ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่มี ปมุตโต วัดดอยเทพนิมิตร ถ้ำเกีย ต.หนิงบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี



ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่มี ปมุตโต  
     วันนี้วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๑๖ ปี การละสังขาร หลวงปู่มี(เกล้า) ปมุตโต วัดดอยเทพนิมิตร ถ้ำเกีย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลวงปู่มี ปมุตโต หรือที่รู้จักในนาม หลวงปู่เกล้า อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยเทพนิมิตร (ถ้ำเกีย) ซึ่งเป็นวัดป่าสายธรรมยุติกนิกาย - สายหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แห่งบ้านหนองแซง ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอจ.อุดรธานี หลวงปู่มี ปมุตโต ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม(หนองบัวบาน) หลวงปู่มีท่านเป็นพระเถระมั่นคงในธรรมวินัยเคร่งครัดในธุดงควัตร และมีปฏิปทามักน้อยสันโดษ ท่านชอบหลีกเร้นอยู่ในถ้ำในผาในป่าในเขาเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมมานาน ท่านมีศักดิ์เป็นพี่ชายของหลวงปู่ลี กุสลธโร แต่หลวงปู่ลีได้เข้าสู่สมณเพศก่อนท่าน

#ประวัติและปฏิปทา
#ชาติภูมิ

หลวงปู่มี ปมุตโต นามเดิม นายมี ชาลีเชียงพิณ(ชาลีเชียงพิณ) เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ที่บ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.ด้านซ้าย จ.เลย บิดาชื่อ นายอู๊ด ทองคำ อาชีพเป็นช่างตีทอง มารดาชื่อ นางโพธิ์ ชาลีเชียงพิณ มีพี่น้องรวมกัน ๔ คน คือ

๑.นางวันดี เพ็งลี (ชาลีเชียงพิณ) ถึงแก่กรรมแล้ว

๒.หลวงปู่มี ปมุตโต ละสังขาร

๓.หลวงปู่ลี กุสลธโร ละสังขาร

๔.นางบุญก่อง ศรีบุญเรือง (ชาลีเชียงพิณ) น้องสาวต่างบิดา

ต่อมามารดาได้พาพี่น้องทั้ง ๔ คน เดินทางอพยพมาตั้งรกรากที่ บ้านหนองบัวบาน ตำบลหมากหญ้า(ในขณะนั้น) อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่เกล้าได้รับการศึกษาถึงระดับ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองบัวบาน ในช่วงวัยเยาว์ท่านได้เคยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงได้ลาสิกขาออกมาทำงานช่วยมารดา และครอบครัว จากนั้นเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ในครั้งที่ยั้งเป็นฆราวาสนั้น ท่านได้สมรสกับ นางใคร่ มีบุตรธิดารวม ๔ คน

๑.นางเกล้า ชาลีเชียงพิณ
๒.นายแดง ชาลีเชียงพิณ
๓.นายวีระชัย ชาลีเชียงพิณ
๔.นางวิไล ชาลีเชียงพิณ

ชื่อหลวงปู่ท่านมีสองชื่อคือ หลวงปู่มี ซึ่งเป็นชื่อที่บิดามารดาตั้งให้ และอีกชื่อที่บุคคลทั่วไปทั้งฆราวาส พระเณร เอ่ยเรียกท่านด้วยความเคารพว่า หลวงปู่เกล้า ชื่อหลวงปู่เกล้านั้นมาจากธรรมเนียมชาวอีสาน ที่ถือปฏิบัติคล้ายๆกันในการเรียกแทนชื่อของผู้เป็นพ่อหรือแทนชื่อของคนผู้เป็นแม่ ด้วยชื่อของลูกคนโต ด้วยท่านมีลูกคนโตชื่อ เกล้า ดังนั้นเพื่อนบ้านคนรู้จักมักคุ้นจึงเรียกชื่อท่านว่า พ่อเกล้า และเรียกกันจนติดปากเรื่อยมาเป็น หลวงปู่เกล้า เช่นทุกวันนี้ 

สมัยเป็นฆราวาส
   สมัยเป็นฆราวาสหลวงปู่ท่านเป็นนายพรานล่าเนื้อจนเป็นที่รู้จักคนทั้งหมู่บ้านและยังเป็นหมอยาสมุนไพรรักษาคนป่วยวิธีการรักษาของหลวงปู่ก็คือเอาเหล็กที่แดง ๆ จากการเผาด้วยไฟมาว่างไว้แล้วเอาเท้าหลวงปู่เยียบลงที่เหล็กแล้วยกขาขึ้นไปเยียบกับคนไข้ที่ปวดตามที่ต่าง ๆของร่างกาย พอไปเยียบคนไข้คนไข้ก็ร้องว่าร้อนแต่หลวงปู่ไม่ได้แสดงอาการว่าร้อนแต่อย่างไรเลย 

#เป็นผ้าขาวติดตามหลวงปู่ขาว_อนาลโย

 ในอดีตสมัยเป็นฆราวาส หลวงปู่เคยติดตามอหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ในช่วงที่หลวงปู่ขาวออกวิเวกหลีกเร้นแสวงหาสถานที่ภาวนาไปตามป่าเขา การติดตามหลวงขาว เข้าสู่ป่าลึกที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายอันตรายนอกจากต้องมีความสันโดษมักน้อยในเรื่องการกินอยู่แล้ว จิตใจต้อง ก็ยิ่งหนักแน่นมั่นคงกล้าหาญอย่างยิ่งด้วย

 การที่ได้อุปัฎฐากหลวงปู่ขาวทำให้ท่านได้มีโอกาสพบเจอครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน และรู้จักคุ้นเคยกับปฏิปทาพระกรรมฐานจนเป็นแรงศรัทธาประทับไว้ในใจ ในสมัยเป็นฆราวาส หลวงปู่ท่านพูดให้ฟังว่า เฮาอยู่กับหลวงปู่ขาว เมื่อหนึ่งไปล่างกระโทน หลวงปู่ขาว เฮาลืมเซ็ดให้แห่ง หลวงปู่ขาวไปเจอท่านเลยโยนกระโทนใส่หน้าเฮาท่านกะว่าอยู่กับหลวงปู่มั่นบ่ได๋เด้อแบบนี้นะ

เฮานะต้อนอยู่กับหลวงปู่ขาวอยู่ในป่าบางเมื้อหลวงปู่ขาวไปบิณฑบาตได๋แต่หมากพริงแห่งกับเกลือ เฮากะเอาหมากพริกแห่งกับเกลือมาตำแล้วเอาน้ำใส่ แล้วกะไปถวาย หลวงปู่ขาว ฉันเข่ากับน้ำพริง มันทุกข์บ่.."หมู่โต้คิดดู๊''(พวกเราลองคิดดู)

#ชีวิตพรหมจรรย์

เริ่มต้นกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
ชีวิตครองเรือนของท่าน ขณะที่ลูกสาวคนสุดท้องยังเป็นเด็ก ภรรยาของท่านก็ได้เสียชีวิต ท่านก็ผละจากการเป็นผู้ครองเรือนเข้าบวชกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม(บ้านหนองบัวบาน) 

หลวงปู่อ่อน ท่านได้วางระเบียบสำหรับฝึกฝนผู้ที่จะเป็นพระไว้อย่างเคร่งครัดทั้งนี้เพื่อสือทอดรักษาประเพณีข้อวัตรปติบัติตามแบบฉบับที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ท่านพาดำเนินไว้เป็นแบบอย่าง 

#หลวงปู่อว้านเป็นครูผู้สอนนาค

หลวงปู่พูดอีกว่า ท่านเป็นผ้าอยู่หนึ่งปีกับหลวงปู่อ่อน มีหลวงปู่อว้าน เขมโก เป็นพระสอนนาค จากบันทึกหลวงปู่อว้าน ท่านว่า"หลวงตาเกล้า"ต้อนเป็นนาค 
หลวงปู่อว้านได้ใช้หลวงปุ่เกล้าไปตัดไม้ไผ่มาทำไม้กวาดแต่ไปพาดถ้าไหนมีดเลยไปบาดมือหลวงปู่เกล้าเลือดไหลออกมามาก หลวงปู่พูดต่อว่าพอเลือดไหลออกมาแล้วหลวงปู่เกล่าจ่มคาถาอะไรไม่รู้ แล้วเป่าเลือดก็หยุดไหลแล้วก็ไม่มีบาดแผลเลยมีอีก

เหตุการหนึ่งสมัยเป็นผ้าขาว วันหนึ่งหลวงปู่นั้งภาวนาอยู่ใต้ต้นยางวันนั้นมีลมพัดเอากิ่งไม้ยางตกลง แต่ก็ไม่ถูกองค์หลวงปู่ เฉียดออกไม่ถึงสอกแต่หลวงปู่ยังนั่งทำสมาธิต่อโดยไม่มีอาการลุกหนีจนครบเจ็ดวัน หลวงปู่จึงออกจากสมาธิแล้วมีคนไปถามหลวงปู่นั่งสมาธิอยู่นั้นไม่ได้ยินเสียกิ่งไม้ตกลงมาหรอ หลวงปู่ก็ตอบว่าไม่ได้ยิน

 #การตั้งวัดดอยเทพนิมิตถ้ำเกีย

ขณะที่หลวงปู่เป็นพระนวกะ(บวชใหม่)ที่บ้านหนองบัวบาน มีโครงการทำเขื่อนกักเก็บน้ำ(เขื่อนห้วยหลวง)หากสร้างเสร็จแล้วพื้นที่ที่กักเก็บน้ำอาจกินเนื้อที่บริเวณวัดหนองบัวบานอาจถูกน้ำท่วมจนจมหายไปหมด หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ จึงได้ขอพระราชทานวิสุงคาสีมา และได้ออกปากกับบรรดาลูกศิษย์ในวัดว่า ใครจะไปอยู่ไหนก็รีบไป ให้รีบหาวัดอยู่เพราะไม่แน่ว่าน้ำจะท่วมวัดจนจมอยู่ในเขื่อนหรือไม่ ด้วยเหตุหนี้พระลูกศิษย์ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลายรูป ได้กราบลาท่านออกจากวัดหนองบัวบานรวมถึงหลวงปู่ด้วยที่จำพรรษาอยู่กับท่านผ่านมา ๓ พรรษาแล้ว

เมื่อหลวงปู่เกล้าออกวัดหนองบัวบานแล้วได้วิเวกมาจนถึงภูกำพร้าแต่ก่อนบริเวณภูนี้ท่านเคยเที่ยวลัดเลาะผ่านมาเมื่อครั้งเป็นนายพราน ด้วยกุศลจิต ความศรัทธา เสียสละจากชาวบ้าน ทั้งขวนขวายอนุเคราะห์ในการอุปัฎฐาก สถานที่ที่ท่านอาศัยวิเวกตรงนี้ จึงได้เป็น วัดดอยเทพนิมิต หรือ(วัดถ้ำเกีย) ในปจุบันนี้ จากศาลาวัดห่างออกไปประมาณ ๕๐๐ เมตร มีถ้ำที่มีค้างคาวอยูอาสัยจำนวนมาก จนเป็นชื่อเรียกว่า ถ้ำเกีย (เกีย)เป็นภาสาอิสานหมายถึง ค้างคาว

 #ความเพียร

ข้อวัตรปฏิปทาหลวงปู่ ทุกวันฉันเสร็จแล้วจะเข้าทางจงกรม จากนั้นจึงขึ้นกุฎินั่งสมาธิภาวนา ท่านเล่าว่า สมัยท่านเป็นพระบวชใหม่ได้หักหาญทำความเพียรอย่างหนักในการแก้นิวรณ์ อดหลับ อดนอน ๔ วัน ๔ คืนจนเป็นลมสลบไปในคืนที่ ๔ หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการโงกง่วงสัปหงกในการภาวนาอีกเลย 

#กับครูบาอาจารย์ผู้เป็นมงคล 

สมัยเป็นฆราวาสหลวงปู่มีโอกาสได้ติดตามอุปถากหลวงปู่ขาว อนาลโย ออกธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพร นับเป็นสิริมงคลอย่างสูง เมื่อบวชเป็นพระหลวงปู่ก็ได้อยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นอาจารย์ผู้ให้นิสัย นับเป็นมงคลอย่างสูง เมื่อพระมหาเถระ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ได้เมตตาเดินทางมาเยี่ยมที่วัดถ้ำเกียหลายครั้งหลายคราว ดังนั้นการปกครองพระเณรของหลวงปู่เกล้า ท่านจึงระวังไม่ให้เสียปฏิปทาที่รักษามาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้ง ๓ องค์

#กาลละสังขาร

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลวงปู่เกล้าเริ่มอาพาธมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าสมององค์ท่านฝ่อไปบางส่วน ได้รักษาพยาบาลมาโดยลำดับ
 ในวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เวลา ๐๘.๐๐ น. ท่านก็ได้ละธาตุขันธ์ในระหว่างพรรษาที่ ๔๒ สิริอายุได้ ๘๙ ปี ๔ เดือน ๑๑ วัน ( ๒๕๕๑ )

#ในวันประชุมเพลิง

พระธรรมวิสุทธิญาณมงคล หรือ หลวงตามพระหาบัว ญาณสัมปัน ได้เมตตามาเป็นประธานในงานประชุมเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงปู่ พร้อมกับรับผ้าป่าช่วยชาติอีกด้วย 

นับว่าหลวงปู่มี ปมุตโต เป็นพระมหาเถระผู้เฒ่าที่น่าเคารพกราบไหว้บูชาอย่างยิ่ง.."


------
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco