ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่สนอง กตปุญฺโญ วัดสังฆทาน อ.เมือง จ.นนทบุรี

     

     ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ 
     วันที่ ๒๔ สิงหาคม​ ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี รำลึก ๑๒ ปี อาจาริยบูชาคุณ​ หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ท่านเป็นผู้มีความจริงใจและจริงจังต่องานการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสังฆทาน บ้านบางไผ่น้อย ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งวัดสังฆทานนี้ยังได้แยกสาขาออกไปเพื่อเผยแผ่ธรรมะตามวัดในจังหวัดต่างๆ และตามถ้ำต่างๆ รวมแล้วประมาณ ๔๒-๔๓ แห่งทั่วประเทศ และในต่างประเทศอีก ๕ สาขา ได้แก่วัดสันติวงศาราม (เดิมชื่อ วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ, วัดอนันทะวิหาร เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย และ วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ฯลฯ 

หลวงพ่อสนอง ท่านยังมีเมตตาธรรมสงเคราะห์พระภิกษุ-สามเณร แม่ชี และฆราวาส ผู้ที่ได้รับทุกขเวทนาทางร่างกาย มีปัญหาด้านสุขภาพ และผู้ด้อยโอกาส โดยการจัดสร้าง โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยเพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยการแพทย์วิถีไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังสนับสนุนและส่งเสริมให้อุบาสก อุบาสิกา สาธุชนทั่วไป ได้ใช้วัดเป็นสถานที่เพื่อประโยชน์ในการศึกษาธรรม ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม และให้โอกาสทุกท่านที่สนใจบวชเนกขัมมะที่วัดสังฆทานได้ทุกวัน และมีการปฎิบัติธรรมตลอดรุ่งทุกวันเสาร์และวันพระ โดยจะมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผลัดเปลี่ยนกันมาสอนปฏิบัติธรรมกรรมฐานกระทั่งจนถึงเวลาทำวัตรเช้า 

๏ อัตชีวประวัติหลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ 
วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี 

หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ท่านเป็นพระนักเผยแผ่ธรรมและพระนักปฏิบัติด้านวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง มีนามเดิมว่า สนอง โพธิ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๗ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ (๔ ฯ ๕) ปีวอก จ.ศ. ๑๓๐๕ ณ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งในวันที่ท่านเกิดนั้นได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ คือ มีลูกเห็บตกลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งผู้คนในบ้านต่างตื่นเต้นยินดี และคิดว่าเด็กที่เกิดในวันนี้ต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดแน่นอน จึงจัดหาพานมารับเด็กที่พึ่งคลอด และขนานนามเด็กชายคนนี้ว่า สนอง โยมบิดาชื่อ นายเอม โพธิ์สุวรรณ (ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีนามฉายาว่า อริยวํโส) โยมมารดาชื่อ นางแม้น โพธิ์สุวรรณ (ต่อมาได้ถือศีลออกบวชเป็นแม่ชี) มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๙ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๗ 

๏ การบรรพชา 

ครั้นเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ปี ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดไชนาวาส ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แล้วมีโอกาสศึกษาบาลีนักธรรมอยู่ ๒ ปี จนสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี 

๏ การอุปสมบท 

ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ณ พัทธสีมาวัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โดยมี พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต) วัดดอนไร่ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระบุญทรง วัดหนองไผ่ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระบุญยก วัดดอนไร่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กตปุญฺโญ” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีบุญอันได้กระทำแล้ว, ผู้ทำบุญไว้แล้วแต่ปางก่อน” ท่านอุปสมบทได้เพียงพรรษาเดียวก็เริ่มออกเดินธุดงค์ไปทางภาคอีสาน 

๏ ลำดับการจำพรรษา 

• พรรษาที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๐๗ 
วัดหนองไผ่ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี 

หลังจากที่อุปสมบทแล้ว หลวงพ่อสนอง กตปุญฺโญ ได้ประพฤติปฏิบัติตามศีลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อ ๑๐ (ชาตะรูปะระชะตะปะฏิคคะหะณา เวระมะณี) คือ เจตนาเว้นจากการรับเงินทองหรือยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน ท่านออกธุดงค์ประมาณ ๗ เดือน ได้ข่าวโยมมารดามาบวชชี ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี จึงรีบเดินทางมาพบโยมมารดาด้วยความปีติดีใจ และได้พบ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก จึงได้ถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อสังวาลย์ได้แนะนำให้หลวงพ่อสนองเข้าห้องกรรมฐานบ่มอินทรีย์ เจริญสติปัฏฐาน ๔ ณ ป่าช้าวัดหนองไผ่ เช่นเดียวกับที่ท่านเคยปฏิบัติที่ป่าช้าวัดบ้านทึง โดยสมาทานไม่พูด ไม่เขียน (พูดเขียนได้แต่เฉพาะกับหลวงพ่อสังวาลย์รูปเดียวเท่านั้น) และได้สมาทานธุดงค์ ๗ ข้อคือ 

(๑) เตจีวริกังคะ ถือเพียงไตรจีวรเป็นวัตร 
(๒) เอกาสนิกังคะ ถือนั่งฉันเพียงอาสนะเดียวเป็นวัตร 
(๓) ปัตตปิณฑิกังคะ ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร 
ไม่ใช้ภาชนะใส่อาหารเกินหนึ่งอย่างคือบาตร 
(๔) ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร 
แม้อาหารที่ถวายภายหลังจะประณีตกว่า 
(๕) โสสานิกังคะ ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร 
(๖) ยถาสันถติกังคะ ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้เป็นวัตร 
(๗) เนสัชชิกังคะ ถือการนั่งเป็นวัตร เว้นการนอน อยู่ได้เพียง ๓ อิริยาบถ 
(เฉพาะธุดงควัตร ข้อ ๗ นี้ เริ่มปฏิบัติหลังจากอยู่ป่าช้าแล้ว ๓ เดือนแล้วถือมาตลอด 
จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เมื่อโยมมารดาถึงแก่กรรม จึงได้เลิกเนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย) 

• พรรษาที่ ๒-๔ พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๑๐ 
ป่าช้าวัดหนองไผ่ ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี 

การปฏิบัติในป่าช้า หลวงพ่อสังวาลย์จะมาสอบอารมณ์กรรมฐานหลวงพ่อสนอง ๑ เดือน หรือ ๒ เดือน ต่อครั้ง ผลการปฏิบัติในป่าช้าทำให้ท่านเชื่อในนรกสวรรค์ เชื่อว่ามรรคผลนิพพานมีจริง หลวงพ่อสังวาลย์กล่าวชมหลวงพ่อสนองว่าเป็น พระภิกษุสุวโจ คือเป็นคนที่ว่าง่าย สอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่รั้น สอนอะไรก็ทำตามได้หมด 

• พรรษาที่ ๕-๖ พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๒ 
สำนักป่าพุทธอุทยานเขาถ้ำหมี (วัดเขาถ้ำหมี) 
ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 

หลังจาก ๓ ปีผ่านไป หลวงพ่อสนองขออนุญาตหลวงพ่อสังวาลย์ออกจากห้องกรรมฐาน หลวงพ่อสังวาลย์เห็นสมควรแล้วจึงอนุญาต และได้พูดถึงความดีของพระสงฆ์ให้ฟัง ต่อมาหลวงพ่อสนองได้กราบลาหลวงพ่อสังวาลย์เพื่อออกธุดงค์หาที่สงบวิเวกและเที่ยวชมวัดร้าง โดยไม่คิดที่จะเป็นครูบาอาจารย์สอนใคร แต่หลวงพ่อสังวาลย์คิดว่าพระรูปนี้ต่อไปจะต้องสั่งสอนคนแน่นอน จึงมอบกลดของท่านที่หลวงพ่อเกลื่อนทำถวาย ซึ่งหลวงพ่อสังวาลย์ใช้เดินธุดงค์เป็นเวลาหลายปีให้กับหลวงพ่อสนอง การเดินธุดงค์ของหลวงพ่อสนองจะเดินไปตลอด ไม่ยอมขึ้นรถ เมื่อพบคนไม่มีรองเท้าก็ถอดให้ ตัวท่านเองจะเดินเท้าเปล่า 

ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ วัดร้างวัดแรกที่ท่านมาชมโดยมิได้ตั้งใจคือ วัดสังฆทาน ร้างอยู่กลางสวน มีเพียงองค์หลวงพ่อโตกับศาลาไม้มุงสังกะสีเก่าๆ และฐานอิฐเก่าๆ บนที่ไร่เศษ สถานที่สงบเย็น ร่มรื่น เหมาะกับการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อสนองพิจารณาแล้วคิดสร้างวัดสังฆทานให้เป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักธุดงคกรรมฐาน เพราะที่ตั้งของวัดอยู่ใกล้แหล่งรวมของผู้มีปัญญาและกำลังซึ่งจะเป็นกำลังของพระศาสนาได้ดี 

แต่ขณะนั้นตัวท่านคิดว่าตนเองยังมีบารมีไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้นำที่นี่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น การจะเข้ามาทำอะไรนั้นทำได้ยาก จะต้องให้เขาเห็นดี ให้เขาเข้าใจ เพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับผู้มีปัญญา ท่านจึงตั้งใจธุดงค์กลับไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำพุข่อย จ.สุพรรณบุรี แต่มีเหตุให้ต้นไม้ล้มขวางเส้นทางลบหายไปหมด ท่านจึงเดินย้อนมาอีกทางก็มาพบเขาถ้ำหมี จึงเปลี่ยนใจปฏิบัติธรรมที่เขาถ้ำหมี จ.สุพรรณบุรี และถ้ำกระเปาะ จ.ชุมพร อีกเป็นเวลา ๖ ปี โดยท่านได้ฝึกกสิณดินและกสิณไฟ ได้ดวงกสิณดินที่ถ้ำหมีนั่นเอง 

• พรรษาที่ ๗-๙ พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๕ 
ถ้ำกะเปาะ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 

หลวงพ่อสนองเดินทางมาที่ถ้ำกะเปาะ พิจารณาแล้วว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของพระสงฆ์มาก แต่มีไข้มาลาเรียชุกชุม ที่นี่หลวงพ่อได้มาฝึกกสิณน้ำ กสิณลม ส่วนกสิณไฟได้มาฝึกต่ออีกครั้งจนเกิดดวงกสิณ การเผยแผ่ธรรมในช่วงนี้จะมีเพียงเล็กน้อย มีญาติโยมมาฝึกสมาธิบ้าง ที่ถ้ำกะเปาะมีเหตุการณ์ที่สนุกประทับใจหลายเรื่อง มีพระที่ตามไปปฏิบัติธรรมกับท่านคือ หลวงพ่อประทีป สมฺปุณฺโณ ต่อมาหลวงพ่อได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดต้นตาลโตน ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่านมรณภาพลงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ 

• พรรษาที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๖ 
สำนักป่าพุทธอุทยานเขาถ้ำหมี (วัดเขาถ้ำหมี) 
ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 

หลวงพ่อสนองเดินทางกลับมาที่ถ้ำหมีอีกครั้งเพื่อมาโปรดญาติโยมและสร้างโรงเรียน มีญาติโยมศรัทธามาปฏิบัติเป็นประจำ ในวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนยอดเขาและได้ก้าวพลาดตกลงมา หลังกระแทกกับหินทำให้กระดูกที่หลังแตก จากนั้นเป็นต้นมาท่านจะปวดหลังตลอดเวลา ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ปวดจนเป็นปกติ เวลานั่งสอนสมาธิก็จะเจ็บปวด ขาทั้งสองจะชามาก ท่านไม่ได้ให้หมอรักษา แต่ใช้ความอดทนข่มความเจ็บปวดเนื่องจากไม่ต้องการให้ใครทราบและเป็นห่วง โดยเฉพาะโยมมารดาซึ่งขณะนั้นเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสังฆทาน แต่หลังจากโยมมารดาถึงแก่กรรม (พ.ศ. ๒๕๓๒) ท่านจึงได้เล่าให้ญาติโยมฟังและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ 
 
• พรรษาที่ ๑๑-๒๔ พ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๓๐ 
วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี 

หลังจากที่ฝึกกสิณดิน กสิณน้ำ กสิณลม และกสิณไฟ เป็นเวลาทั้งหมด ๖ ปี หลวงพ่อสนองจึงเดินทางกลับมาวัดสังฆทานอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อจำพรรษาร่วมกับพระสงฆ์อีก ๕ รูป ด้วยข้อวัตรปฏิปทาตามหลักธุดงคกรรมฐาน ชาวบ้านบางคนตั้งข้อหาท่านว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ สภาพความเป็นอยู่จึงยากลำบาก ถูกข่มขู่ด้วยปืนและการปาระเบิด บิณฑบาตเกือบไม่ได้ เมื่อนำอาหารมาเทรวมกันก็มีจำนวนน้อยมาก พระสงฆ์ทุกรูปไม่ยอมตักอาหารใส่บาตร หลวงพ่อต้องเป็นผู้ตักใส่บาตรให้ น้ำดื่มต้องตักจากบ่อเก่ามาต้มฉัน ไม่มีน้ำปานะ ไม่มีไฟฟ้า หลังจากนั้นก็มีพระเณรตามมาอีก แต่ต่อมาก็หนีกลับเพราะบิณฑบาตแล้วไม่พอฉัน 

ช่วงนี้ท่านใช้หลักการเผยแผ่ธรรมด้วยความสงบด้วยการปฏิบัติ ท่านเล่าว่ามีนิมิตเกิดขึ้น คือ หมีเดินเข้ามาหา ต่อมาหมีก็กลายเป็นหมู จากหมูก็กลายเป็นเณรมานั่งตักท่าน นโยบายของท่านเริ่มต้นด้วยการสร้างบุคลากรโดยมุ่งฝึกฝนพระสงฆ์ที่มาบวช พระสงฆ์ที่จะออกมาทำงานให้กับสังคมต้องเก็บตัวปฏิบัติก่อน จนกว่าจะมีธรรมะและสามารถนำธรรมะมาใช้ได้ จึงจะให้ออกมาทำงาน 

ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้เดินทางไปกราบ หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ปรารภถึงสถานที่ปฏิบัติธรรม พิจารณาเห็นว่าวัดร้างกลางสวนบริเวณ ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี มีพระพุทธรูปใหญ่เป็นพระประธาน (องค์หลวงพ่อโต) มีความเป็นสัปปายะอันหาได้ยาก ทั้งบริเวณตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวง จึงได้บูรณปฏิสังขรณ์และขอพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งเป็นวัดสังฆทาน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ 

ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อสนองไปรับ พระอาจารย์พลอย เตชพโล แห่งวัดเขาภูคา ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ มาช่วยเป็นหัวหน้าช่างในการบูรณะ องค์หลวงพ่อโต พร้อมพระเณรประมาณ ๑๐ กว่ารูป รวมทั้งชาวบ้านญาติโยม การบูรณะที่แขนชำรุดมากต้องเอาแป๊บน้ำใส่แล้วโบกปูนทับ ส่วนที่ใดเนื้อปูนยุ่ยก็ขูดออกแล้วโบกปูนทับ นำปูนเก่ามาผสมปั้นเป็นหลวงพ่อสังกัจจายน์ (พระมหากัจจายนะ) 

ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านได้ก่อตั้ง มูลนิธิพุทธอเนกประสงค์ วัดสังฆทาน ขึ้นเพื่อช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาและช่วยหมู่คณะได้ดีขึ้น มูลนิธิฯ จะเป็นตัวแทนของท่านในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของท่านได้ดำเนินไปในนามของมูลนิธิฯ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของมวลมนุษย์ชาติด้วยความเมตตา 

• พรรษาที่ ๒๕ พ.ศ. ๒๕๓๑ 
วัดสันติวงศาราม (วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ 

หลวงพ่อสนองได้เดินทางไปจำพรรษา ณ วัดสันติวงศาราม (เดิมชื่อ วัดสังฆทาน) เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดยขณะนั้นมีพระสุรชัย อภิชโย (ปัจจุบันลาสิกขาแล้ว) เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อพยายามฝึกฝนเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะใช้สอนสมาธิและอธิบายธรรมะให้กับชาวต่างชาติ เพราะต่อไปเมืองไทยจะมีชาวต่างชาติมาศึกษาฝึกสมาธิกันเป็นจำนวนมาก และจะกลายเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับชาวต่างชาติทั่วโลก ที่ประเทศอังกฤษมีญาติโยมคนไทยมาฝึกสมาธิและทำบุญประมาณ ๕๐๐ ครอบครัว 

• พรรษาที่ ๒๖-๓๔ พ.ศ. ๒๕๓๒-๒๕๔๐ 
วัดสังฆทาน ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี 

หลวงพ่อสนองกลับมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี หลังจากที่ได้วางรากฐานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักธุดงคกรรมฐานที่ประเทศอังกฤษแล้ว 

ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ แม่ชีแม้น โพธิ์สุวรรณ (มารดาของหลวงพ่อสนอง) ได้ถึงแก่กรรม 

ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ หลวงปู่เอม อริยวํโส สิริอายุรวมได้ ๙๔ ปี พรรษา ๓๔ (บิดาของหลวงพ่อสนอง) ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ 

ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลวงพ่อสนองสร้างสำนักสงฆ์เขายายแสง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

• พรรษาที่ ๓๕-๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๘ 
วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

หลวงพ่อสนองได้เปลี่ยนชื่อและยกฐานะขึ้นเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สำนักสงฆ์เขายายแสง เป็น “วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม” ท่านมีดำริให้วัดแห่งนี้เป็น สถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าคอร์สฝึกสมาธิตามหลักสติปัฏฐาน ๔ สำหรับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติสำหรับรับรองชาวต่างประเทศโดยเฉพาะ ท่านได้มอบหมายให้แม่ชีชาวออสเตรียเป็นผู้ดูแลให้ความสะดวกในด้านการปฏิบัติกับชาวต่างประเทศ 

ลักษณะภูมิประเทศนั้น แต่เดิมเป็นภูเขาแห้งแล้งและป่าเสื่อมโทรมเชื่อมต่อเป็นทิว มีถ้ำมากมาย แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นป่าที่สมบูรณ์ร่มรื่น มีอุโบสถเป็นถ้ำ มีกุฏิพระสงฆ์เรียงรายตามไหล่เขา เป็นสถานที่อันสัปปายะเหมาะสมกับผู้ที่มาแสวงหาความสงบทางจิตใจ ตั้งแต่พื้นที่ราบเชิงเขาเลียบเลาะไหล่เขาขึ้นไปตามลำดับ พื้นที่โดยรอบเขามีการปลูกป่าต้นกฤษณาและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก ผืนป่าอันสงบเงียบ สงบเย็น มีอากาศหนาวเย็นสบายแห่งนี้ จึงเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการใช้เพื่อรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจ พื้นที่ของวัดตั้งอยู่ติดกับ “บ้านสว่างใจ” ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 

• พรรษาที่ ๔๓-๔๔ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๐ 
สำนักป่าปฏิบัติธรรมวังน้ำเขียว ต.วังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 

• พรรษาที่ ๔๕ พ.ศ. ๒๕๕๑ 

• พรรษาที่ ๔๖ พ.ศ. ๒๕๕๒ 
ที่พักสงฆ์เขารามโกฏิ เมืองกาฐมัณฑุ ประเทศเนปาล 

หลวงพ่อสนองได้ไปโปรดชาวเนปาล จำพรรษาอยู่ ณ ที่พักสงฆ์เขารามโกฏิ เมืองกาฐมัณฑุ ประเทศเนปาล 

• พรรษาที่ ๔๗ พ.ศ. ๒๕๕๓ 
วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน 

หลวงพ่อสนองไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดสังฆทาน ไทย-เยอรมัน (Wat Sanghathan Thai-German) กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน 

• พรรษาที่ ๔๘ พ.ศ. ๒๕๕๔ 

• พรรษาที่ ๔๙ พ.ศ. ๒๕๕๕ 
ศูนย์ปฏิบัติธรรมกตปุญโญ ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 

๏ การอาพาธและการมรณภาพ 

ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ท่านมีอาการอาพาธบ่อยครั้ง เป็นทั้งโรคไต โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ 

กระทั่งในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ ๒๑.๓๙ น. ของคืนวันศุกร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ หลวงพ่อสนองได้ละสังขารด้วยอาการสงบแล้ว ด้วยโรคไตวายและโรคหัวใจ ในระหว่างกำลังจำพรรษาอยู่ ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมกตปุญโญ (สวนธรรมกิจสุนทร) ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งองค์หลวงพ่อท่านได้ลงไปพำนักจำพรรษาอยู่ในปีนี้ สิริรวมอายุได้ ๖๘ ปี ๔ เดือน พรรษา ๔๘ ท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยเป็นยิ่งนักของบรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทั่วไป 

แม้ว่าหลวงพ่อสนองจะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดี คุโณปการยิ่งที่ท่านมีต่อพระพุทธศาสนาและมวลมนุษย์ชาติ จะเป็นเครื่องเตือนใจให้บรรดาศิษยานุศิษย์ได้จดจำมิลืมเลือน
-----

ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco