ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
วันนี้วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๑๓ ปี การละสังขาร หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด หลวงปู่ศรี มหาวีโร หรือที่ศิษยานุศิษย์ได้เรียกท่าน "หลวงปู่ศรีเจดีย์ใหญ่" หรือ "หลวงปู่ศรีผีย้าน (ผีกลัว)" ด้วยบุญบารมีขององค์หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านยังเป็นประธานจัดสร้าง " พระมหาเจดีย์ชัยมงคล " สร้างในเนื้อที่ ๑๐๑ ไร่ กว้าง ๑๐๑ เมตร ยาว ๑๐๑ เมตร ความสูง ๑๐๑ เมตร รวมยอดทองคำเป็น ๑๐๙ เมตร ใช้ทองคำหนัก ๔,๗๕๐ บาท หรือประมาณ ๖๐ กิโลกรัม เพื่อระลึกนึกถึงคุณูปการพระคุณอันสูงสุดของหลวงปู่ศรีที่เป็นประธานจัดสร้างพระมหาเจดีย์นี้จนสำเร็จ เคียงคู่จังหวัดร้อยเอ็ด ประชาชนศิษยานุศิษย์จึงขนานนามท่านว่า "หลวงปู่ศรีเจดีย์ใหญ่"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เคยกล่าวยกย่องหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่าประชาคมวนาราม อำเภอศรีสมเด็จจังหวัดร้อยเอ็ด ไว้ดังนี้"...อาจารย์ศรีท่านก็มีนิสัยวาสนากว้างขวาง ไปคนละทิศละทาง คือเรื่องนิสัยวาสนาใครจะมาปรุงมาแต่งให้เป็นไม่ได้นะ ต้องเป็นขึ้นตามหลักธรรมชาติ คือเจ้าของเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง นิสัยวาสนากว้างแคบขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นผู้สร้าง ใครคับแคบตีบตันคนนั้นก็นิสัยวาสนาคับแคบตีบตัน ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยสมบูรณ์พูนผล ผู้ใดมีนิสัยกว้างขวางเฉลี่ยเผื่อแผ่ การทำบุญให้ทานไม่อัดไม่อั้น ไปที่ไหนก็ตามบริษัทบริวารก็มีมาก ว่าอะไรก็เป็นอันนั้นขึ้นมา ๆ เรียกว่าเป็นไปตามนิสัยวาสนาอย่างอาจารย์ศรีท่านก็มีนิสัยวาสนากว้างขวาง เกี่ยวกับเรื่องฝ่ายประชาชนพระเณรมาดั้งเดิม ท่านมีนิสัยกว้างขวางไปที่ไหนว่าอะไรลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ฮือพร้อมกันหมดๆ นี่ท่านก็ไม่ได้มา แต่บริษัทบริวารลูกศิษย์ลูกหาของท่านมาจำนวนมากมายเต็มศาลา เห็นไหมล่ะ นี่ละถือเอาท่านเป็นเหตุ การสร้างบุญสร้างกุศลท่านไม่มาบริษัทบริวารทั้งหลายก็มาเพราะท่านแก่ ท่านรู้สึกว่าอายุจะอ่อนกว่าเราหน่อย แต่จะชำรุดมากกว่าเรา ท่านเคยอยู่กับเรามา..." กล่าวไว้เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ยังได้เคยกล่าวยกย่องหลวงปู่ศรี มหาวีโร "...ท่านอาจารย์ศรีมีลูกศิษย์ลูกหามาก พระเจ้าพระสงฆ์ที่เป็นสาขาของท่านก็มีอยู่ทั่วไป นอกจากจังหวัดร้อยเอ็ดแล้ว ยังมีทั่วไปในประเทศไทย ท่านนับว่า เป็นผู้มีบุญวาสนากว้างขวางองค์หนึ่งที่หาได้ยาก เพราะคำว่าวาสนานี้ มิได้เกิดขึ้นอย่างลอย ๆ หรือเสกสรรปั้นยอกันเกิดขึ้นได้ แต่ต้องเกิดมาตามหลักธรรมชาติ แห่งบุญญาธิสมภารของท่านผู้สร้างบุญบารมีมา เมื่อสร้างมากขึ้น ๆ ก็ยิ่งเพิ่มบารมีขึ้นเต็มหัวใจ เต็มนิสัยวาสนา ไปสถานที่ใดก็มีคนเคารพนับถือ จากนั้นก็มี เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม กราบไหว้บูชา เป็นขวัญตาขวัญใจ ไปได้ทุกแห่งทุกหน เพราะอำนาจแห่งเมตตาธรรมที่ท่านปฏิบัติมา บรรจุอยู่ในหัวใจเต็มไปหมด อำนาจแห่งเมตตาธรรมนี้เอง ทำความร่มเย็นให้แก่โลกทั้งสาม คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก หรือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ทั้ง ๓ นี้ อยู่ใต้ร่มเงาแห่งเมตตาธรรมทั้งนั้น..."
-:- ประวัติปฏิปทา หลวงปู่ศรี มหาวีโร -:-
หลวงปู่ศรี มหาวีโร นามเดิมของท่านชื่อ ศรี นามสกุล ปักกะสีนัง บิดาของท่านชื่อ อ่อนสี มารดาของท่านชื่อ นางทุมจ้อย หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านถือกำเนิดเมื่อ วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือนหก ปีมะเส็ง ณ บ้านขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
-:- อุปสมบท -:-
ท่านได้เข้าอุปสมบทที่วัดราษฎร์รังสรรค์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๘ โดยมีพระโพธิญาณมุนี ( คำ โพธิญาโณ ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า มหาวีโร
เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้เดินทางไปศึกษาธรรมอยู่กับพระอาจารย์คูณ ธัมมุตตโม ศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งในขณะนั้นพระอาจารย์คูณ ธัมมุตตโม ได้พำนักอยู่ที่ วัดประชาบำรุง อ.เมือง จ.มหาสารคาม อยู่ศึกษาธรรมกับท่านได้ระยะหนึ่งหลวงปู่ศรีก็เดินทางไปหาท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ศิษย์เอกของหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าแสนสำราญ จังหวัดอุบลราชธานี
ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก เป็นเสมือนองค์แทนของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ที่สำนักป่าแสนสำราญแห่งนี้มีครูบาอาจารย์กรรมฐาน แวะเวียนมาพักสนทนาธรรมกับพระอาจารย์สิงห์เสมอ เช่น พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล , พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ , พระอาจารย์หลุย จันทสาโร , พระอาจารย์ดูลย์ อตุโล , พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร , พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เป็นต้น
-:- พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน -:-
ปี พ.ศ.๒๔๙๒ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน คือ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงปัจฉิมวัย พำนักอยู่ที่สำนักป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งท่านพระอาจารย์มั่นก็เมตตารับไว้ ทำให้หลวงปู่ศรี มีโอกาสได้ปฏิบัติและศึกษาธรรมร่วมกับสหธรรมิกร่วมสำนัก ร่วมครูอาจารย์เดียวกัน
ในยุคบ้านหนองผือนั้น หลวงปู่ศรี มหารีโร ท่านมีโอกาสได้รับใช้ปรนนิบัติใกล้ชิดท่านพระอาจารย์มั่น ร่วมกับศิษย์องค์อื่นๆ เช่น พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน , พระอาจารย์วัน อุตตโม , พระอาจารย์หล้า เขมปัตโต ซึ่งแต่ละองค์จะมีหน้าที่เฉพาะของตนจะก้าวก่ายของกันไม่ได้ เพราะท่านพระอาจารย์มั่นท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ ใครไปจับต้องอะไรแล้วไม่จัดไว้ดังเดิมไม่ได้ ถ้าใช้ให้คนอื่นไปทำแทนท่านจะรู้ทันที ฉะนั้นพระเณรที่เป็นลูกศิษย์ต่างเกรงกลัวท่านมาก ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดี
หลวงปู่มั่นท่านเป็นพระที่มีความเด็ดขาดมาก ใครไม่เอาจริงอยู่กับท่านไม่ได้ ราวสองสามคืนมีการอบรมธรรมครั้งหนึ่ง การแสดงธรรมแต่ละครั้งก็ตั้งแต่สองชั่วโมงขึ้นไป ส่วนการปฏิบัตินั้น ถ้ามีพระที่กลัวผีหรือกลัวเสือไปอยู่ด้วย ท่านก็จะให้ไปอยู่ไกลหมู่ไกลคณะเป็นพิเศษ ถ้ำไหนมีเทวดาหรือภูตผีปีศาจ ท่านจะบอกให้ไปอยู่ถ้ำนั้น ถ้าองค์ไหนที่ไปอยู่แล้วไม่ถูกใจเจ้าของถ้ำเกิดเตลิดหนีกลางครัน องค์นั้นอย่ากลับมาให้ท่านเห็นอีก บางแห่งภูมิเขาแรงมากถึงขนาดนอนไม่ได้เลย
-:- จิตบริสุทธิ์หลุดพ้น -:-
ออกพรรษาปี ๒๕๐๖ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้ปลีกวิเวกเพื่อห่างไกลผู้คนและญาติโยม เนื่องจากได้สร้างวัดมาหลายวัดแล้ว จนท่านรู้สึกว่าจิตเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด ท่านได้นั่งคิดอยู่เพียงลำพังว่า “ ถ้าหากท่านอาจารย์ใหญ่มั่น ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงช่วยแก้ปัญหาอันหนักอกอันนี้ให้ได้เป็นแน่ แล้วใครหนอพอจะช่วยเราได้บ้าง ” ท่านก็นึกถึงหลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี ท่านจึงตัดสินใจเที่ยววิเวกภาวนาผ่านป่าเขาและพักตามถ้ำ โดยจุดหมายอยู่ที่วัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เมื่อไปถึงหลวงปู่ศรี จึงเข้าไปกราบหลวงปู่บัวด้วยความเคารพ แล้วท่านก็เล่าเรื่องที่จิตของท่านเสื่อมให้หลวงปู่บัวฟัง หลวงปู่บัว ก็ได้ช่วยแนะอุบายวิธีปฏิบัติให้แก่ท่าน
เมื่อได้รับฟังโอวาทจากหลวงปู่บัวแล้ว ท่านจึงตั้งสัจจะว่า “ ถ้าจิตยังไม่บรรลุธรรมที่พึงประสงค์จะไม่ยอมลุกไปจากที่ เราจะยอมตายถวายชีวิตด้วยสัจจะบารมี ” แล้วท่านก็นั่งสมาธิอยู่นานถึง ๕ วัน ๖ คืน ไม่ยอมลุกจากที่นั่ง
ในที่สุดก็ตัดสินกันลงได้ อวิชชาแตกดับ เกิดญาณหยั่งทราบแน่ชัดว่า จิตหมดการก่อกำเนิดในภพต่างๆอย่างประจักษ์ใจ โลกธาตุหวั่นไหว เหลือแต่จิตดวงบริสุทธิ์ล้วนๆ
-:- วัดประชาคมวนาราม ( ป่ากุง ) -:-
ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ หลวงปู่ศรีได้ย้อนกลับมาทาง จ.ร้อยเอ็ด การกลับมาของท่านคราวนี้ ท่านได้ครองวิมุติสุข เหล่าเทวดาอารักษ์มาแสดงความยินดีอนุโมทนา ในธรรมวิเศษและต้อนรับท่านอย่างดาษดื่น
เหล่าทายกทายิกาต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะบูรณะปรับปรุงวัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดร้าง ให้เป็นวัดวาอารามมั่นคงถาวรสืบไป จึงได้ดำเนินการขออนุญาตจากทางราชการตั้งขึ้นเป็นวัด โดยให้ชื่อตามความหมายที่ประชาชนร่วมกันสร้างว่า “ วัดประชาคมวนาราม ” โดยมีหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นเจ้าอาวาสปกครองและบูรณปฏิสังขรณ์ให้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา
-:- กู้ระเบิด ๕๐๐ กว่าลูก -:-
สมัยที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ไปดำเนินการก่อสร้างวัดสาขา คือ วัดโต๊ะโมะ ที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ท่านต้องผจญกับผู้ไม่ประสงค์ให้สร้างวัดไทยในแถบถิ่นนั้น จนเป็นเหตุให้ต้องกู้ลูกระเบิดอย่างมากมาย
หลังจากที่หลวงปู่ไปถึงบริเวณที่จะสร้างวัด ก็ได้ออกตรวจดูพื้นที่บริเวณดังกล่าว ท่านก็ล่วงรู้ด้วยอำนาจจิตว่า ภายใต้พื้นดินนั้นมีวัตถุอันตรายฝังซ่อนอยู่ ถ้าแม้ผู้ใดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปเหยียบหรือขุดคุ้ยถูกวัตถุนั้นเข้าก็จะถึงอันตรายแก่ชีวิตได้ ท่านจึงได้ให้เจ้าหน้าที่มากู้ลูกระเบิดออกไปจากพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก
หลังจากเคลียพื้นที่ในวาระแรกเสร็จลง หลวงปู่ก็ได้กลับมายังที่พัก ขณะที่กำลังปรึกษาเพื่อทำการต่อไป หลวงปู่ศรีสามารถกำหนดรู้เหตุการณ์ทางบริเวณที่สร้างวัดว่ามีผู้นำลูกระเบิดมาวางใหม่อีกหลายแห่ง พอรุ่งเช้าท่านก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียพื้นที่อีก ก็ได้ลูกระเบิดแบบแสวงเครื่องอีกจำนวนมาก แต่ความพยายามของมือวางระเบิดก็หยุดลงหลังจากมาวางในครั้งที่สาม เพราะเขาเห็นว่าขืนวางอีกก็ขาดทุนเปล่า รวมสามครั้งสามารถเก็บกู้ระเบิดได้ ๕๐๐ กว่าลูก โดยลูกระเบิดไม่ระเบิดเลยสักลูกเดียว ทำให้ผู้คนทั้งหลายอัศจรรย์ใจในคุณธรรมและบุญบารมีของหลวงปู่เป็นอย่างยิ่ง
-:- สร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคล -:-
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ มีความสูงถึง ๑๐๙ เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา ณ วัดผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด พระมหาเจดีย์แห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และของพระอรหันตสาวก รวมถึง อัฐิธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รูปแบบขององค์พระเจดีย์ ถูกออกแบบอย่างวิจิตรงดงาม ผสมศิลปะร่วมสมัยระหว่างพระธาตุพนม และ พระปฐมเจดีย์ ผสมกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน งบประมาณในการสร้างกว่าหลายพันล้านบาท พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนี้ สำเร็จลงได้ด้วยบารมีธรรมของพระเทพวิสุทธิมงคล หรือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้ได้รับยกย่องว่า เป็นผู้มากล้นด้วยบุญบารมี เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา เป็นสมณะผู้มุ่งสู่มรรคผลนิพพาน อุดมด้วยธรรมทานอย่างสิ้นสงสัย
-:- หลวงปู่มรณะภาพ -:-
หลวงปู่ศรี มหาวีโร ศิษย์รุ่นสุดท้ายของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ วัดประชาคมวนาราม ( ป่ากุง ) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด สิริรวมอายุ ๙๕ ปี พรรษา ๖๕
พิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่ศรี มหาวีโร ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕ ณ จิตกาธานกลางน้ำ (เมรุชั่วคราว) วัดป่าประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
ได้มีพ่อแม่ครูอาจารย์ศิษย์ในสายของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต รวมถึงลูกศิษย์ หลานศิษย์ของ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ต่างเดินทางกันมาทั้งใกล้ และไกล ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานต่างพากันมากราบขอขมา และปลงธรรมสังเวชองค์หลวงปู่ศรี มหาวีโร ในครั้งสุดท้ายนี้เป็นจำนวนมาก
----ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น