ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่ภูมมี ฐิตธัมโม วัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี

  

ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ภูมมี ฐิตธัมโม 
     วันนี้วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๖๒ ปี การละสังขาร หลวงปู่ภูมมี ฐิตธมฺโม วัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลวง​ปู่​ภูมี​ ท่านอบรมกรรมฐานในสำนักของหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านเป็นหนึ่งในกองทัพธรรมที่เผยแผ่วิปัสสนากรรมฐาน โดยติดตามหลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ไปที่จังหวัดนครราชสีมา หลวงปู่ภูมี ฐิตธัมโม ท่านเป็นพระอริยเจ้าผู้มีศีลมีธรรมเป็นที่ตั้ง เป็นผู้มีจริยาวัตรอัดงดงาม เป็นผู้มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มีความสุขุมและเยือกเย็น ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระธรรมวินัยอย่างไม่ตกหล่น พร้อมด้วยศีล สมาธิ และปัญญา สมควรแก่การเคารพยกย่อง

#ชาติภูมิ

พระครูวินัยธร​ หลวง​ปู่​ภูมมี ฐิตธมฺโม นามเดิม ภุมมี สีดาห้าว ท่านเกิดอยู่ในครอบครัวที่บิดามารดาทำอาชีพเกษตรกรรม วันเดือนปีเกิดไม่ปรากฏชัดเจน ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนบ้านเก่าน้อย ตำบลหมูม่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ท่านเป็นบุตรของนายวงศ์ และนางเถิน สีดาห้าว มีพี่น้องรวมกัน ๕ คน ท่านเป็นญาติพี่น้องกับพระครูทัศนปรีชาญาณ หลวงปู่ชม โฆษโก อดีตเจ้าอาวาสวัดวัวฆ้องหรือวัดป่าสามัคคีธรรมในปัจจุบัน หลวงปู่ภูมีท่านมีอุปนิสัยมีความใจเย็น มีสมาธิ มีความตั้งใจ ช่วยเหลือคนในครอบครัวอย่างไม่บกพร่อง มีกตัญญูต่อบิดามารดา

ท่านบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดมัชฌิมวาส โดยหลวงปู่ดีเนาะหลวง เป็นผู้บวชให้ และเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในฝ่ายมหานิกาย ต่อมาวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๗ จึงได้ญัตติเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต ณ วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระเทพกวี (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ท่านมีความพากเพียร พยายามใฝ่ศึกษาธรรมจึงได้ออกเดินทางแสวงหาธรรมกับพ่อแม่ครูบาจารย์ที่โด่งดังในสายกรรมฐาน

หลวงปู่ภูมี ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับ ท่านพระครูวิเวกพุทธกิจ หรือ ท่านพระอาจารย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และ ท่านพระครูวินัยธรมั่น หรือ ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกทั้งท่านยังฝากตัวเป็นศิษย์กับ พระเทพวิสุทธาจารย์ หรือ หลวงปู่บุ (หลวงปู่ดีเนาะ ปุญญสิริ) อีกด้วย หลวงปู่ภูมี ท่านยังเป็นสหธรรมมิกกับ หลวงปู่อ่อนตา เขมังกโร และหลวงปู่สุวรรณ สุจินโณ อีกเช่นกัน หลวงปู่ภูมี ท่านมีความเพียรมีความตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างไม่บกพร่อง มีแนวแน่ปฏิบัติอย่างหาผู้เปรียบมิได้เลย หลวงปู่ภูมีท่านหมั่นปฏิบัติภาวนาเป็นประจำ
ข้อวัตรปฏิบัติไม่เคยบกพร่อง หลวงปู่ภูมีท่านมักจะภาวนามรณสติทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออก โดยส่วนมากท่านจะปฏิบัติอยู่ในป่าช้าอันเงียบโดยไม่มีใครมารบกวนท่าน เพื่อฝึกจิตขอตนให้มีจิตเป็นอันใดอันหนึ่งเป็นอันเดียวกัน จนท่านได้บรรลุธรรมผลสำเร็จดั่งที่หลวงปู่ท่านตั้งใจไว้แล้ว ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้เห็นถึงความตั้งของหลวงปู่ภูมี จึงขอหลวงปู่ภูมีให้ท่านร่วมเผยแพร่ธรรมตามสถานที่ต่างๆ จึงถือได้ว่าหลวงปู่ภูมีท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญกองทัพธรรมสายกรรมฐานยุคต้นๆของหลวงปู่มั่นเลยก็ว่าได้

หลวง​ปู่​ภู​มี​ ท่านติดตามองค์หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ไปที่จังหวัดนครราชสีมา​ โดยได้รับมอบหมายให้ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาฝ่ายวิปัสสนาธุระ พร้อมด้วยพระภิกษุ ๕ รูป สามเณร ๒ รูป ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ฝ่ายวิปัสสนาธุระ อำเภอจักรราช

ท่านพักอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดป่าจักรราช อำเภอจักรราช จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังคณะสงฆ์ได้จัดให้ พระอาจารย์สำราญ ปกครองอยู่สำนักสงฆ์วัดป่าจักรราช

ต่อมาท่านไปจำพรรษาและเผยแผ่ธรรมะปฏิบัติที่วัดป่าสำราญ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 

ต่อมาหลวงปู่ภูมี ท่านได้รับคำบัญชาจากพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามชั้นตรี อดีตเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี อดีตผู้ช่วยเจ้าคณะภาค ๓,๔,๕ ให้มาอยู่จำพรรษาที่จังหวัดอุดรธานี ดังนั้นหลวงปู่ภูมีท่านจึงได้เดินทางกลับถิ่นฐานเดิม และในการเดินทางกลับในครั้งนี้คณาจารย์ผู้ร่วมเดินทางมาด้วยคือ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่านิโครธาราม และพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เมื่อท่านมาถึงจังหวัดอุดรธานีแล้ว ท่านต่างได้แยกทางกันไปเผยแพร่ปฏิบัติธรรม พำนักปักกลดตามสถานที่ต่างๆแต่ละองค์ก็ได้มีติดตามไปอยู่หลายองค์ แต่ละพระอาจารย์ต่างก็มีบทบาทที่น่าเคารพกราบไหว้ทั้งสิ้น หลวงปู่ภูมีท่านจึงได้นำคณะที่ติดตามมาด้วยมาสร้างวัดป่าโนนนิเวศน์ขึ้นมา
ก่อนที่จะมาสร้างวัดนั้นแต่ก่อนเป็นป่าช้าเอาไว้ฝังศพคนตายหรือประกอบพิธีศพอยู่นั้นเลย ก่อนที่หลวงปู่ภูมี จะมานั้น ช่วงก่อนหน้านั้น ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เคยมาจำพรรษาอยู่นี้โดยท่านพระธรรมเจดีย์ หลวงปู่จูม พันธุโล เป็นผู้นิมนต์ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในตอนนั้นท่านยังอยู่บำเพ็ญสมณธรรมทางภาคเหนือถึง ๑๑ ปี
ท่านพระธรรมเจดีย์หรือหลวงปู่จูม พันธุโล จึงได้ขอให้ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มาจำพรรษาอยู่วัดป่าโนนนิเวศน์ เนื่องจากมีความเงียบสงบเหมาะแก่การเจริญภาวนามรณสติเป็นดี ท่านพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงได้จำพรรษาที่นี้อยู่ประมาณ ๒ พรรษา พอมาช่วงที่หลวงปู่ภูมีมาจำพรรษาอยู่วัดป่าโนนนิวศน์นั้น ท่านก็ตั้งใจปฏบัติดั่งเคยทำมาแต่เดิมที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์เคยสอนอย่างไม่ตกหล่นเลย และได้มีศิษย์องค์สำคัญของอำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี คือ หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสันติกาวาส จังหวัดอุดรธานี และได้มีศิษย์องค์สำคัญอีกท่านหนึ่ง คือ หลวงปู่ประไพร สุภโร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าไพรรัตนวณาราม อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูฐานานุกรมของ พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวงชั้นตรี อดีตเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี ธรรมยุต อดีตผู้ช่วยเจ้าคณะภาค ๓,๔,๕ ที่ “พระครูวินัยธรภูมี (ภูมี ฐิตธัมโม)” เป็นผู้มีศีลมีธรรมเป็นที่ตั้ง เป็นผู้มีจริยาวัตรอัดงดงาม เป็นผู้มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้มีความสุขุมและเยือกเย็น ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระธรรมวินัยอย่างไม่ตกหล่น พร้อมด้วยศีล สมาธิ และปัญญา สมควรแก่การเคารพยกย่องสืบไป

อ้างอิงจากหนังสือประวัติหลวงปู่บัญจันทร์ กมโล สมัยเป็นพระหนุ่มพรรษา ๒ ตรงกับพ.ศ.๒๔๘๐ ท่านได้เคยไปอยู่กับพระอาจารย์ภูมี ฐิตธมฺโม ที่วัดป่าโนนนิเวศ
(หมายเหตุ บทธรรมในหนังสือ สะกดชื่อ "หลวงปู่ภุมมี" ว่า "พระอาจารย์ภูมี" โดยมีเนื้อหาดังนี้

..เมื่อลงจากรถไฟแล้วได้เดินทางต่อไปที่วัดป่าโนนนิเวศ หลวงปู่เล่าว่าวัดป่าโนนนิเวศอยู่ติดกับป่าช้าเมืองอุดรธานี สมัยนั้นเป็นป่าดงมีต้นไม้ใหญ่ๆ และอยู่ห่างจากเมืองอุดร พอเวลาเย็นลงแล้วไม่มีใครอยากผ่านเพราะกลัวผี ในเวลานั้นท่านพระอาจารย์ภูมี ฐิตธมฺโม เป็นเจ้าอาวาสอยู่ในที่นั้น เมื่อหลวงปู่เดินทางไปถึงวัดป่าโนนนิเวศได้ปฏิบัติตามอาคันตุกวัตร เข้ากราบท่านพระอาจารย์ภูมี ฐิตธมฺโม ถวายตัวเป็นศิษย์และขอนิสัยจากท่าน ท่านจัดให้พักที่กุฏเล็กๆหลังหนึ่ง ในขณะที่พักอยู่กับท่านพระอาจารย์ภูมีนั้น ได้ตั้งใจปฏิบัติเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา และทำอาจาริยวัตรด้วยความเคารพไม่ให้ขาด
 
พระอาจารย์ภูมีทดสอบครั้งที่ ๑
เรื่องความตั้งใจ
หลวงปู่เล่าว่า "ขณะที่เราเป็นพระพรรษายังอ่อน ถูกครูบาอาจารย์ทดสอบอยู่บ่อยๆ" ในขณะที่พักอยู่กับท่านพระอาจารย์ภูมีนั้น ในตอนเย็นก็ทำข้อวัตรตักน้ำใส่ตุ่มในห้องน้ำของท่าน เสร็จแล้วพอค่ำก็เดินจงกรม เมื่อเดินจงกรมเสร็จแล้วขึ้นกุฏิทำวัตรสวดมนต์ จบแล้วเข้าที่นั่งสมาธิภาวนาพิจารณาความตายเป็นอารมณ์ เมื่อหยุดจากนั่งสมาธิภาวนาแล้วก็จำวัดนอนภาวนาตั้งสติไว้ เมื่อรู้สึกตัวก็ลุกขึ้น ในขณะนั้นเป็นเวลาประมาณตี 1 ท่านพระอาจารย์ภูมีมาเรียกว่า "บุญ" พอได้ยินเสียงท่านเรียกคำเดียว จึงตอบท่านว่า "กระผม" พอท่านได้ยินเสียงตอบรับแล้ว ท่านก็ตอบใหญ่เลยว่า "ทำไมไม่รู้จักเอาน้ำใส่ตุ่มใส่โอ่งในห้องน้ำ หาน้ำจะล้างส้วมก็ไม่มี" พอได้ยินท่านว่าอย่างนี้จึงนึกอยู่ในใจว่า "น้ำเราก็ตักใส่ตุ่มใส่โอ่งไว้เต็มแล้ว ทำไมครูบาอาจารย์จึงว่าไม่มีน้ำ" ในขณะจิตหนึ่งจึงนึกขึ้นว่า "หรือว่าท่านจะทดลองเรา" แล้วหลวงปู่รีบลงจากกุฏิไปดูที่ห้องน้ำ ในตุ่มไม่มีน้ำเลย หลวงปู่บอกว่าน้ำที่ตักใส่ตุ่มไว้แต่ตอนเย็นนั้นทั้งอาบทั้งใช้ก็ไม่หมดเพราะห้องน้ำนั้นเป็นห้องน้ำเฉพาะท่านอาจารย์ใช้องค์เดียว เมื่อดูว่าน้ำไม่มีแล้ว จึงถือเอาครุไปตักน้ำในบ่อสระ เดินฝ่าความมืดเพราะสมัยนั้นไฟฟ้ายังไม่มี นำน้ำมากรองใส่ตุ่มในห้องน้ำจนเต็ม แล้วท่านให้นวดเส้นไปจนถึงตี 4 ท่านจึงบอกให้กลับกุฏิ พอกลับถึงกุฏิแล้วไหว้พระทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ถือห่อผ้าครองลงจากกุฏิเข้าทางเดินจงกรมไปจนสว่าง "ในขณะจิตนั้นมีความเอิบอิ่มในจิตใจ ไม่มีความโกรธความเคืองใจในครูบาอาจารย์ที่ท่านทดสอบเราเลย"
 
พระอาจารย์ภูมีทดสอบครั้งที่ ๒ 
เรื่องความอดทน
หลวงปู่เล่าว่า อยู่ต่อมาท่านทดสอบอีก ในวันนั้นมีโยมนำใบพลูสำหรับฉันหมากมาถวายท่านอาจารย์ 1 ชบ ท่านให้โยมเอาตั้งไว้ที่ระเบียงกุฏิท่าน พอถึงเวลาเย็นทำอาจาริยวัตรสรงน้ำท่านเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์จึงพูดว่า "คืนนี้ให้ท่านบุญมาเฝ้าใบพลูที่โยมเขาเอาถวายนี้ที่ระเบียงกุฏิ" หลวงปู่เล่าว่า พอได้ยินท่านอาจารย์บอกอย่างนั้นก้นึกขึ้นในใจอีกว่า "ประสาพลูแค่นี้ก็จะให้มาเฝ้า" แต่แล้วในขณะจิตหนึ่งจึงนึกขึ้นว่า ท่านคงจะทดสอบเราอีก เมื่อกลับถึงกุฏิตัวเองสรงน้ำเสร็จแล้วได้ห่อผ้าครองแล้วกลับมานั่งภาวนาเฝ้าใบพลูที่ระเบียงกุฏิท่านอาจารย์ ยุงก็มาก อาศัยความอดทนและความเพียรนั่งภาวนาเฝ้าใบพลูสู้กับยุงไป จนถึงเวลาดึกสงัดได้ยินเสียงท่านอาจารย์เปิดประตูออกมาดู เห็นเรานั่งอยู่ท่านจึงพูดขึ้นว่า "โอ้ ยังอยู่หรือนึกว่าหนีไปแล้ว" ท่านจึงเรียกเข้าไปในกุฏิแล้วให้นวดเส้นจนใกล้สว่างท่านจึงให้หยุด เมื่อลงจากกุฏิท่านอาจารย์แล้วกลับไปกุฏตัวเองเข้าทางเดินจงกรมต่อไปจนสว่าง
 
พระอาจารย์ภูมีทดสอบครั้งที่ ๓ 
เรื่องความสำรวม
ต่อมาท่านพระอาจารย์ภูมีทดสอบอีก ในวันนั้นเมื่อฉันจังหันเช้าเสร็จแล้ว ท่านอาจารย์บอกว่า "ให้ท่านบุญไปบอกนางมทีมาหาด้วย" นางมทีเป็นหลานสาวของท่านอยู่บ้านไก่เถื่อนซึ่งห่างจากวัดป่าโนนนิเวศพอประมาณ หลวงปู่เล่าว่า พอท่านอาจารย์บอกแล้วก็คลุมจีวรเสร็จเรียบร้อยจึงเรียกเด็กวัดชื่อนายสำรวยว่า "สำรวยๆ ไปเป็นเพื่อนครูบาด้วย" พอท่านอาจารย์ได้ยิน ท่านจึงดุเอาว่า "ไปคนเดียวไม่ได้หรือ" แล้วท่านก็ไม่ให้นายสำรวยไปด้วย หลวงปู่จึงเดินทางออกจากวัดป่าโนนนิเวศไปบ้านไก่เถื่อนเพียงองค์เดียว เดินไปในใจคิดว่าครูบาอาจารย์คงจะทดสอบเราอีก จึงตั้งสติสำรวมจิตไว้ให้ดี พอไปถึงบ้านหลานสาวท่านอาจารย์เห็นสาวมทีกำลังขึ้นตักข้าวเปลือกอยู่บนเล้า (ยุ้งข้าว) จึงเดินเข้าไปใกล้พอพูดได้ยินแล้วบอกว่า "มที ท่านอาจารย์ภูมีสั่งให้เจ้าไปหาท่านด้วยวันนี้" เมื่อบอกแล้ว หลวงปู่ก็เดินกลับวัด ไม่นานสาวมทีก็มาหาท่านอาจารย์ หลวงปู่บอกว่า ในขณะนั้นเราก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนท่านอาจารย์ คิดว่าท่านจะมีเรื่องราวอะไรจึงให้ไปเรียกหลานสาวมา พอเขามาถึงแล้วก็ไม่มีอะไร ท่านถามว่าเป็นอย่างไรไร่นาสู ถามเรื่องไร่นาเท่านั้นก็บอกให้กลับ พอสาวมทีเดินลงจากกุฏิท่านไป ท่านจึงพูดว่า "บุญๆ เบิ่งอีมทีมันย่างเอกเอ้น เอกเอ้นไป" (ดูนางมทีเดินอุ้งอุ้ย อุ้งอุ้ย) หลวงปู่เล่าว่าท่านนั่งสำรวมอยู่ ตาไม่ได้มองไปตามที่ท่านอาจารย์บอก สติก็กำหนดรู้อยู่ที่จิตของตัวเอง ในใจรู้อยู่ว่าครูบาอาจารย์ทดสอบ
 
พระอาจารย์ภูมีทดสอบครั้งที่ ๔ 
เรื่องอาหาร
หลวงปู่เล่าว่า ต่อมาท่านทดสอบเรื่องอาหารอีก มีคหบดีในเมืองอุดรเสียชีวิต ลูกหลานตั้งศพไว้หลายวัน ในวันหนึ่งเขาได้มานิมนต์ท่านอาจารย์กับพระในวัดไปฉันเช้าหน้าศพ ท่านอาจารย์จึงสั่ง "ให้ท่านบุญไปด้วยองค์หนึ่ง" พอไปถึงบ้านเจ้าภาพงานแล้วแทนที่ท่านจะให้นั่งตามลำดับพรรษา ท่านกลับบอก "ให้ท่านบุญมานั่งทางนี้" ท่านให้มานั่งอยู่ทางขวามือท่านองค์เดียว พอเจ้าภาพถวายอาหารอันไหนเป็นอาหารประณีตท่านจะส่งไปทางพระที่นั่งเป็นแถวอยู่ พออันเป็นผักเป็นน้ำพริกท่านจะส่งมาให้ "อันนี้ให้ท่านบุญ" เราก็ยินดีไม่ได้น้อยใจในครูบาอาจารย์ กลับดีใจว่าครูบอาจารย์ท่านทดสอบเรา ฝึกเรา การอยู่กับครูบาอาจารย์จึงเป็นผลดี เพราะท่านเป็นครูฝึกเราให้มีความเข้มแข็งในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความรู้ความเห็นในธรรม

เมื่อพักอบรมอยู่กับท่านพระอาจารย์ภูมีชั่วระยะเวลาไม่นาน จึงได้กราบลาท่านเดินทางกลับไปพนมไพรเพื่อคัดเลือกทหาร ในวันจะกลับนั้นท่านสั่งให้โยมเตรียมอาหารให้ฉันแต่เช้าเพราะต้องรีบไปให้ทันรถไฟ เมื่อฉันเสร็จท่านจึงสั่งให้สามล้อไปส่งที่สถานีรถไฟอุดรพร้อมตีตั๋วรถไฟให้ด้วย ไปลงที่กิ่งไผ่ (อำเภอบ้านไผ่)
อ้างอิง คัดลอกจากหนังสือ "กมโล ผู้งามดั่งดอกบัว" พระครูศาสนูปกรณ์(บุญจันทร์ กมโล) วัดสันติกาวาส อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี

ลูกศิษย์ท่านบันทึกไว้ว่า.. "หลวงพ่อภุมมี สนใจหนังสือ ธัมมะจักฯ ๑ อะนัตตะฯ ๑ อาทิตตะฯ ๑ มหาสมัยสูตร ๑ มหาสติปัฏฐาน ๑ พระปาฏิโมกข์ ๑ ท่านพยายามสวดควบคู่กันไปทั้ง ๖ สูตร สวดไม่มีกลางวันกลางคืน เว้นแต่พักทำจิต ท่านบอกว่า ถ้าฉันยังตัดโซ่ตัดตรวนยังไม่ขาด (คือสังโยชน์) ฉันจะเอาไปนำด้วย" 

ท่านพูดให้กำลังใจลูกศิษย์ว่า ".. บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา มันต้องอยากสึกเหมือนกันทุกคน ไม่มากก็น้อย แต่เราก็อาศัยอุบายและความเพียร และความอดทนเข้าสู้ พิจารณาให้ดีเสียก่อน อย่าพรวดพราด เดี๋ยวจะอายเขาตามภายหลัง ไปทำความเพียร ดูเสียก่อน แต่ทำให้มาก ถ้าเราจะเดินจงกรมก็เดินให้มาก หรือจะนั่งสมาธิก็นั่งให้มาก ถ้าตาย ผมจะเป็นเจ้าภาพถวายสรีระสังขารให้ .."

#กาลละสังขาร

หลวงปู่ภูมมี ฐิตธมฺโม ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี อยู่ ๑๑ ปี ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๕ พระเถระผู้ใหญ่มีคำสั่งให้ท่านไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา และท่านละสังขารลงเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๕ สิริอายุ ๖๓ ปี ( ๒๕๐๕ )

ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco