ชีวประวัติ ปฏิปทาพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส ปทุมวัน กรุงเทพฯ


๏ ประวัติและปฏิปทา พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) ๏ 
     วันนี้ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๙๒ ปี ของท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์(หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นนักปราชญ์เมืองอุบลฯ หนึ่งในสัทธิวิหาริกของ ท่านเทวธัมมี ม้าว ผู้สืบสายการปฏิบัติวงศ์ธรรมยุตินิกายทางภาคอีสานให้แพร่หลาย ท่านเจ้าคุณฯชำนาญทั้งฝ่ายคันธาถุระ และวิปัสสนาธุระ ท่านเป็นผู้ชักชวนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ให้ขึ้นไปเผยแผ่ธรรมทางภาคเหนือ จนได้ลูกศิษย์ทางภาคเหนือเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยัง ยังผลทำให้หลวงปู่มั่น ได้ไปบรรลุธรรมอรหัตผล ณ ถ้ำดอกคำ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์(หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) เป็นพระเถระอาวุโสที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ให้ความเคารพเลื่อมใส ดังคำเทศนาที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวไว้คือ.. “หลวงปู่มั่น เคารพท่านมากนะ เคารพท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ พูดคำไหนๆ แย็บออก รู้ทันที ท่านพูดด้วยความเคารพเลื่อมใส ด้วยความเทิดทูนจริงๆ คือท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านหนักทั้งปฏิบัติด้วย ทั้งปริยัติด้วย ท่านเป็นแบบฉบับได้ เฉพาะอย่างยิ่งทางด้านปริยัตินำกัมมัฏฐาน คือ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์”

และท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ก็ได้กล่าวยกย่องท่านพระอาจารย์มั่น ไว้ในที่ประชุมสงฆ์ว่า “ท่านมั่นเป็นกัลยาณมิตรควรสมาคม”
ท่านจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ท่านถือกำเนิด เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง พ.ศ.๒๓๙๙ ณ บ้านหนองไหล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี บรรพชาเป็นสามเณร ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่ในสำนักเจ้าอธิการม้าว เทวธัมมี วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ต.ในเมือ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ถึงรัชกาลที่ ๕ อายุ ๑๙ ปี ลาสิกขาจากสามเณรมาอยู่กับบิดามารดา ๓ ปีท่านจึงอุปสมบท ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู พ.ศ.๒๔๒๐ ณ วัดศรีทอง(วัดศรีอุบลรัตนาราม) จ.อุบลราชธานี โดยมี ท่านเทวธัมมี ม้าว เป็นพระอุปัชฌาย์

ถึงรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๗ ทรงโปรดให้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพโมลี ต่อมาถึง พ.ศ.๒๔๕๘ ได้แต่งหนังสือเทศน์เห็นเป็นอันไม่ต้องด้วยรัฐประศาสนโยบาย บางประการอันเกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาจักร จึงถูกถอดจากสมณศักดิ์คราวหนึ่ง ครั้นถึง วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๙ ทรงพระกรุณาโปรดกลับตั้งให้เป็นพระราชาคณะที่พระธรรมธีรราชมหามุนี มีสมณศักดิ์เสมอชั้นเทพและโปรดให้ครองวัดบรมนิวาสตามเดิม ถึงปี พ.ศ.๒๔๖๖ โปรดให้ เลื่อนเป็นพระโพธิวงศาจารย์ เสมอตําแหน่งชั้นธรรม ครั้นถึง พ.ศ.๒๔๖๘ ทรงพระกรุณาโปรดให้ เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะตําแหน่งเจ้าคณะรองฝ่ายอรัญญวาสี มีนามในสัญญาบัตรว่า “พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ญาณวิสุทธจริยาปรินายก ตรีปิฎกคุณาลังการ นานาสถานราชอมนีย์ สาธุการธรรมากร สุนทรศีลาทขันธ์” มีฐานานุกรรม ๖ รูป คือ พระครูปลัดนิพันธโพธิพงศ์ ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูธรรมธร ๑ พระครูสังฆรักษ์ ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้เคยรับราชการทางคณะสงฆ์ในหน้าที่สําคัญๆ หลายตําแหน่ง คือ เป็นเจ้าคณะใหญ่ เมืองนครจําปาศักดิ์ เป็นเจ้าคณะมณฑลอีสาน มณฑลจันทบุรี มณฑลราชบุรี มณฑลกรุงเทพฯ

ครั้นสมัยท่านเจ้าคุณฯอยู่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ ตอนนั้น เชียงใหม่น้ำแล้งมาก ท่านเจ้าคุณฯต้องการเดินจงกรมเรียกฝน จึงสั่งให้หลวงปู่แหวนผู้เป็นศิษย์ ได้ทำทางจงกรมถวายท่านเจ้าคุณฯเดินบริกรรมอิติปิโส แล้วต่อด้วยพระคาถา...“อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มหิทธิกา ปุญญัง โน อนุโมทันตุ รักขันตุ โน สะทา” แล้วตั้งสัจจาธิษฐานเรียกฟ้าฝนให้มาตกที่เชียงใหม่ ครั้นนั้นหลวงปู่มั่น ได้กำหนดดู เหนือขึ้นไปบนดอยสุเทพฯก็ดี ดอยบวกห้าก็ดี เห็นมีพญานาคจำนวนล้านจำนวนโกฏิมิใช่จำนวนแสน จำนวนหมื่น พากันพ่นน้ำอยู่เต็มดอยทั้งสองจนหาที่ว่างไม่ได้อย่างไม่เคย ปรากฏมาก่อน...”นี่คือความอัศจรรย์ !!อัศจรรย์ใจจากพระมหาเถระนาม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)

อีกครั้งหนึ้งที่แสดงถึงความมีขันติอดทนต่อเวทนาสูง คือ เมื่อช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านเจ้าคุณฯขึ้นเทศน์ธรรมะโปรดพุทธศาสนิกชน ขณะขึ้นธรรมมาสน์ หัวเข่าไปกระแทกขอบธรรมมาสน์เข้าจนลูกสะบ้าหัวเข่าหลุด ท่านก็สู้อดทนอดกลั้น แสดงธรรมไปด้วยอาการปรกติไปจนจบ พอแสดงธรรมจบท่านจึงได้บอกกับโยมว่าหัวเข่าอาตมาหลุด โยมได้ยินแล้วก็พากันตกใจ ช่วยกันพยุงท่านออกจากธรรมาสน์ แล้วพาหมอมาดูอาการท่านฯ
ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นผู้ยินดีในสัมมาปฏิบัติ สันโดษมักน้อยใฝ่ใจในสัลเลขปฏิบัติ ประกอบด้วยธุดงควัตรเที่ยวรุกขมูล รักษาขนบธรรมเนียมของสมณะที่ดีไว้มั่นคง มีสติสัมปชัญญคุณทุกเมื่อ มีความเยือกเย็นอาจหาญอดกลั้นทนทานต่อสถานการณ์ต่างๆ แม้ในยามอาพาธสุดท้ายพิษของโรครุนแรงด้วยทุกขเวทนายิ่งนัก ท่านยังได้ให้โอวาทแก่ผู้มาเยี่ยมเยือนว่า “เราเป็นนักรบ ได้ฝึกหัดวิธีรบไว้ก็ไม่เสียที ได้ผจญต่อพยาธิธรรมและมรณธรรมจริงๆ ก็อาจหาญอดกลั้นทนทานไม่สะทกสะท้าน มีสติสัมปชัญญคุณรอบคอบไม่หลงใหลไม่ฟั่นเฟือน ไม่กระวนกระวาย หากถึงกาลแตกดับ ก็ไปด้วยความสงบเงียบหายดุจหลับไป" จึงได้ชื่อว่า ท่านเป็นผู้ปฏิบัติได้ผลโดยควรแก่ภาวะโดยแท้

การปกครอง ท่านผู้นี้เป็นผู้มีอัธยาศัยงดงามในการคุ้มครองศิษยานุศิษย์เป็นต้นว่าผู้น้อย ทําสิ่งใดในหน้าที่ของท่าน ถ้าทําถูกต้องยกให้เป็นความดีความชอบของผู้น้อย ถ้าบางประการเหลือกําลังทําพลาดผิดไปรับเอาเสียเอง ไม่ให้เป็นความผิดตกแก่ผู้น้อย และเป็นผู้มีใจกว้างขวางเฉลี่ยลาภผลเกื้อกูลแก่สพรหมจารี ไปไหนอยู่ไหน ยังคุณงามความดีให้เกิดแก่หมู่เป็นคณโสภณะผู้ทําหมู่ให้งามแท้ ไม่ใช่คณปโทสะผู้ทําร้ายหมู่ และไม่ใช่คณปูรกะผู้สักแต่ว่าทําให้เต็มตามจํานวนของหมู่ และเป็นผู้ฉลาดในเชิงช่างเปลี่ยนภาพให้ยืนอยู่ในหลัก ๓ หลัก คือ เย็น ร้อน และอุ่น เย็นก็ไม่ถึงแก่บูด ร้อนก็ไม่ถึงแก่ไหม้ให้เป็นไปพอเหมาะแก่เหตุการณ์ คือ อุ่น ใส่ใจในการป่วยเจ็บ ไม่ทอด ธุระในการเกื้อกูลด้วยปัจจัยลาภทั้ง ๔ ดังนี้ เป็นตัวอย่างจึงเห็นว่าการปกครองดี
ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ณ กุฏิหอเขียว วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร สิริอายุ ๗๖ ปี ๓ เดือน พรรษา ๕๕ ตลอดชีวิตสมณใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ของท่านเจ้าคุณอุบาลีฯนี้ ท่านทำคุณประโยชน์ให้กับบวรพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก

“..ลูกศิษย์ของเราพึงตั้งใจดำเนินตาม ความดีเหล่านี้เป็นของกลาง ใครเอาไปไหนไม่ได้ ใครเกิดขึ้น มาปฏิบัติได้ ก็จักได้รับผล คือความดีอยู่อย่างนี้ตลอดกัปป์ตลอดกัลป์..” 

โอวาทธรรมคำสอนท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

--------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco