์ใด ท่านมีความมักน้อย สันโดษ ไม่โอ้อวด ไม่ถือยศตลอดอายุของท่าน บรรดาพระป่ากัมมัฏฐานต่างๆ เช่น หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปณฺโณ ได้กล่าวถึงหลวงปู่ว่า "เป็นพระแท้ กราบไหว้ได้ด้วยความสนิทใจ" โดยทุกๆเช้าหลวงปู่จะตื่นตี ๔ ลุกขึ้นมาไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิไปจนกระทั่ง ๖ โมงเช้า จากนั้นจึงลงไปเดินจงกรมรอบๆโบสถ์ ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด ไม่เคยขาดแม้กระทั่งเจ็บป่วย ท่านเคยได้ออกธุดงค์และบำเพ็ญเพียรในป่า ตามแบบอย่างของครูบาอาจารย์ของท่าน มีท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ สิริจนฺโท) และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นต้น
ในช่วงท้ายของชีวิต หลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคไต และปอด มีอาการเจ็บป่วยอยู่เป็นระยะ ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ หลวงปู่เข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ในครั้งนี้หลวงปู่ได้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้แก่ เบาหวาน ความดันต่ำ และหอบหืด ทำให้มีอาการรุนแรงกว่าทุกครั้ง หลวงปู่มีสติดีเยี่ยม รับรู้อาการทรมานแห่งโรค รับรู้การรักษาพยาบาล ซึ่งท่านไม่ได้มีอาการทุรนทุราย กระสับกระสาย หรือร้องครวญครางให้ใครได้ยินเลย ท่านแสดงถึงความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว จนกระทั่งวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ หลวงปู่อยู่ในอารมณ์สมาธิ เงียบสงบ ลมหายใจแผ่วเบา และอ่อนลงตามลำดับ จนกระทั่งมรณภาพลง สิริอายุได้ ๙๐ ปี ๑ เดือน ๒๔ วัน พรรษา ๗๑
"... การปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะปฏิบัติแนวไหน สายไหน ก็ใช้ได้ทั้งนั้น สำคัญตรงที่เราปฏิบัติกันอย่างจริงๆจังๆ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะปฏิบัติในแบบภาวนาพุทโธ หรือ สัมมาอะระหัง หรือยุบหนอพองหนอ เป็นต้น แต่ละอย่างล้วนต่างก็ให้ผลดี คือทำจิตใจให้สงบระงับจากกิเลสอาสวะได้ทั้งสิ้น..." โอวาทธรรมคำสอนของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (หลวงปู่มหาสนั่น จันทปัชโชโต)
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น