ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร วัดสีหะลำดวน อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร ๏
วันนี้วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๗ ปี การละสังขาร พระครูวิเชียร หลวงตาวิเชียร ธัมมสาโร หรือ หลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร วัดสีหะลำดวน อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ หลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร "พระผู้มีพลังจิตแก่กล้า" ท่านเป็นทายาทธรรมของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล และ ท่านพ่อลี ธัมมธโร ท่านมีชาติกำเนิดในสกุล “บุญภา” เดิมชื่อสิงห์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๗๒ ณ บ้านตางมาง ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ โยมบิดาชื่อ นายคำ นามสกุล บุญภา โยมมารดาชื่อ นางปุย นามสกุล บุญภา
ขณะคลอดออกมา ตัวของท่านจะมีหนังบาง ๆ ห่อหุ้มตัวออกมาด้วย พ่อของท่านจึงนำหนังนั้นไปตากแดด และย่างเก็บไว้จนท่านถึงเวลาทานข้าวได้ จึงนำหนังนั้นให้ท่านกิน เนื่องจากวันเดือนปี ที่ท่านคลอดออกมา หมอดูทำนายว่าท่านเป็นเด็กไม่ดี ไม่เป็นมงคลจะต้องนำไปถวายพระ มิฉะนั้นจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน พออายุ ๕ ขวบ พ่อของท่านจึงนำไปขายให้หลวงพ่อจูม แห่งวัดบ้านดงถาวร
หลังจากนั้น เด็กชายสิงห์ ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านกับวัด เมื่ออยู่วัดก็ได้เรียนหนังสือกับพระ พออายุ ๗ ขวบเริ่มเรียนวิชากับปู่แป้น ซึ่งเป็นปู่แท้ ๆ ของท่าน โดยเรียนอักขระ มูลกัจจายนะ และวิชาอาคมที่ใช้ในการดำรงชีพของส่วย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวกุย
สำหรับหลวงพ่อจูมนั้น ท่านเป็นเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ เก่งในเรื่องสักยันต์ ส่วนปู่แป้นเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ เป็นครูธรรมที่ชาวบ้านเคารพนับถือและยกย่องในวิชาอาคม เมื่อเด็กชายสิงห์อายุ ๑๑ ขวบ พ่อก็เสียชีวิต ต่อม่อีก ๑ ปี ปู่แป้นก็เสียชีวิต จึงได้ศึกษาวิชาอาคมต่อกับหลวงพ่อจูมจวบจนอายุ ๒๐ ปี ได้ลาหลวงพ่อจูมไปทำงานที่บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ประมาณ ๒ ปี จึงกลับ พออายุได้ ๒๓ ปีเต็ม หลวงพ่อจูมเห็นว่า นายสิงห์ โตเป็นหนุ่มถึงเวลาที่จะมีครอบครัวได้แล้ว จึงจัดการแต่งงานให้
เมื่อแต่งงานได้ ๒ ปี ก็เกิดเหตุที่ท่านถูกกล่าวหาว่าขโมยควาย ท่านจึงต้องหนี หลวงพ่อจูมมอบเงินให้ท่านเดินทางออกจากหมู่บ้านไป ท่านจึงเดินทางกลับไปบางบ่ออีกครั้งหนึ่ง โดยไปทำงานกับคุณนายกิมหงส์ ซึ่งเป็นโยมอุปฐากของหลวงพ่อลี ธมฺมธโร เป็นผู้ถวายที่จำนวน ๔๐๐ ไร่ ให้หลวงพ่อลีสร้างวัดอโศการาม คุณนายกิมหงส์จึงพาท่านไปช่วยงานอยู่กับหลวงพ่อลี
ระหว่างที่อยู่กับหลวงพ่อลี ท่านได้รับการสอนเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และหลวงพ่อลีทราบโดยฌาณของท่านถึงบุญบารมีที่สะสมมาแต่อดีตชาติและเห็นอนาคตของนายสิงห์ จึงขอให้ท่านบวชโดยบอกกับท่านว่า ถ้าบวชก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านจะสำเร็จอรหันต์อย่างรวดเร็ว และแน่นอน แต่ถ้าท่านบวชหลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านจะริบหรี่ ๆ เหมือนแสงหิ่งห้อย นั่นคือจะใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จ แต่ว่าท่านจะมีฤทธิ์มาก
ระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย ได้เดินทางมาจากวัดป่าคลองกุ้งเพื่อมาถามหลวงพ่อลีว่า จะสร้างวัดที่ไหนดี มีคนเขาบริจาคที่ให้ ๒ ที่ หลวงพ่อลีจึงบอกให้สร้างที่เขาหัวอีกิม ( ภายหลังหลวงพ่อสมชายเปลี่ยนชื่อเป็นเขาสุกิม ) เมื่อหลวงพ่อสมชายเดินทางกลับได้ชวนนายสิงห์ไปวัดป่าคลองกุ้งกับท่านด้วย ท่านจึงตามหลวงพ่อสมชายไปรวมเวลาที่อยู่กับหลวงพ่อลี ๒ ปี
เมื่อไปอยู่กับหลวงพ่อสมชายได้ ๒ เดือน มีคนจากภาคใต้มาหาแรงงานเพื่อไปทำงานเหมืองแร่ที่จังหวัดพังงา ท่านเล็งเห็นว่าชีวิตยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันควรจะทำงานทำการจึงสมัครไปทำงานเหมืองแร่ที่จังหวัดพังงา
มาอยู่พังงาได้ ๔ ปี ท่านจึงมีภรรยาอีกคนหนึ่งเป็นแม่หม้ายลูกติด แต่ท่านไม่ได้มีลูกกับภรรยาคนนี้ อยู่กินกันมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๑๒ ก็เกิดมีเหตุการณ์ที่เป็นมูลเหตุสำคัญทำให้ชีวิตของท่านต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ ขณะที่อายุครบ ๔๐ ปี ท่านได้อุปสมบทที่วัดบ้านตรึม ต.ตรึม อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ โดยมีหลวงพ่อลา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจูม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สังกัดมหานิกาย ต่อมา พ.ศ.๒๕๒๖ พรรษาที่ ๑๓ เป็นช่วงเวลาที่หลวงปู่ดูลย์ เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช หลวงปู่ดูลย์ได้บัญชาคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติในขณะนั้นว่าให้รีบทำการญัตติพระมหานิกายองค์เล็กๆ นั้นให้เร็วที่สุด
โดยพรรษาแรกในฝ่ายธรรมยุติ หลวงปู่ดูลย์ได้ให้หลวงตาไปจำพรรษาอยู่วัดป่าไตรวิเวก กับหลวงปู่สาม อกิณฺจโน เนื่องจากหลวงปู่ดุลย์ท่านได้บอกว่า วัดป่าไตรวิเวก เป็นสถานที่เหมาะแก่การภาวนาเป็นอย่างยิ่ง และท่านได้ปฏิบัติภาวนากับหลวงปู่สาม ที่วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์
พรรษา ๒ หลวงตาวิเชียร ธมฺมสาโร ได้จำพรรษาอยู่วัดบวรสังฆาราม (วัดป่าหน้าเรือนจำ) จ.สุรินทร์ กับ หลวงพ่อคืน ปสนฺโน ในพรรษานี้มี หลวงพ่อกิม ทีปธมฺโม ร่วมจำพรรษาด้วย พรรษา ๓ ได้กลับมาบ้านเกิด มาสร้างวัดป่าหนองคูโบสถ์ โดยมีหลวงปู่สามเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น และต่อมาหลวงปู่สามได้มอบหมายให้หลวงตาวิเชียรดำรงตำแหน่งเป็นจ้าอาวาสมาถึงปัจจุบัน
พ.ศ.๒๕๔๘ คณะศิษย์ศรัทธา โดยคุณตาฉลอง สีหะวงศ์ คุณแม่จิต สีหะวงศ์ ได้ถวายที่ดินสร้างวัดสีหะลำดวน หลวงตาจึงนำคณะศรัทธาสร้างถาวรวัตถุมากมายในวัดสีหะลำดวนจนกระทั่งถึงปี ๒๕๕๗ ปัจจุบันนี้และในปี ๒๕๕๖ หลวงตาวิเชียร ท่านก็ได้เมตตาอนุญาตให้คณะศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นอายุวัฒนะมงคล ๘๕ (ครบรอบ ๘๕ ปี) หลวงตาวิเชียร ธมฺมสาโร ที่วัดสีหะลำดวน
ปลาย พ.ศ.๒๕๕๗ ท่านได้ล้มป่วยขึ้นกะทันหันและได้พักรักษาตัวที่วัดสีหะลำดวนเป็นต้นมา ด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพระอาจารย์จำเนียร อริโย เจ้าอาวาสวัดสีหะลำดวน และคณะศิษย์พร้อมด้วยลูกหลานต่างก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จึงทำให้หลวงตาท่านมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ นับว่าเป็นโชคดีของชาวจังหวัดสุรินทร์เป็นอย่างมากที่ได้ใกล้ชิดอุปัฏฐากครูบาอาจารย์มาโดยตลอด ล้วนแต่เป็นเนื้อนาบุญแห่งดินแดนเมืองช้างที่ให้ลูกหลานได้กราบไหว้พระอริยสงฆ์และสร้างกุศลเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาในกาลต่อไป
หลวงปู่ท่านจะดูเป็นที่เกรงขาม พูดน้อยหรือบางครั้งไม่พูดเลย ท่านว่าเป็นฆราวาสก็อย่าให้ขาดศีลก็อย่าให้พร่องเป็นคนรักษาศีล ๕ ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งจะเป็นคนที่สมบูรณ์ไม่ได้ การรักษาศีลไม่ใช่ แต่การสมาทาน แต่ศีลคือของละเอียดลออพิจารณาศีลให้ลึกให้เข้าใจคำว่าศีล จากทำหยาบรักษาหยาบๆ ก็ทำให้ละเอียดขึ้น ทุกวันนี้คนเราไม่มีศีลไม่มีธรรม ทุกคนก็พากันเดือดร้อนต่างก็ไม่สนใจในสิ่งที่ตนควรถือปฏิบัติ อย่างน้อยๆ ก็ควรถือศีล ๕ ให้ได้พิจารณาด้วยปัญญาแล้วคนเราก็จะมีศีลที่สมบูรณ์
พระสมัยนี้จะหาท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ยาก อยากจะทำบุญใส่บาตรกับพระอริยสงฆ์ก็ยากยิ่งอยู่ ในเมืองโอกาสก็ยิ่งยาก และจะทำอย่างไรจะได้มีโอกาสทำบุญกับพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงปู่ท่านได้เมตตาตอบว่า พระสงฆ์องค์เจ้าท่านก็บวชมาเพื่อละเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ถ้าเราทำบุญอย่าทำที่บุคคลให้ทำที่จิตเราทำเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา เช่น เรารู้ว่าพระรูปนี้ไม่ได้อยู่ในศีลธรรม แต่ถ้าเราชาวพุทธไม่ทำใครจะมาทำเพื่อสืบศาสนา เราใส่บาตรก็ใส่บาตรพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้นก็เกิดกุศลผลบุญแล้ว อย่ามองที่ตัวบุคคล การทำบุญให้มองที่เจตนาจิตที่บริสุทธิ์ของตนที่ตั้งใจดีแล้ว
หลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร ได้ละสังขาร ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลาประมาณเที่ยงวัน สิริอายุ ๘๘ ปี ( ๓๓ พรรษา เฉพาะพรรษาที่ญัติติเป็นธรรมยุติ)
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
กราบขอบพระคุณข้อมูลจาก FB พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น