ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล วัดป่ารังสีปาวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล
วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
เป็นวันครบรอบ ๑๑๑ ปี ชาตกาล
หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล
วัดป่ารังสีปาลิวัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
( พระอริยเจ้าผู้แตกฉานในอรรถและธรรม )
ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ
ชำนาญทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
ท่านละทิ้งเกียรติยศตำแหน่งในการบริหารคณะสงฆ์ มุ่งเพียงเกียรติอันยิ่งใหญ่คือพระนิพพาน
ละจากความเป็นพระบ้านเข้าสู่ความเป็นพระป่า
ได้อย่างสนิทใจ องค์ท่านละขันธ์ด้วยอาการสงบ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ ในวันรุ่งขึ้น วันพุธที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๖ เวลา ๑๑.๓๐ น.
องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ได้มาที่วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ และ ได้ปรารภถึงหลวงปู่มหาเขียน ว่า “...สนิทสนมกันถึงขนาดว่า
เป็นเสี่ยวกันนั่นแหล่ะ ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ด้วยกันติดพันกันมาตั้งแต่โน้นนะ
ที่ได้ห่างกันก็ตอนเราออกปฏิบัติ
ท่านก็ออกมาจากเจ้าคณะจังหวัดมาอยู่ทางนี้นะ
ทีนี้ห่างกันตรงนี้ ทางร่างกายนะ
ความเคลื่อนไหวไปมาไม่ค่อยได้พบกัน
แต่ทางด้านจิตใจนะมันสนิทสนมกันมาตลอดนะ
เป็นอย่างนั้น บางทีคนทั้งหลายก็จะไม่ทราบว่าเป็นอะไรกันกับเรา เป็นเพื่อนสนิทสนมกันกับเรา
เป็นเสี่ยวกันนั่นแหละ..”
หลวงปู่มหาเขียน พระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติตาม
พระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
เป็นที่น่าเคารพสักการบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์ฯ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า
รวมทั้ง เป็นเพื่อนสหธรรมิกกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
(เจริญ สุวฑฺฒโน) และพระธรรมวิสุทธิมงคล
(หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
ตั้งแต่ครั้งสมัยที่ท่านทั้งสามยังมี
อายุพรรษาไม่มากนัก ท่านเป็นพระมหาเถระผู้ทรงคุณ ทั้งพระปริยัติธรรม เปรียญธรรม ๙ ประโยค
ทั้งปฏิบัติธรรม คือท่านสละลาภยศ ทั้งหมด
ออกปฏิบัติธรรมในสำนักของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และที่สุดท่านได้ทรงพระปฏิเวธธรรม
คือความหลุดพ้น
• พระอริยเวที ( หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล)
วัดรังสีปาลิวัน ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
พระอริยเวที หรือ “หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล”
ท่านถือกำเนิดตรงกับวันพุธ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ปีฉลู ณ หมู่บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
ท่านมีอุปนิสัยพูดจริงทำจริง
เรียนจริง ปฏิบัติจริง บากบั่นมุมานะ
ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคที่มาถึง รักสงบ
สำรวมระวัง ปฏิบัติตนเคร่งครัดในธรรมวินัย
ไม่ชอบคลุกคลี ซื่อตรงต่อธรรมวินัย
หนักแน่นด้วยหิริโอตตัปปะธรรม มักน้อย สันโดษ เรียบง่าย มีระเบียบบริบูรณ์ด้วยข้อปฏิบัติไตรสิกขา ถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ วัดป่าหนองผือนาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ครั้งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่น กัณฑ์แรกเรื่อง "โทษของการเกิด"
และกัณฑ์ที่ ๒ เรื่อง "มุตโตทัย"
ท่านถึงกับลุกจากที่นั่งไปกราบพระอาจารย์มั่น
ภูริทัตโต พร้อมกล่าวคำปฏิญาณว่า...
"สาสเน อุรํ ทตฺวา ขอมอบกายถวายชีวิตนี้
แก่พระพุทธศาสนา ชีวิตทั้งชีวิตนี้ขอมอบไว้ใน
พระศาสนา ขอให้ท่านพระอาจารย์เป็นสักขีพยานด้วย" จากนั้นตราบจนสิ้นอายุขัย
ท่านได้ทำสัจวาจานั้นให้เป็นที่ปรากฏแก่ชนทั้งหลาย หลวงปู่มหาเขียน ท่านได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ทั้งด้านการศึกษา
ด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่
ตั้งแต่บรรพชาอุปสมบทจนตลอดอายุขัย
หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล ท่านเป็นเจ้าอาวาส
วัดสุทธจินดาลำดับที่ ๓ ท่านมีแนวคิดกว้างไกล บริหารภายในวัด ตั้งเป้าไว้สูงให้พระเณรศิษย์วัดปฏิบัติตามเคร่งครัดและคัดเลือกหมู่คณะเข้ารับการอบรมที่วัดบวร ให้กลับมาเป็นบุคคลากรบริหารวัดช่วยเจ้าอาวาส ท่านริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ
"สุทธจินดาราชสีมามูลนิธิ"
ได้ผลงานตามวัตถุประสงค์ ทุนทรัพย์เติบใหญ่
เมื่อวางรากฐานการปกครองและการศึกษา
เข้าสู่ความเจริญตามเป้าหมาย ท่านได้ประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์อย่างอาจหาญว่า
"จะออกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในป่า"
ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นต้น
ท่านได้สร้างวัดป่ารังสีปาลิวัน บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ และได้ออกบำเพ็ญตามถ้ำ เงื้อมผาหลายแห่ง
หลวงปู่มหาเขียน ท่านปรารภถึงชีวิตท่านขณะเป็นพระอยู่ในเมืองว่า... "ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง
รู้สึกว่าจะน้อยมาก สำหรับที่จะทำความเพียร
ไม่เพียงพอเลย วันหนึ่ง ๆ มีแต่ต้อนรับผู้คน
พูดคุยเรื่องต่าง ๆ เสียเวลาทำความเพียร
เป็นการทำชีวิตให้เป็นหมัน เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องข้างนอกทั้งนั้นเป็นการคลุกคลีด้วยหมู่คณะจนเกินไป อันเป็นทางให้เกิดความประมาท
เป็นปปัญจธรรม คือธรรมอันเป็นเหตุให้เนิ่นช้าในคุณธรรมอันยิ่งขึ้นไป หลงตัวลืมตัวมัวเมามืดมน อนธการ คิด ๆ ดูแล้ว ก็สงสารหมู่คณะที่อยู่ในเมือง ถ้าจะให้เรากลับมาอยู่ในเมืองอีก
ให้ตายเสียยังจะดีกว่า
เพราะรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจมาก
ฟัง คิด พิจารณา เกิดมากี่ภพกี่ชาติ
จึงจะมีโอกาสงามสำหรับบำเพ็ญสมณธรรมเช่นชาตินี้ "ทุลฺลภขณสมฺปตฺติ" สมณศักดิ์ ตำแหน่ง
ห้ามอบายภูมิไม่ได้ แต่คุณความดี และศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น ที่ห้ามอบายภูมิได้.."
: คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ทำนายหลวงปู่เขียน ฐิตสีโล :
ในสมัยที่หลวงปู่เขียนออกฝึกหัดปฏิบติอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นนั้น ท่านเล่าว่า มีแม่ชีอยู่คนหนึ่งชื่อ แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ซึ่งแม่ชีผู้นี้ท่านพระอาจารย์มั่นกล่าวว่า เป็นผู้ที่มีธรรมะ เป็นผู้ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบ ได้ทำนายท่านไว้ว่า
“ ท่านมหาบวชมาแล้วชาตินี้เป็นชาติที่ ๓
และจะอยู่ในเพศบรรพชิตนี้ตลอดไปจะไม่สึก
ชาติที่บวชครั้งแรกนั้นท่านมหาบวชเป็นสามเณรอายุได้ ๑๗ ปี ก็สึก
ชาติต่อมาก็บวชเป็นสามเณรอีกอายุได้ ๑๙ ปี
ย่างเข้า ๒๐ ปี แต่ยังไม่ได้บวชเป็นพระก็สึกอีก
ชาตินี้เป็นชาติที่ ๓ และได้บวชเป็นพระอีก
ทั้งจะอยู่ต่อไปได้ตลอดจะไม่ลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส จะอยู่ในเพศพรหมจรรย์ตลอดไป ”
หลวงปู่ก็พูดว่า... “ ถ้าหากอาตมาอยากจะสึกจะทำอย่างไร คืออยากสึกมากๆ อดไม่อยู่แล้วก็สึกไป ”
คุณแม่ก็กล่าวว่า... “ ไม่เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าท่านมหาจะอยากสึกอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับชาตินี้แล้ว
ท่านมหาจะต้องอยู่ในเพศพรหมจรรย์นี้ตลอดไป
ไม่สึกแน่นอน ”
หลวงปู่กล่าวว่า... “ ก็ได้แต่รับฟังไว้ คอยสังเกตดูตัวเองอยู่ตลอดมา ”
เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๗ อายุ ๗๑ ปี
ท่านป่วยอัมพาต เพราะเส้นโลหิตในสมองแตก
ทำให้พูดออกมาไม่เป็นคำพูด ฟังยาก
แขนขาซีกขวาไม่ทำงาน
ช่วยตัวเองได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์
ท่านป่วยนานถึง ๑๙ ปี ลูกศิษย์ใกล้ชิดช่วยสับเปลี่ยนดูแลพยาบาลมาโดยสม่ำเสมอ
หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๖ เวลา ๒๐.๒๕ น. สิริอายุรวม ๙๐ ปี ๖๘ พรรษา พิธีพระราชทานเพลิงศพ มีขึ้นเมื่อวันเสาร์ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น