ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่สาย เขมธัมโม วัดป่าพรหมวิหาร ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู


 ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่สาย เขมธัมโม 
     วันนี้วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๑๐๒ ปี ชาตกาล พระครูเขมสารสุธี หรือ หลวงปู่สาย เขมธัมโม “พระอริยสงฆ์ผู้มีธรรมอันเกษม” แห่งวัดป่าพรหมวิหาร บ้านภูศรีทอง ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู หลวงปู่สาย แม้ท่านจะบวชเมื่อวัยชราแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านได้มุ่งประพฤติ ปฏิบัติธรรมตามปฏิปทาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพาดำเนินมาโดยตลอด ครูบาอาจารย์องค์สำคัญที่ให้คำแนะนำในการประพฤติปฏิบัติ คือ พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน แห่งวัดป่าบ้านตาด ซึ่งหลวงปู่ได้ให้ความเคารพองค์ท่านมาก

“..พระธรรมไม่อยู่ไกล ถ้าแก้ไขตัณหากิเลสเสร็จแล้ว ธรรมดวงแก้วอยู่ที่นั้น ท่านเข้าใจไหม รีบแก้รีบไข ถ้าอยากเห็นธรรมะ..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่สาย เขมธัมโม “พระอริยสงฆ์ผู้มีธรรมอันเกษม”

หลวงปู่สาย เขมธมฺโม นามเดิม สาย แสงมฤค เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๖๕ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ ณ บ้านดอนกลาง ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายทอก แสงมฤค มารดาชื่อ นางเคน แสงมฤค หลวงปู่สายมีพี่น้อง ๗ คน หลวงปูสาย เขมธัมโม ท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ และมีน้องชายคนสุดท้องบวชเป็นพระอีกรูปหนึ่ง คือ หลวงปู่วิชัย โกสโล
 
• #การศึกษา
หลวงปู่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนวัดบ้านนาชมซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้านของหลวงปู่ ในช่วงเป็นหนุ่มอายุประมาณ ๑๘ ปี หลวงปู่มีโอกาสได้เรียนธรรมบาลีไวยากรณ์ - เรียนปาฏิโมกข์ควบคู่ไปกับการเรียนหมอลำกลอน ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยมีท่านอาจารย์มหานาม เป็นผู้สอน ในสมัยนั้นฆราวาสก็สามารถเรียนธรรมบาลี เรียนปาฏิโมกข์ได้ หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่มีความจำดีมากทำให้ท่านท่องปาฏิโมกข์จนจบได้ทั้ง ๆ ที่เป็นฆราวาสอยู่ นอกจากนั้นยังสามารถท่องกลอนลำกลอนต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นหมอลำกลอนคนหนึ่ง รู้จักกันในนาม "หมอลำสายทอง" และท่านยังมีพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมบาลีไวยากรณ์ประดับอีกด้วย
 
• #ชีวิตครอบครัว
หลวงปู่ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่บ้านชาติ (บ้านคูฟ้า) ซึ่งไม่ไกลจากบ้านเดิมมากนัก และได้สมรสกับ นางปาน ผายม มีบุตรด้วยกัน ๒ คนคือ
๑. นายมาย แสงมฤค (ปัจจุบันอุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่)
๒. นายสมหมาย แสงมฤค
ต่อมาหลวงปู่ได้ย้ายครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง มาอยู่ที่ บ้านหนองหิน (บ้านดอนอีไข) อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยประกอบอาชีพทำนา และเลี้ยงสัตว์ เป็นอาชีพหลัก ส่วนความสามารถในการลำกลอนของท่านก็เป็นอาชีพเสริม ทำให้ครอบครัวมีรายได้อีกทางหนึ่ง
 
• #ชีวิตในเพศพรหมจรรย์
 
#อุปสมบทครั้งที่_๑
การบวชในครั้งแรกของหลวงปู่เป็นการบวชตามประเพณี พอมีอายุครบบวช คือ อายุครบ ๑๐ ปีบริบูรณ์ ก็ต้องบวชทดแทนบุญคุณ บิดา มารดา อันนี้เป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายที่พึงกระทำหลวงปู่ ท่านก็ได้ทำหน้าที่ดังกล่าว ในครั้งนั้นท่านบวช ณ พัทธสีมาวัดบ้านนาชม ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านท่าย โดยมีหลวงปู่สี เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์จูม เป็นพระกรรมวาจารย์ สังกัดฝ่ายมหานิกาย ซึ่งส่วนมากจะเน้นทางด้านปริยัติเป็นหลัก การบวชในครั้งนั้นแม้ท่านจะบวชตามประเพณี แต่ท่านก็มีความวิริยะอุตสาหะในการศึกษาเล่าเรียนเป็นอันมาก จนสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ พอบวชครบ ๑ พรรษาท่านก็ลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตฆราวาสตามเดิม
 
#อุปสมบทครั้งที่_๒
สาเหตุที่หลวงปู่ออกบวชครั้งที่ ๒ เพราะหลวงปู่ป่วยเป็นโรคปวดหัวโดยไม่รู้สาเหตุ พยายามรักษาอยู่หลายวิธีแต่ก็ไม่หาย หลวงปู่ลองบนดู โดยบนไว้ว่าถ้าหายป่วยแล้วจะบวชแก้บน ต่อมาอาการป่วยของหลวงปู่ก็หายจริง ๆ จึงทำให้หลวงปู่ต้องตัดสินใจบวช โดยบวชในฝ่ายธรรมยุต ณ พัทธสีมาวัดโยธานิมิต ซึ่งมีหลวงปู่อ่อนตา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ด้วงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วมาอยู่จำพรรษาที่วัดดอนอีไข แม้หลวงปู่จะบวชเพื่อแก้บนแต่หลวงปู่ ก็หมั่นปฏิบัติภาวนาเป็นประจำมิได้ขาดยังธรรมปีติให้เกิดมีแก่องค์หลวงปู่ การบวชในครั้งนี้ของหลวงปู่บวชอยู่นานถึง ๖ พรรษา และยังได้ริเริ่มสร้างว่าหนองหัวหมูขึ้น จากนั้นจึงได้ลาสิกขา จริง ๆ แล้วหลวงปู่ไม่คิดอยากจะสึกแต่เพราะกลัวจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับครอบครัว จึงทำให้ท่านตัดสินใจสึก
 
#อุปสมบทครั้งที่_๓
หลังจากที่หลวงปู่ไดลาสิกขา ท่านก็กลับมาอยู่กับครอบครัวโดยประกอบอาชีพทำนาและเลี้ยงสัตว์ตามเดิม วันหนึ่งท่านได้บรรทุกปลาใส่รถสามล้อถีบเพื่อจะนำไปขาย และขณะเดินทางรถสามล้อเกิดเสียหลักลงข้างทาง ในตอนนั้นมีกลุ่มผู้หญิงกำลังเดินทางกลับจากทำบุญที่วัดมาพบเข้า พวกเขามองดูปลาในรถสามล้อแล้วคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า "ปลาพวกนี้เป็นปลามีบุญนะ ฉันไม่กล้าซื้อหรอกกลัวบาป" พอหลวงปู่ได้ยินแม้หลวงปู่จะแปลกใจในคำพูดนั้น แต่ก็ทำให้หลวงปู่เกิดความสลดสังเวช คิดตำหนิตนเอง เกิดเป็นผู้ชายแท้ ๆ บวชก็เคยบวชมาแล้วยังไม่รู้จักบาปบุญ ยังมาค้าขายชีวิตสัตว์อื่นเขาอีก ต่อมาหลวงปู่ท่านก็เลิกเลี้ยงปลาขาย ประกอบอาชีพทำนาอย่างเดียว การใช้ชีวิตในทางฝ่ายโลกนั้นย่อมประกอบกับปัญหาและทุกข์นานาประการเมื่อเทียบกับรสแห่งธรรมที่ท่านเคยได้สัมผัสเมื่อครั้งอยู่ในผ้าเหลืองมันต่างกันมาก

ยิ่งนานวันนั้นความจริงอันนี้ยังเด่นชัด ทำให้หลวงปู่อยู่ครองเพศฆราวาสต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจขออนุญาตภรรยาและลูก ๆ ออกบวชอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครอบครัวก็ไม่มีใครขัดข้อง ต่างก็อนุโมทนากับหลวงปู่ จึงทำให้หลวงปู่ได้บวชอีกครั้ง
 
หลวงปู่ได้อุปสมบทครั้งที่ ๓ ในฝ่ายธรรมยุต ณ วัดบุญญานุสรณ์ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เมื่ออายุได้ ๕๖ ปี โดยมี พระครูประสิทธิ์คณานุการ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุวัณโณปมคุณ (หลวงปู่คำพอง ติสโส) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูโสภณคณานุรักษ์ หลวงปู่ทองใบ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้ฉายาว่า "เขมธมฺโม" แปลว่า "ผู้มีธรรมอันเกษม"
 
• #ลำดับการข้าพรรษา
แม้ในการบวชครั้งที่ ๓ ท่านจะมีอายุมากถึง ๕๖ ปีแล้วก็ตาม แต่หลังจากบวช ท่านได้เข้าป่าเพื่อบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว ในปีแรก ได้ไปพำนักจำพรรษาอยู่กับหลวงตาขนบ ณ วัดดอนไข อ.เมือง จ.อุดรธานี

พรรษาที่ ๒ ย้ายไปจำพรรษาที่วัดป่าศรีอุดม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยมี หลวงปู่แสง ญาณวโร เป็นประธานสงฆ์ คอยให้คำแนะนำ ทำให้การปฏิบัติภาวนามีความรุดหน้า จิตสงบ ในพรรษานี้ ท่านได้มีโอกาสไปกราบเรียนธรรมปฏิบัติกับท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ณ วัดป่าแก้วชุมพล ต.บ้านชุม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ได้ให้อุบายธรรมเพื่อให้หลวงปู่ได้นำไปพิจารณา และแนะแนวทางในการปฏิบัติกรรมฐาน เมื่อท่านได้รับความกระจ่างหมดปัญหาที่ติดขัด ก็ออกท่องปลีกวิเวกและธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและประเทศใกล้เคียง เพื่อค้นหาความจริงต่อไป

ในบางครั้ง หลวงปู่สาย มีโอกาสได้เข้าไปพักอาศัยกับครูบาอาจารย์ เพื่อรับฟังโอวาทธรรม อาทิ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ฯลฯ

ในตอนที่หลวงปู่สายเข้าไปกราบหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ นั้น หลวงปู่อ่อนได้ทักขึ้นว่า “ผ่านเสียงได้แล้วนี่” สาเหตุที่หลวงปู่อ่อนทักเช่นนี้

คงเป็นเพราะหลวงปู่สาย ท่านเดินจงกรมสู้กับเสียงที่เกิดจากเครื่องขยายที่ใช้ในงานมหรสพ หลวงปู่สาย ท่านปรารภว่า “เสียงก็อยู่ส่วนเสียง ไม่เข้ามากระทบจิตเลย ต่างคนต่างอยู่”

นอกจากนี้ ท่านยังเป็นศิษย์องค์สำคัญของ “หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน” แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "พระสงฆ์ที่ได้คุณธรรมชั้นสูง" หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อน มนุษย์ ไม่เคยตำหนิ หรือกล่าวร้ายผู้อื่นเลย

การปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เป็นการปฏิบัติโดยเพียงลำพัง ถ้าท่านติดขัดในปัญหาธรรมต่าง ๆ ท่านมักจะเข้าไปกราบเรียนถามองค์หลวงตามหาบัว ซึ่งองค์ท่านก็เมตตาตอบปัญหาและแนะอุบายในการปฏิบัติภาวนาแก่องค์หลวงปู่เสมอ ๆ จนกระทั่ง มีเทพมานิมนต์ท่านให้มาอยู่ที่ภูน้อย - ภูพนัง ท่านจึงรับนิมนต์และได้มาสร้างวัดป่าพรหมวิหารขึ้น
 
ในช่วงที่หลวงปู่สายปลีกวิเวกอยู่ที่ภูน้อย (ภูพนัง) เกิดฝนตกอย่างหนัก ชาวบ้านได้นำสังกะสีเก่าๆ มาทำที่พักชั่วคราวให้ท่านพอกันแดดฝนได้เท่านั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดป่าพรหมวิหารขึ้น ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ ณ บ้านภูศรีทอง ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู วัดนี้จึงวัดที่ท่านอยู่จำพรรษาเรื่อยมา จนถึงกาลมรณภาพ

หลวงปู่สาย ตกลงใจปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ภูน้อย (ภูพนัง) แห่งนี้ ในระยะแรกได้รับความยากลำบากอยู่เป็นอันมาก โดยเฉพาะในเรื่องน้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับท่าน ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเครื่องสนับสนุนในการปฏิบัติความเพียรเป็นอย่างดี

แม้ท่านจะนั่งวิปัสสนากรรมฐานเพียงลำพังด้วยตัวเอง โดยไม่ได้อยู่กับครูบาอาจารย์แต่ท่านมักจะมีธรรมมาเตือนอยู่เสมอ ไม่ว่าเกี่ยวกับธรรมหรือวินัย ประหนึ่งว่ามีครูบาอาจารย์คอยตักเตือนอยู่เสมอ ทำให้ท่านปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ซึ่งบางเรื่องไม่มีตำรา

• #ปฏิปทาตามแบบอย่างครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น
ธรรมะที่หลวงปู่นำมาเทศน์โปรดคณะศรัทธาญาติโยมนั้น เกิดจากธรรมที่ผุดขึ้นมาจากการฝึกฝนอบรมปฏิบัติทั้งสิ้น มิใช่ไปหาอ่านจากตำรามาเล่าสู่กันฟัง มีลักษณะเป็นคำกลอน มีทั้งสำนวนไทยอีสานและสำนวนไทยกลาง มีความคล้องจองและมองเห็นธรรมะอย่างแจ่มชัดแบบ ง่ายๆ ให้สาธุชนได้รู้จิตของตนเอง เพื่อจะได้บังคับกายและวาจาให้ทำดี มีความสงบสุขร่มเย็น ดังคำกลอนที่ว่า “หมากัดหมาไม่เหมือนหมากัดคน หมากัดคนไม่เหมือนคนกัดคน คนกัดคนหมาไม่สนใจด้วย หมาก็ไม่ช่วยเพราะ ไม่ใช่เรื่องของหมา”

นอกจากนี้ ท่านยังมีธรรมะสุภาษิตที่เทศนาบรรยายออกมาอย่างคล่องปาก แม้ท่านจะไม่เคยเรียนการแต่งกลอนมาจากที่ใด แต่ท่านสามารถเทศน์สอนคนได้คล่องมาก เท่าที่คณะศิษยานุศิษย์รวบรวมเอาไว้สามารถ พิมพ์เป็นหนังสือได้เป็นเล่ม

สิ่งหนึ่งที่ท่านยึดมั่นและยกขึ้นมาสอนลูกศิษย์ให้ระลึกถึงคำสอนของพระศาสดา คือประโยคที่ว่า “ใครจะเป็นผู้วิเศษเหนือพระพุทธเจ้า จะมีใครเล่าอยู่เหนือโลกทั้งสาม เหนือพระศาสดาจารย์ไปอีก ไม่มีในโลกนี้ หรือโลกไหนไม่มีแล้ว เหนือแก้วพุทธะหาไม่มีเลย”

นอกจากนี้ หลวงปู่สายเคยให้คติธรรมนำไปขบคิดในการดำเนินชีวิตว่า “ของจริง ไม่เหมือนของปลอมฉันใด ทองจริงก็ย่อมไม่เหมือนทองปลอมฉันนั้น”

หลวงปู่ท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงมาก แม้แต่การกราบเรียนถามปัญหาธรรมทางโทรศัพท์ผ่านพระอุปัฏฐาก หลวงปู่ก็เมตตาตอบให้

นับตั้งแต่หลวงปู่สายมาอยู่พำนักจำพรรษาที่ภูน้อย (ภูพนัง) แห่งนี้ จวบจนกระทั่งสร้างขึ้นเป็น “วัดป่าพรหมวิหาร” ในทุกวันนี้ หลวงปู่ยังไม่เคยได้ย้ายไปจำพรรษาที่ใดอีกเลย แม้วัยจะล่วงเข้าสู่ไม้ใกล้ฝั่ง แต่ท่านก็ยังสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นปกติ

• #ตัวอย่างสาเหตุของธรรมะผุด
เหตุการณ์ที่ ๑ เมื่อครั้งสมัยหลวงปู่มาอยู่ที่วัดป่าพรหมวิหารใหม่ๆ มีโยมมาหาหลวงปู่แล้วถามหลวงปู่ว่า

(โยม) ปู่บ่อยากสร้างวัดบ๋ออยากสร้างวัดให้บอกเลข (บอกหวย) จึงมีธรรมะผุดขึ้นว่า ลงทุ่งระวังหญ้า (*)เข้าป่าระวังหนาม ลงน้ำระวังปลิง ของไม่จริงระวังหลอก

(*อย่าเพลิดเพลินกับเงินเขามาสร้าง วัดสิฮ้าง(ร้าง)เงินสร้างสิบ่มี ถุงเงินบ่หลมหัวซ่าง อย่าอวดอ้างว่าโตมีเงิน
เงินอยู่นำตัว อย่ากลัวทำตน ถ้าตนทำดี ถุงเงินห้อยใบไม้ ไผอยากได้ให้นั่งภาวนา)

เหตุการณ์ที่ ๒ มีอยู่ครั้งหนึ่งหมู่บ้านใกล้เคียงเขาจุดบั้งไฟ หลวงปู่กลัวมันจะตกใส่เลยหาที่หลบ ธรรมะก็ผุดขึ้นมาว่า "บ่แหม่นเสือพาน อย่าหารเข้าป่า ให้นั่งอยู่สง่าคือภูมิทัน

ทั้งนี้ ปฏิปทาของหลวงปู่สาย ยังปฏิบัติตามแบบอย่างที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นำพาดำเนินไป สำหรับธุดงควัตรที่หลวงปู่ยึดถืออย่างเคร่งครัด คือ บิณฑบาตเป็นวัตร, บริโภคอาสนะเดียวเป็นวัตร และฉันภาชนะเดียวเป็นวัตร ส่วนธุดงควัตร ข้ออื่นนั้น ล้วนปฏิบัติตามกาลอันสมควร ถือได้ว่าหลวงปู่เป็นพระดีที่ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้สนิทใจโดยแท้

• #จากบันทึกประวัติฉบับพิศดารหลวงปู่สาย_เขมธมฺโม
บันทึก วันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๙
พระศาสดาเสด็จโปรด(ในนิมิต)
".. ผู้ละสมมุติไม่ได้ ก็ละธรรมจักรยังไม่ได้ 
เพราะจะได้ฟังธรรมจักรอยู่ สมมุติและวิมุติ
คล้ายทุกข์กับสุข เมื่อละสมมุติได้แล้ว วิมุติก็แทนที่ 
เมื่อสุขเกิดขึ้นแล้ว ทุกข์ก็หายไปเช่นเดียวกัน 
โลกนี้เป็นของกลาง ใครจะมาเกิดในโลกนี้ก็ได้หมด มนุษย์ประเภทใดมาเกิดก็ได้ สัตว์ชนิดใดมาเกิดก็ได้ เปรต ผี ปีศาจ มดแดง มดดำ นก วัวควาย เป็ดไก่ สัตว์ชนิดใดโลกไม่กีดกันหวงห้าม

ทำดีทำชั่ว โลกไม่ติเตียน 
มีแต่ธรรมเท่านั้นที่ติเตียนคนชั่ว 
ผู้ใดทำชั่ว ผู้มีธรรมต้องติเตียน 
ดังนั้น ถ้ามีโลกล้วน ๆ แล้ว ไม่มีธรรมประจำโลก 
โลกก็ระเบิดในวินาทีเดียว .."
ธรรมนี้พระพุทธเจ้ามาแสดงให้ฟังตอนกลางวัน 
แรม ๙ ค่ำ มีพระสาวกอยู่กับพระองค์มากมาย

หลวงปู่สาย เขมธัมโม ท่านละสังขารตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๔๒ น. ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น สิริอายุ ๙๒ ปี ๕ เดือน ๓ วัน พรรษา ๓๗

“..ให้ดูตน ให้ดูตัว ให้ดูหัว ให้ดูเท้า
ให้ดูเขา ให้ดูเรา ให้ดูบาป ให้ดูบุญ 
ให้ดูคุณ ให้ดูโทษ ให้ดูโลก ให้ดูธรรม
สิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำให้ดู ให้รู้
แล้วให้อยู่ในกรอบพระธรรม..”
โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่สาย เขมธัมโม

#บรรณานุกรมอ้างอิง : คัดลอกมาจากหนังสือ "ธรรมะจากหลวงปู่" หลวงปู่สาย เขมธัมโม" ; หน้า ๓ - ๑๐

ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco