ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เย็น อักโกธโน วัดหอก่อง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร


๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เย็น อักโกธโน ๏ 
     วันนี้วันที่ ๑๔ กรกฎาคม​ ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๘ ปี การละสังขารของ หลวงปู่เย็น อักโกธโน วัดหอก่อง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร หลวงพ่อ
พระครูชัยเขตคณาภิรักษ์ (เย็น อกฺโกธโน) พระสุปฏิปันโนที่สูงส่งด้วยภูมิธรรม มั่งคั่งในอริยทรัพย์อันเป็นลาภานุตตริยะของพุทธศาสนิกชน และทิฏฐานุคติแก่กุลบุตรได้ผู้หนึ่ง ถือกำเนิดในสกุลรามโยทัย นามเดิม เย็น รามโยทัย สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย เกิดเมื่อวันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๔ ค่ำเดือน ๔ ปีระกา ณ บ้านเลขที่ ๖๑ หมู่ที่ ๑ บ้านฟ้าหยาด ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายพันธ์ รามโยทัย มารดาชื่อนางจันทร์ รามโยทัย มีพี่น้อง ๖ คน คือ นางทองดี เคนเครือ นางสี รามโยทัย นางบุญมี สว่างวงษ์ ด.ญ.บ๊อก รามโยทัย พระครูชัยเขตคณาภิรักษ์และนายเคน รามโยทัย
          ด้วยปู่ย่าตายาย บิดามารดาและญาติพี่น้อง ล้วนแต่เป็นผู้ดำรงตนเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลทั่วไป ดำเนินชีวิตตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพ จีงเป็นแบบพิมพ์หล่อหลอมกล่อมเกลา ให้หลวงพ่อซึมซับรับการถ่ายทอด จนกลายเป็นคุณสมบัติทรงคุณค่า เมื่อมีอายุครบเกณฑ์การศึกษาหลวงพ่อเข้าเรียนและจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่๔ โรงเรียนฟ้าหยาดราษฏร์นิยม หลังจากนั้นก็เรียนรู้ทักษะการดำรงชีวิต โดยมีกิจการงานเกษตรกรรมของครอบครัวเป็นบทเรียนทำหน้าที่เกษตรกรด้วยความขยันขันแข็ง ในขณะที่ชีวิตดำเนินไปตามวิถีนั้น หลวงพ่อมีความคิดที่แตกต่างจากเพื่อนและกลุ่มคนที่มีวัยใกล้เคียงกัน แม้เมื่อก้าวเข้าสู่วัยฉกรรจ์ก็ดี ซึ่งคนอื่นจะเข้าสุ่เวทีชีวิตที่ท้าทายและโลดโผน ส่วนหลวงพ่อนั้นเฝ้าแต่คิดำนึงใน เรื่องของบาปบุญคุณโทษ ความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี บิดามารดาและผู้มีพระคุณ ในดวงจิตของท่านทอประกายวาววับรับรู้และใคร่ในพระธรรมเกิดความตั้งใจที่จะแน่วแน่ว่า ตนเองนั้นเหมาะที่จะเข้าไปสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นศิษย์ตถาคตอันเป็นความท้าทายทางจิตใจ

เมื่อได้บอกจุดประสงค์นี้แก่บิดามารดา ได้สร้างความปีติยินดีและเห็นดีเห็นงามเป็นอย่างยิ่ง เพราะนั้นคือสิ่งที่บิดามารดาปรารถนาและคิดที่จะให้ลูกชายทุกคนได้บวช เพื่อจะได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่สวรรค์ ท่านจึงได้อุปสมบทในพระบวรพุทธศาสนา ครั้งที่๑ เมื่อพ.ศ.๒๔๙๙ ที่วัดหอก่อง บ้านฟ้าหยาด ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดอุบลราชธานีปฏิบัติสมณะธรรมจำพรรษา ณ วัดหอก่อง หลังจากได้อุปสมบทดั่งใจปรารถนาแล้ว หลวงพ่อได้ศึกษาพระธรรมวินัย และวัตรปฏิบัติของสมณะอย่างเอาเป็นเอาตาย ประดุจกระหายในสิ่งที่อยากมานาน ทั้งได้ศึกษาเล่าเรียนหลักสูตรนักธรรมที่สำนักเรียนวัดหอก่องจนแตกฉานทั้งสองอย่าง สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.๒๕๐๐ นักธรรมชั้นโท พ.ศ.๒๕๐๑ และนักธรรมชั้นเอก พ.ศ.๒๕๐๒ ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ เห็นภาวะวิกฤติความยากลำบากเข้ามาเบียดเบียนบิดามารดา บังเกิดความสงสารจนไม่สามารถจะอยู่นิ่งเฉยได้ ใต้จิตสำนึกคอยตำหนิตนอยู่เสมอว่าด้อยความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ให้กำเนิด จึงตัดสินใจลาสิกขา เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร ขุมทรัพย์ของคนหนุ่มสาวในสมัยนั้น ด้วยความขยันขันเแข็งและมัธยัสถ์ จึงเก็บออมเงินได้พอสมควร ในขณะที่ตรากตรำทำงาน ได้พบเห็นความวุ่นวายที่มีคนเป็นตัวละครอันหาความสุขสงบไม่ได้ ซึ่งตนก็เป็นตัวละครแสดงร่วมกับเขาด้วย ครั้นใคร่ครวญถ้วนถี่ประกอบกับคิดว่าเงินที่หาได้ น่าจะพอจุนเจือแก้ไขสถานการณ์ของครอบครัวให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้บ้างตามควรประกอบกับจิตที่ยังนิวรณ์ดื่มด่ำในพระธรรมที่สัมผัสขณะอุปสมบทปฏิบัติสมณะธรรมครั้งแรกนั้น จึงละทิ้งงานที่กำลังเจริญก้าวหน้ากลับสู่ภูมิลำเนา เมื่อมอบเงินให้บิดามารดาแล้ว จึงได้แจ้งความประสงค์ที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีก ซึ่งก็ได้รับอนุญาตและอนุโมทนาเช่นเดิม การอุปสมบทครั้งที่๒ จึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.๒๕๐๕ ที่วัดหอก่อง มีพระครูชโยบลบริบาล(ทองจันทร์ กาญฺจโน) เจ้าคณะอำเภอมหาชนะชัย(ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดหอก่อง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระใบฏีกาคำแก่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อเดินเข้าสู่อุโบสถนั้น จิตสำนึกพร่ำบอกกับตนว่าจะถือเพศบรรชิตไปนานเท่านานจนกว่าจะหมดบุญวาสนา ครั้งเมื่อพิธีอุปสมบทเสร็จสิ้นลง มีผ้ากาสาวพัสตร์ห่อหุ้มกายแล้ว เกิดความปิติอัศจรรย์ใจมีพลังพุ่งสูงสุดไปหยุดสว่างวับจับดวงจิต สติระลึกรู้และสัมปชัญญะรู้ตัวอย่างมุ่งมั่นว่า การอุปสมทบครั้งนี้ คือความยิ่งใหญ่อันหาความยิ่งใหญ่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

จึงตั้งปณิธานอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ครั้งนี้ขอเป็นการบวชครั้งสุดท้าย ขอตายจากกิเลสและขอตายจริงตามอายุขัยในเพศบรรชิต ครั้งตั้งสัจจาธิษฐานดั่งนี้แล้ว จิตพลันสงบเยือกเย็นมองเห็นตนเองอยู่ในสถานะสัตบุรุษ อันน้อมเศียรเกล้าสักการะและยึกเหนี่ยวเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง การปฏิบัติกิจสมณะเป็นไปอย่างอุกฤษฏ์ เป็นที่ถูกจริตตนเองและเป็นที่ต้องตาต้องใจ ของพระครูชโยบลบริบาล(ทองจันทร์ กาญฺจโน) ที่เป็นเสมือนพ่อทางธรรม จึ่งได้รับความไว้วางใจ ให้ปฏิบัติหน้าที่ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอมหาชนะชัย(ธรรมยุต) เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ ซึ่งก็น้อมเอาภารธุระนั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต งานมากขึ้นแต่สติ มั่งคงและปัญญาบังเกิด จึงเป็นศาสตราให้ฝ่าฟันผ่านพ้นอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ งามมีประสิทธิภาพสำเร็จเป็นที่พึงพอใจและเชื่อถือกิตติคุณและภารกิจ ด้วยความที่เป็นคนจริงจัง จริงใจ ไม่เคยย่อท้อและเหน็ดเหนื่อยต่อตวามยากลำบาก อันเกิดจากเบ้าหลอมและการฝึกฝนตนเองก่อนมาอยู่ในเพศบรรพชิต ทั้งความรู้ความสามารถที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องอย่างแหลมคม หลวงพ่อจึงได้รับภารธุระในการดำรงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ภาระกิจและสมณะศักดิ์

          ๑.พ.ศ.๒๕๑๕ พระครูฐานานุกรมของพระศรีธรรมวงศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี(ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดสุปัฏนารามวรวิหาร ที่พระครูสมุห์เย็น อกฺโกธโน
          ๒.ได้รับแต่งตั้งและเลื่อนสมณะศักดิ์พัดยศ ที่พระครูชัยเขตคณาภิรักษ์ ดังนี้
               ๒.๑ พ.ศ. ๒๕๓๖ พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี
               ๒.๒ พ.ศ. ๒๕๔๑ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท
               ๒.๓ พ.ศ. ๒๕๔๖ พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก

งานคันถธุระ
        
          ๑. พ.ศ. ๒๕๑๕ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอมหาชนะชัย(ธรรมยุต)
          ๒. พ.ศ. ๒๕๓๑ เจ้าอาวาสวัดหอก่อง
          ๓. พ.ศ. ๒๕๓๒ เจ้าคณะตำบลฟ้าหยาด(ธรรมยุต)
          ๔. พ.ศ. ๒๕๓๓ พระอุปัชฌาย์
          ๕. พ.ศ. ๒๕๓๙ เจ้าอาวาสวัดศรีวีรวงศาราม บ้านโนนทราย ตำบลโนนทราย อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร
          ๖. พ.ศ. ๒๕๕๒ เจ้าอาวาสวัดหอก่อง เจ้าคณะตำบลฟ้าหยาด(ธรรมยุต)

ขณะศึกษาพระธรรมวินัย การประพฤติของการเป็นศิษย์ตถาคตที่ดีนั้น ได้สมาทานธุดงค์เยี่ยมป่าช้าเป็นนิตย์ ได้ถือป่าช้าวัดหอก่องเป็นสถานที่ปฏิบัติ เดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิบ้าง พิจารณาถึงไตรลักษณ์บ้าง ซึ่งได้รับความเมตตาแนะนำและเป็นผู้นำพาจากหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาล มีพระบัลลังก์ ฉินฺนอนฺโธ(เจ้าคุณพระวินัยสุนทรเมธี เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทยโสธร ในปัจจุบัน) ร่วมสมาทานธุดงค์ด้วย กาลต่อมา ได้นึกถึงความปรารถนาในการธุดงค์ที่มากกว่าการเยี่ยมป่าช้า คือการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานในป่าใหญ่เขาสูงทุรกันดารสงัดวิเวกและห่างไกลผู้คน อันจะเป็นการฝึกจิตฝึกใจฝึกกายให้ทนต่อสภาพความยากลำบาก เพื่อผลแห่งการบรรลุโมกธรรมอันเป็นทางสู่ความหลุดพ้น ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙ จึงพร้อมด้วยพระบัลลังก์ ฉินฺนอนฺโธ ขออนุญาตต่อหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาล ซึ่งได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับความเมตตาแนะนำด้วยความห่วงใยจากพ่อผู้ให้กำเนิดทางธรรมอย่างพ่อห่วงลูก เช่นการประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสม ความสงบเสงี่ยมอันเป็นมารยาทของผู้น้อย บังเกิดความซาบซึ่งตรึงจิตอย่างยิ่ง
          เมื่อพร้อมแล้ว จึงได้กราบนมัสสการลาเดินทางสู่การธุดงค์ พร้อมกับพระอาจารย์สัมฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดศรีวีรวงศาราม บ้านโนนทราย ตำบลโนนทราย อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ไปสมทบกับพระเมือง พลวฒฺฑโน เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาท บ้านดงเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชมุนี(โฮม โสภโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม พระมหาเถระผู้มีคุณูปการสูงส่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภาคอีสาน โดยเฉพาะการฟื้นฟูตั้งวัดพระพุทธบาทยโสธร และการตั้งวัดศรีวีรวงศาราม หลังจากได้รับความเมตตาให้คำแนะนำและอำนวยพรให้ข้ามฝั่งโอฆสงสารถึงโมกธรรมอันปรารถนาแล้ว จึงมุ่งสู่ภาคเหนือของประเทศไทย ด้วยความสรัทธาและกล้าหาญ

จุดหมายปลายทางแรกและเป็นเป้าหมายหลักที่จะขอความเมตตา คือ หลวงปู่แหวน สุจิณโน พระมหาเถระอริยสงฆ์ พระอริยเจ้าแห่งแผ่นดินล้านนา บิดาของการปฏิบัติกัมมัฏฐานธุดงค์ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อได้กราบสักการะ นมัสสการ พลันให้บังเกิดความปีติคลายเหนื่อยจากการเดินทาง โดยได้รับความเมตตาสนับสนุนชี้แนวทางและให้กำลังใจ อนุญาตให้พำนักอยู่ในวัดดอยแม่ปั๋งระยะหนึ่งก่อนเข้าพรรษาในปีนั้นจึงแยกทางกับสัทธิวิหาริกที่เดินทางไปพร้อมกันจาริกธุดงค์ไปพำนักภาวนาปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานในป่าบ้านแม่ผักแระ หมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นสหธรรมิกกับพระประสงค์ ที่มีภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ (ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดป่านาบุญ จังหวัดเชียงใหม่) ส่วนพระอาจารย์สัมฤทธิ์ พระเมือง พลวฒฺฑโน และพระบัลลังก์ ฉินฺนอนฺโธ ได้เดินธุดงค์ไปอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ วกกลับจนถึงจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงแยกย้ายกลับวัดระหว่างทีปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานธุดงค์นั้น ได้ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อพระเดชพระคุณเจ้าคุณพระราชมุนี ทำให้เกิดความสะเทือนใจอย่างยิ่ง แต่ก็ตัดความรัดรึงเหนี่ยวรั้งใจนั้นลงเสีย เดินสู่แดนแห่งโมกขธรรมด้วยความมุ่งมั่น
         
           การปฏิบัติกัมมัฏฐานธุดงค์ครั้งนี้ หลวงพ่อพร้อมกับพระประสงค์ สหธรรมิกได้รับความอนุเคราะห์จากชาวบ้านแม่ผักแระซ่อมแซมกระท่อมที่พักให้หลังเล็กๆ อยู่เชิงเขาภูด้ามพร้า ที่พระธุดงค์รูปก่อนๆ เคยมาพักปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน โดยปฏิบัติตามแนวทางด้วยความมานะพากเพียรเช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนา สวดมนต์ และโปรดชาวบ้านด้วยการออกรับบิณฑบาต เทศนา บรรยายธรรมแนะนำการประพฤติปฏิบัติของพุทธศาสนิกชน เปลี่ยนความคิดความเชื่อเรื่องภูตผีเป็นความเชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา โดยกำหนดว่า จะยึดเอาที่ปฏิบัติธรรมบ้านแม่ผักแระเป็นหลักในบางโอกาสที่เหมาะสมจะเปลี่ยนทีปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานเพื่อโปรดชาวบ้านที่ไม่สามารถมาถึงได้แต่เป็นเพียงระยะสั้น ๆ ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับและอำนวยความสะดวกนทุกแห่งที่ไปถึงเสมอครั้งที่พระธุดงค์แวะเวียนมาพักปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเป็นเวลา ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง เช่นพระประสิทธิ์ ลูกศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ชาวเชียงใหม่ที่ออกปฏิบัติกัมมัฏฐานธุดงค์พร้อมกันแต่ปลีกธุดงค์ไปที่ป่าอื่น(ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดป่าหมูใหม่ จังหวัดเชียงใหม่) แวะเวียนมาสนทนาธรรมบ่อยๆ

ครั้งหนึ่งได้พิจารณาถึงการดำเนินชีวิตที่ยากลำบากของชาวเขา บ้านผักแระที่อุปถัมภ์หลวงพ่ออยู่นั้น โดยพวกเขาจะปลูกบ้านอาศัยที่เชิงเขา(ดอย) แต่ที่ดินทำกินบางส่วนจะอยู่บนดอยและเก็บรักษาผลผลิตไว้บนดอยนั้น เมื่อจะทำไร่ปลูกพืชผักและจะนำผลผลิตมาใช้ก็ต้องเดินทางขึ้นลงดอย มีม้าต่างบ้าง เดินเท้าบ้าง ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นแรงงาน ทั้งเอาผ้าหอมัดลูกไว้แนบอกและแบกของบนหลังเทินของบนศีรษะ ทางเดินแสนขรุขระเป็นที่น่าสงสารมาก จึงได้ออกกุศโลบายว่า จะขอขึ้นไปพักปฏิบัติธรรมบนยอดดอย เมื่อมาบิณฑบาตก็ดี มาช่วยเหลือชาวบ้านก็ดี ก็คงไม่ลำบากเกินจะทำได้ ซึ่งชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือ สร้างกระท่อมที่พักบนยอดดอยภูด้ามพร้านั้น ด้านหลังกระท่อมจะเป็นเหวลาดดิ่งจากยอดดอยลึกมาก หากไม่ระวังก็จะพลัดตกได้ เมื่อเห็นความเอาจริงของหลวงพ่อ จึงช่วยกันปรับปรุงเส้นทางขึ้นลงเขานั้นให้สะดวก ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน ในที่สุดก็กลายเป็นถนนที่สามารถใช้เดินทางอย่างสะดวกทั้งสามารถเชื่อมโยงต่อต่อกับหมู่บ้านอื่นถัดไปได้ดีขึ้น เดิมใช้เวลาเดินทางทั้งขึ้นลงเกือบสองชั่วโมง เมื่อได้ถนนใหม่จะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น กุศโลบายนี้ ถือเป็นอานิสงส์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน หลวงพ่อยิ่งได้รับความศรัทธามากขึ้น

          ความลำบากในการดำรงชีวิตไม่ใช่อุปสรรคปัญหาแต่อย่างใด กลับเป็นเสมือนแรงผลักดันให้เกิดความมานะ ถึงบางครั้งจะขาดแคลนจวนเจียน ก็มีสหธรรมิกและญาติโยมจากเชียงใหม่ส่งกัปปิยภัณฑ์และสิ่งของไปให้ตามควรพอก้ไขไปได้บ้าง การอยู่อย่างสมถะทำให้ตัดความยุ่งยากกังวลลง ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียรภาวนาปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานอย่างอุกฤษฏ์ จนเป็นที่เลื่องลือว่า ในป่าบริเวณที่หลวงพ่อแผ่เมตตาจิตและพำนักอยู่จะล่าสัตว์ป่าไม่ได้ ทำให้นักล่าสัตว์ป่าแถบนั้นไม่พอใจ จนในค่ำคืนวันหนึ่งมีเหตุการณ์ระทึกใจยากที่จะคาดเดาว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ กล่าวคือ ขณะที่หลวงพ่อบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ในที่พักอันไม่มั่นคงแข็งแรงสามารถป้องกันอันตรายได้ มีฝาฝนังและพื้นทำด้วยฟากไม้ไผ่และหลังคาที่มุงด้วยหญ้า บางครั้งมุงด้วยไม้ไผ่ผ่าครึ่งคว่ำหงายรับกันสับเปลี่ยนตามสภาวะ ซึ่งใช้ประโยชน์เพียงกันแดดลมและฝนเท่านั้น มีนักล่าสัตว์จำนวนหลายคนพกพาอาวุธมาข่มขู่เอาชีวิตบังคับให้ถอนตัวออกจากป่านั้นเสีย ครั้งหลวงพ่อไม่ตอบโต้ ก็ระดมยิงปืนใส่กระท่อมที่พักอย่างหูดับตับไหม้ประดุจเกิดสงคราม หลวงพ่อได้กำหนดจิตเป็นสมาธิสูความสงบ น้อมเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ และตั้งจิตอธิฐานรำลึกถึงความเมตตาที่ตนเองมีต่อสัตว์ร่วมโลกอย่างมั่นใจว่า ตลอดชีวิตไม่เคยคิดประทุษร้ายและทำลายชีวิตหนึ่งชีวิตใดให้สิ้นไปแม้แต่น้อย หากถึงวาระต้องสิ้นไปด้วยกรรมเก่าในอดีตชาติก็ยินดีชดใช้กรรมนั้นอย่างไม่ต่อรองใดๆ

เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรงที่ประสงค์ต่อชีวิตตน ณ เวลานั้น จึงได้ตั้งจิตเป็นสมาธิดิ่งสู่ญาณสมาบัติ สวดมนต์ภาวนาจนถึงวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่านักล่าสัตว์ได้อันตรธานไปแล้ว หลวงพ่อจึงได้ออกจากกระท่อมมาตรวจดูบริเวณโดยรอบ พบเครื่องกระสุนที่ยิงมาจากอาวุธทันสมัยและมีอานุภาพการทำลายสูงจำนวนมากระจายเป็นบริเวณกว้าง แต่กระนั้นก็ไม่มีอาวุธใดระคายผิวกายหลวงพ่อแม้แต่น้อย เวลานั้นหลวงพ่อได้สงบนิ่งในอิริยาบถยืน มือประสานหลับตาทอดอารมณ์สู่ความสงบอีกครั้ง น้อมคารวะสูงสุดต่อพระรัตนตรัยและบิดามารดาครูบาอาจารย์อย่างปีติเต็มดวงใจ ที่คุ้มครองให้ปลอดภัย คร้งหน่งประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๔ เกิดไฟป่าลามถึงกระท่อมที่พักอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนเก็บบริขารไม่ทัน หนังสือสุทธิเอกสารสำคัญถูกเผาไหม้ หลวงพ่อได้เขียนจดหมาย ขอให้หลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาลออกหนังสือสุทธิให้ใหม่ ซึ่งก็ได้รับความเมตตาอย่างยิ่ง

          กับวันเวลาที่ล่วงไปนั้น แม้ได้รำลึกถึงบิดามารดาและผู้ให้กำเนิดทางธรรม คือหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาลอยู่เสมอมิได้ขาด แต่ก็ไม่มีกังวลใดๆ ได้ทราบข่าวบ้างว่ามีญาติโยมตามหา มีความประสงค์จะนิมนต์ไปช่วยงานวัดหอก่อง แต่หลวงพ่อก็ไม่แสดงตัวให้ทราบว่าอยู่ที่ใด เพราะใจนั้นมุ่งหวังให้ถึงโมกธรรมเพื่อการหลุดพ้นและจะไม่กลับบ้านเลยตลอดชีวิต วันหนึ่งใน พ.ศ.๒๕๒๕ ขณะที่บำเพ็ญเพียรภาวนา ได้บังเกิดนิมิตเห็นหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาลบ่อยครั้ง ได้ร่วมสวดมนต์ทำวัตรทุกวันและเดินทางไปกับท่านในการรับกิจนิมนต์ บางครั้งเห็นเป็นไฟป่าไหม้กระท่อมที่พักและเครื่องบริขาล นิมิตนั้นประดุจว่าเกิดขึ้นจริงตรงหน้า ครั้นใคร่ครวญถึงเหตุและน่าจะมีผลอย่างไร ก็ให้ระลึกถึงเป็นอันมาก อยากจะได้กราบนมัสสการใกล้ชิดประดุจลูกอยากพบพ่อ ต่อมาได้ทราบข่าวว่า หลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาลถึงแก่มรณภาพ ในวันที่ ๑๘ กรกฏาคม ๒๕๒๕ ก็ได้แต่รำพึง รำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ และน้อมอุทิศกุศลผลบุญอันเกิดแต่การบำเพ็ญเพียรภาวนาปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานตลอดมา เป็นพลวปัจจัย นำดวงวิญญาณของหลวงพ่อพระครูยโยบลบริบาลไปสถุต ณ สุคติภูมิเป็นนิรันดร์

พ.ศ. ๒๕๒๘ ปีที่ ๑๐ ของการธุดงควัตร หลวงพ่อได้พิจารณาใคร่ครวญถึงการปฏิบัติวัตรธุดงค์และผลที่ได้รับ ก็พบว่า มีความไพบูลย์ตามควรแก่วาสนาแล้ว ทั้งขณะนั้น มีความรำลึกถึงหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาลแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว รวมทั้งบุคคลและสถานที่ที่มีคุณูปการต่อตนเอง รุมเร้าจิตใจเป็นอย่างมาก สมควรได้กลับไปสักการะมนัสการ และตอบแทนพระคุณบ้าง จึงได้เดินทางกลับวัดหอก่องในเดือนเมษายนปีนั้น โดยยังมีความคิดว่าเมื่อได้ทำในสิ่งที่ใจปรารถนาครบถ้วยแล้วก็จะเดินทางธุดงควัตรอีก เมื่อกลับถึงวัดได้รีบไปกราบสักการะอัฐิฐาตุของหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาล ที่บรรจุในโกศทองหลังพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๗ หมอบด้วยเคียรสักการะด้วยความเคารพสูงสุด และตั้งสัจจาธิษฐานว่าจะถวายความกัญญูกตเวที ด้วยการช่วยเจ้าอาวาสดูแลพัฒนาวัดหอก่องให้เจริญรุ่งเรือง ดังที่ได้ส่งดวงจิตไปจนเกิดนิมิตขณะปฏิบัติกัมมัฏฐานธุดงค์ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ดำเนินงานสร้างสรรค์วัดหอก่องดังสัจจาธิษฐาน ปฏิบัติสมณะธรรมต่อเนื่องจากวัตรธุดงค์อย่างเคร่งครัด ครั้งเห็นว่ายังไม่เต็มที่กับความตั้งใจสนองนิมิตหลวงพ่อพระครูชโยบลบริบาล ประกอบกับญาติโยมได้นิมนต์แกมบังคับให้อยู่ประจำ ณ วัดหอก่องต่อเนื่องไป หลวงพ่อจึงตัดสินใจยุติความตั้งใจเดิมที่จะปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานธุดงค์ ณ ป่าใหญ่เขาสูงอีก จะมีบ้างเพื่อทบทวนก็คือการไปในระยะสั้นๆ

          พ.ศ.๒๕๓๑ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหอก่อง ปฏิบัติหน้าที่พระอธิการสมบูรณ์แบบ ศรัทธาหลั่งไหลสู่วัด มีความเจริญรุ่งเรื่องเป็นลำดับ ปี พ.ศ.๒๕๓๙ วัดศรีวีรวงศาราม บ้านโนนทราย ตำบลโนนทราย อำเภอมหาชนะชัย ถือเป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ กล่าวคือ พระราชมุนี(โฮม โสภโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ก่อตั้ง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ เสด็จประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ ว่างเจ้าอาวาส ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าหลวงพ่อพระครูชัยเขตคณาภิรักษ์เป็นผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด เพื่อสืบสานงานหน้าที่พระอธิการ การปกครองสงฆ์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา และพัฒนาวัดสมกับเป็นวัดสำคัญนี้ หลวงพ่อพระครูชัยเขตคณาภิรักษ์จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีวีรวงศาราม ดำรงตำแหน่งจนถึงปี พ.ศ.๒๕๕๒ ตลอดระยะเวลาที่เป็นเจ้าอาวาส ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรื่องเป็นลำดับมา เช่น การสร้างกุฏิคุณแม่สุวรรณี มังคละพฤกษ์ เป็นต้น และเป็นที่นับถือเคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างยิ่ง.

"พระครูชัยเขตคณาภิรักษ์(หลวงปู่เย็น อกฺโกธโน) เมื่อคราวยังเป็นพระหนุ่มนั้น ท่านธุดงค์จาริกไปด้วยความเข้มงวด เต็มไปด้วยความอดทน อยู่ในป่าเขาถิ่นทุรกันดารกับชาวเขากะเหรี่ยง-มูเซอ ปฏิบัติอย่างอุกฤษเอาจริงเอาจังจริงๆ "

หลวงปู่เย็น อักโกธโน วัดหอก่อง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ละสังขารลงด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น. ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙

--------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco