ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดป่าสิริสาลวัน ต.โนนทัน อ.เมืองจ.หนองบัวลำภู
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ๏
วันนี้วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ น้อมรำลึกครบรอบ ๑๒๒ ปี ชาตกาล หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู นามเดิม บุญมา เป็นมงคล เกิด วันพุธที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ ปีขาล แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ได้กำเนิดเกิดมาท่ามกลางป่าเขาและท้องทุ่งอันเขียวขจี ณ บ้านก่อ หมู่ที่ ๓ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี พี่น้องรวมทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ บิดามารดา นายจันดา และนางเข็มมา เป็นมงคล
๏ บรรพชา
อายุ ๑๙ ปี เมื่อวันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๔
ณ วัดหนองอีมาตรบ้านก่อ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
๏ อุปสมบท
อายุ ๒๐ ปี เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๕
ณ พัทธสีมาวัดสร่างโศก (วัดศรีธรรมาราม) อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี ๏ ใต้ร่มกาสาวพัสตร์
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ท่านเป็นพระหลานชายของ
พระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุโธ ครั้งยังอยู่ในเพศฆราวาสท่านได้ช่วยเหลือรับใช้ช่วยบิดามารดาประกอบการงานโดยตลอด จนกระทั่งอายุได้ ๑๙ ปีเต็ม ท่านจึงได้สละการงานทางบ้านทั้งหมดแล้วเข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมาวัดหนองอีมาตรบ้านก่อ จ.อุบลราชธานี ซึ่งปีนั้นตรงกับปี พ.ศ.๒๔๖๔
ขณะเป็นสามเณรท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งปฏิบัติภาวนา รักษาจิตใจท่านไปด้วย การปฏิบัติภาวนานี้ ท่านได้เคยกระทำมาแล้วตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส ท่านเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งมี ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) มาโปรดญาติพี่น้องอยู่เป็นประจำๆ ท่านจึงอาศัยหลัก พุท-โธ นั้น เป็นเครื่องดำเนินมาโดยตลอด พร้อมทั้งความสันโดษ รักสงบมุ่งภาวนามาแต่บัดนั้น
เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุโธ ซึ่งเป็นพระกัมมัฏฐานที่รับการอบรมธรรมมาจากท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ในขณะนั้นหลวงปู่บุญมายังเป็นพระภิกษุหนุ่ม ท่านได้รับอุบายธรรมตลอดการเดินธุดงค์เที่ยวหาวิเวกธรรมไปอยู่ป่าพงดงลึก ถวายตัวเป็นศิษย์อยู่ปฏิบัติพระอาจารย์บุญ จนกระทั่งพระอาจารย์บุญได้ถึงแก่มรณภาพลง นอกจากนี้แล้วท่านยังได้มาฝึกอบรมธรรมปฏิบัติ และพระวินัยธรรมกับท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ติดตามเดินธุดงค์ไปในถิ่นต่างๆ อีก ๓ พรรษา ได้รับคุณวิเศษในธรรมะอย่างมากมาย เพิ่มพูนสติปัญญา ศีลาจริยาวัตรในสมณเพศ นับเป็นพระอาจารย์องค์ที่ ๒ ของหลวงปู่
ระยะหลังๆ ท่านได้มีโอกาสเข้าไปมอบกายถวายตัวเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต อีกทั้งได้รับฟังพระธรรมเทศนาที่สุขุมล้ำลึก ติดตามออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาสัจธรรมตามป่าเขาลำเนาไพร นับได้ว่าท่านเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่มั่นองค์หนึ่ง โดยท่านมีพรรษามากกว่าหลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ๑ พรรษา และมากกว่าหลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ๓ พรรษา
ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ถือพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้อย่างเคร่งครัด ถือปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา อันประกอบด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ๓ ประการนี้ จากครูบาอาจารย์อย่างมั่นคง ออกเดินธุดงค์เดี่ยวอยู่ป่าดงอย่างคนอนาถา นอนกลางดินกินกลางทรายจริงๆ แม้ถ้าได้พบกับสภาพของท่านในคราวเดินธุดงค์ ก็เป็นอาการภายนอกซึ่งไม่น่าดูไม่น่าชมอันใด แต่อาการภายในของจิตนี่ซี ท่านเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ควรแก่การกราบไหว้สักการบูชาองค์หนึ่งในยุคนี้
ท่านเป็นพระผู้เจียมตนอยู่เสมอ ท่านเป็นพระพูดน้อย แต่เวลาแสดงธรรมแล้วหลวงปู่จะแสดงเหตุผลได้อย่างน่าอัศจรรย์ แสดงชนิดขุดถอนกิเลสกันเลยทีเดียว เพราะจิตใจมนุษย์นี้มันไหลลงไปสู่ที่ต่ำอยู่เสมอ (ความชั่วร้าย) ปฏิปทาอันบริสุทธิ์งดงามประกอบด้วยคุณธรรมสูงองค์หนึ่ง เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไปว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เคร่งครัดเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่พูดน้อย สุภาพอ่อนโยน รักสันโดษ เป็นที่เคารพของครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติหลายองค์ในปัจจุบัน
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ท่านเคยมีประสบการณ์เดินธุดงคกรรมฐานอยู่มาก ซึ่งรวมชีวิตแห่งการออกปฏิบัติธรรมเที่ยวแสวงหาวิโมกข์นั้น เป็นเวลา ๔๘ พรรษาเต็มพอดี
#ละสังขาร
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ได้รับอาราธนาจากทางสำนักพระราชวัง เพื่อไปในงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวโรกาสครบรอบ ๓๐ ปีวันบรมราชาภิเษกสมรส วันจันทร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๓ พร้อมด้วยพระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต อื่นๆ อีกจำนวน ๔ รูป คือ พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร), พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม พระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานทั้งหมดท่านจึงได้ไปรวมกันที่ จ.อุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินโดยสารแอฟโร ๔ ของบริษัทเดินอากาศไทย (ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้มารวมกิจการกับบริษัทการบินไทย) เที่ยวบิน TG 231 สายนครพนม-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องบิน ๒ ใบพัด รุ่น HS-748 รหัส HS-THB บินออกจากท่าอากาศยานนครพนม จะไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพราะลูกศิษย์ลูกหาต้องการถวายความสะดวกและความรวดเร็วในการเดินทาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓
ครั้นเมื่อเครื่องบินมาถึงท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ ๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เหลือระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตรเศษ เครื่องบินได้ตั้งลำและลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนาม แต่เนื่องจากเครื่องบินได้ประสบพายุหมุน ประกอบกับมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก มีลมกระโชกแรง เกินที่นักบินจะควบคุมเครื่องให้ลงจอดได้อย่างปลอดภัย สุดท้ายจึงเสียการควบคุมตกลงมากระแทกกับพื้นดินบนท้องนาทุ่งรังสิต อุบัติเหตุเครื่องบินตกในคราครั้งนี้เป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินจำนวน ๕๓ คน เสียชีวิตลงพร้อมกันทั้งสิ้น ๔๐ คน ในจำนวนนี้มีพระสงฆ์มรณภาพ ๗ รูป เป็นพระคณาจารย์ดังกล่าว ๕ รูป เมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกา
#คติธรรม
"รูป รส กลิ่น เสียง เหล่านี้ เราทั้งหลายจงพยายามมองดูให้ลึกซึ้งเข้าไปในต้นเหตุของมัน เพราะสิ่งเหล่านี้แม้ไม่มีรูปร่างหน้าตาแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปหลงนะ ทำไมไม่ทำความรู้สึกเหมือนกับเราหายใจเอาลมเข้าไปบ้างล่ะ ลมมันไม่มั่นหมายอะไรเลยนะ มันพัดไปมาของมันเท่านั้น ไม่มีกลิ่น ไม่มีรูป ไม่มีน้ำหนัก บางทีเรายุ่งๆ ลืมเสียด้วยซ้ำไปว่าเราได้หายใจเอาลมเข้าไป ลมนี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันทรยศกับเรา มันเข้าแล้วไม่ยอมออก มันออกแล้วไม่ยอมเข้าจะลำบากนะ นี้แหละพระพุทธเจ้าของเราท่านจึงสอนว่า ควรกำหนดรู้ รู้กับอารมณ์ต่างๆ นั้น ไม่ว่าอะไรมากระทบ เราควรกำหนดรู้ให้ชัด ให้มีสติ ให้มีสัมปชัญญะซี เกิดมามีจิตใจย่อมปฏิบัติได้เสมอภาคทุกคน อย่าไปติดสิ่งภายนอกเพียงอย่างเดียว จิตก็จะก้าวหน้าได้แน่นอน...”
“...เราอย่าไปนึกคิดว่า บวชเข้ามาแล้วจะได้บุญกุศลคุณงามความดี จะได้บรรลุคุณธรรมคือ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ผล นิพพาน ฌาน วิโมกข์ เลยทีเดียว โดยไม่ได้ทำอะไร ถ้าอย่างนั้นก็คงได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ บรรลุนิพพานกันหมด...”
“...บิดามารดาเป็นบูรพาจารย์ของกุลบุตรธิดา เมื่อเราจะพรรณนาคุณของมารดาบิดา ก็ไม่สิ่งใดที่จะเอามาเปรียบเทียบได้ เด็กหญิง เด็กชาย ในโลกชมพูทวีปนี้ จะมาสู้คุณงามความดีของมารดาคุณ บิดาคุณ ไม่ได้เลย...”
“...ทางความบริสุทธิ์สิ้นพบสิ้นชาติ ข้ามโอฆะของสัตว์ทั้งหลาย สติปัฏฐานทางเดียวเท่านั้น ท่านผู้ข้ามแล้วในอดีต หรือท่านผู้จักข้ามในอนาคต หรือท่านผู้ข้ามอยู่ในปัจจุบัน บัดนี้ ท่านก็ข้ามโอฆะด้วยสติปัฏฐานทางเดียวนี้เอง ดังนี้...”
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวมFB pageพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น