ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่อินสม สุวีโร วัดป่าธรรมสันติ อ.หางดง จ.เชียงใหม่



ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่อินสม สุวีโร 
     วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นวันครบรอบ ๘๒ ปี ชาตกาล หลวงปู่อินสม สุวีโร วัดป่าธรรมสันติ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่อินสม สุวีโร ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๕ ณ บ้านแม่คะตวน ตำบลสบเมย อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

หลวงปู่อินสม สุวีโร ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ของสกุล “ สุริยา ” บิดาชื่อ นายแปง สุริยา มารดาชื่อ นางเขียว สุริยา ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน เป็นหญิง ๑ คน มีชื่อเสียงเรียงนามตามลำดับกันดังนี้
๑. นายปุด สุริยา ( ถึงแก่กรรม )
๒. นายศรีมูล สุริยา ( ถึงแก่กรรม )
๓. นายอินสม สุริยา ( หลวงปู่อินสม สุวีโร )
๔. นางบัวคำ หน่อแก้ว ( ยังมีชีวิตอยู่ )

หลวงปู่อินสม สุวีโร ท่านบอกตอนเป็นเด็กท่านเป็นคนเลี้ยงยากสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนกับเด็กทั่วๆไป ท่านบอกตอนแรกเกิดเราไม่สามารถขับถ่ายได้ด้วยตนเอง หมอที่อนามัยบอกโยมพ่อโยมแม่ของเราให้ทำใจว่าเด็กคนนี้คงจะตายภายในไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ พอหมอบอกแบบนี้ ท่านว่าโยมแม่ของท่านเสียใจร้องไห้กลัวว่าท่านจะตายตั้งแต่ยังแบเบาะ มีญาติของท่านคนหนึ่งชื่อยายน้อยบอกกับโยมแม่ของท่านว่า ไม่ต้องกังวลใจในเรื่องนี้ ยายน้อยญาติของท่านคนนี้ได้ไปซื้อยาถ่ายที่ตลาดในเมืองแม่สะเรียงนำมาให้โยมแม่ป้อนให้ท่านกิน ท่านว่า โยมแม่บอก หลังจากเรากินยาถ่ายนี้เข้าไปไม่นาน เราก็สามารถขับถ่ายออกมาด้วยตัวเองได้ หลังจากนั้นมาอาการถ่ายไม่ออกตั้งแต่แรกเกิดของท่านก็หายเป็นปรกติ..

หลวงปู่อินสมบอกท่านเกิดในครอบครัวที่มีฐานะทางบ้านยากจน ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา ท่านว่าพอเราอายุได้ห้าปี พ่อแปง สุริยา โยมพ่อผู้ให้กำเนิดเราก็ถึงแก่กรรม ตอนโยมพ่อถึงแก่กรรมน้องสาวคนเล็กของท่านชื่อ บัวคำ พึ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน หลังโยมพ่อถึงแก่กรรมแล้วภาระทุกอย่างในครอบครัวก็ตกหนักที่โยมแม่ของท่านเพียงคนเดียว..

หลังจากโยมพ่อของท่านเสียไปแล้ว พี่ชายคนโตของท่านชื่อ ปุด เบื้องต้นก็ได้อยู่ช่วยโยมแม่เลี้ยงดูท่านกับน้องๆทุกคน แล้วอีกไม่กี่ปีต่อมาโยมแม่ของท่านก็ได้แต่งงานใหม่กับคนในหมู่บ้านแม่คะตวนด้วยกัน ส่วนพี่ชายคนโตของท่านชื่อว่าปุดก็แต่งงานแยกไปมีครอบครัวต่างหาก พี่ชายจะแวะเวียนมาเยี่ยมแม่และน้องๆเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งที่พี่ชายมาเยี่ยมบ้านก็จะนำข้าวปลาอาหารมาให้แม่เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเลี้ยงดูน้องๆทุกคน ท่านว่าพี่ชายคนโตของเรานั้นไม่ต่างอะไรกับพ่อคนที่สองที่ช่วยเลี้ยงดูเรากับน้องๆจนเติบใหญ่มาเท่าทุกวันนี้..

พออายุได้ ๑๐ ปี หลวงปู่อินสมท่านเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านแม่คะตวนซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เหตุที่ท่านเข้าเรียนหนังสือช้ากว่าเพื่อนๆในวัยเดียวกันนั้น ท่านว่าเราต้องช่วยทางบ้านทำไร่ทำนา อีกประการหนึ่งเราเป็นคนตัวเล็กกว่าเพื่อนๆทุกคนในวัยเดียวกัน ทางครูจึงผ่อนผันให้เราเข้าเรียนหนังสือทีหลังเพื่อนที่มีอายุในรุ่นราวคราวเดียวกัน..

หลวงปู่อินสม “ เราเข้าเรียนหนังสือทีหลังเพื่อนเพราะตัวเล็กกว่าเขา ตนเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเพื่อนๆ เรามักจะเป็นโรคปวดหัวเวียนหัวอยู่ประจำอันเนื่องมาจากกรรมเก่าของเราเคยไปทุบตีหัวเขามาก่อน เรียนหนังสือก็ไม่เก่งเหมือนเพื่อน เพื่อนเขาสอบเลื่อนชั้นกันไปได้หมดเราก็ยังเรียนซ้ำชั้นอยู่ถึงสองปี กว่าจะเรียนจบปอสี่ได้อายุเราก็ย่างเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว พวกเพื่อนๆไม่ว่ารุ่นพี่รุ่นน้องเขาชอบแกล้งเรา เราตัวเล็กกว่าเขา สู้เขาไม่ได้เพราะร่างกายของตนเองขี้โรคไม่แข็งแรง เวลาถูกพวกเพื่อนๆแกล้งเราก็จะนิ่งอดทนไม่โต้ตอบเขา นิสัยเราไม่ชอบเบียดเบียนหาเรื่องใคร นึกในใจอภัยให้เขา มันเป็นกรรมของเราที่เคยเบียดเบียนพวกเขามา เราเป็นคนคิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยทำให้ตนเองสบายใจไม่ถือโทษโกรธใคร ”..

แม่บัวคำน้องสาวท่านบอก หลวงปู่อินสมตอนเป็นเด็กท่านเป็นคนมีใจเมตตาต่อผู้อื่นและสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้อยใหญ่ไม่เคยเห็นท่านเบียดเบียนทำร้ายเขาเลย ตอนเป็นเด็กตนเองเห็นปลากบเขียดจะจับมาทำเป็นอาหารกิน หลวงปู่อินสมท่านก็ห้ามอย่าไปจับเขา เขาก็รักชีวิตของเขาเหมือนกับเรา อย่าไปทำลายชีวิตเขา..

น้องสาวท่านว่าถ้าไม่จับสัตว์พวกนี้มากินเป็นอาหารแล้วพวกเราจะเอาอะไรกินกัน หลวงปู่อินสมท่านบอกน้องสาวกินแค่ผักพวกเราก็อยู่ได้ วัวควายมันกินหญ้าเป็นอาหารไม่ได้ไปกินเนื้อหนังของใครมันก็ยังอยู่ของมันได้..

หลวงปู่อินสมท่านว่า ตอนเป็นเด็กพวกเพื่อนๆเขาจะไม่อยากให้เราไปไหนด้วยในเวลาที่พวกเขาพากันไปยิงนกตกปลา วันไหนถ้ามีเราไปด้วยพวกเพื่อนเขาจะยิงนกตกปลากันไม่ได้ ปลาในห้วยในหนองที่เคยชุกชุมมันก็จะเงียบหายไปไม่มาปรากฏตัวให้เห็น นกเป็นหมู่เป็นฝูงเคยมาเกาะไม้ต้นนั้นต้นนี้ วันไหนถ้าเราไปด้วยกับเพื่อนมันก็จะไม่มาปรากฏตัวให้ใครได้เห็น จนเราถูกเพื่อนว่าให้ อินสม..ถ้ามึงไปกับพวกกูทีไร พวกกูจะพากันยิงนกหาปลาไม่ได้เลย มึงเป็นตัวซวยทำให้พวกกูหาอยู่หากินไม่ได้ ต่อไปนี้หมู่ฮาบ่เห้อคิงไปโตยล่ะ ( ต่อไปนี้พวกกูไม่มึงไปด้วยแล้วล่ะ )..

หลวงปู่อินสมท่านเล่าแบบขำๆเมื่อนึกถึงคำที่พวกเพื่อนๆด่าท่านตอนสมัยเป็นเด็ก..

ท่านว่า “ พอบวชมาแล้วตนเองได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาดู ที่พวกเพื่อนพากันทำปาณาติบาตไม่ได้ในขณะที่เราไปด้วยนั้น มันเกิดจากบุญเก่าของเราไปช่วยปิดกั้นไม่ให้พวกเพื่อนๆได้ทำบาป แต่พวกเพื่อนของเราเขาไม่เข้าใจในสิ่งนี้ เขาจึงต่อว่าให้เรา ”..

“ ใจเรากับเพื่อนคิดไม่เหมือนกัน เราสงสารสัตว์พวกนี้ที่จะถูกเขาฆ่า เราเองก็เคยเกิดเป็นสัตว์พวกนี้ถูกเขาฆ่าเขาแกงมาก่อนจนนับไม่ถ้วน ตอนบวชได้สามพรรษเรามาพักปฏิบัติอยู่ที่ดอยจอมทอง ตอนนั้นวัดนี้ยังเป็นวัดร้างอยู่ พอรู้การเกิดตายของตนเองน้ำตามันไหลออกมา ทุกข์ที่เราเคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานถูกเขาฆ่า เราจึงไม่อยากเป็นทุกข์ในการเกิดบ่อยๆ เราจึงลาความปรารถนาบางอย่างของตนเองออกไปจากใจ ทำตนเองให้ทุกข์ในการเกิดน้อยที่สุด ”..

ท่านบอกตอนอายุ ๑๕ ปี เราได้พบพระภิกษุรูปหนึ่งนุ่งห่มจีวรสีคล้ำๆท่านเดินธุดงค์มาพักปักกลดที่ชายป่าบ้านแม่คะตวน พระธุดงค์รูปนี้ท่านมีกิริยามารยาทสำรวมเรียบร้อยมาก พอเห็นท่านเราก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระธุดงค์รูปนี้ขึ้นมาทันที เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระธุดงค์นิรนามรูปนี้ท่านเป็นพระธรรมยุติหรือมหานิกาย ท่านน่าจะเป็นลูกศิษย์องค์ใดองค์หนึ่งของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต..

หลวงปู่อินสม “ พระธุดงค์รูปนี้พักอยู่บ้านแม่คะตวนสองวัน เรากับโยมแม่และชาวบ้านจะไปใส่บาตรถวายอาหารให้ท่านทุกวัน เราจะนั่งดูกิริยาท่าทางของท่านอยู่ห่างๆ เวลามองดูพระธุดงค์รูปนี้ทีไรใจเราก็ชุ่มเย็น กลับมาบ้านคิดเห็นหน้าเห็นตาท่านใจก็ชุ่มเย็น เราไม่เคยเห็นพระธุดงค์กรรมฐานมาก่อน พอมาเห็นพระธุดงค์กรรมฐานรูปนี้แล้วเรารู้สึกมีความสุขในใจ ด้วยความเกรงใจเราไม่กล้าพูดคุยถามท่าน เราจึงไม่รู้จักชื่อพระธุดงค์กรรมฐานรูปนี้ว่าท่านชื่ออะไร แต่ในใจของตนเองเชื่อว่าพระธุดงค์กรรมฐานรูปนี้ท่านเป็นผู้ที่มีคุณธรรม รู้สึกสัมผัสได้เวลาอยู่ใกล้ท่าน ใจตนเองจะชุ่มเย็น ”..

ท่านว่าวาสนาทางธรรมของเราถูกจุดติดขึ้นมาโดยพระธุดงค์นิรนามรูปนี้อย่างไม่รู้ตัว จนตอนนั้นท่านอายุ ๑๕ ปีได้ตั้งปณิธานในใจของตนเองว่า “ ถ้าเรามีวาสนาได้บวช เราจะเป็นพระธุดงค์กรรมฐานเหมือนกับพระอาจารย์รูปนี้ เราจะบวชปฏิบัติธรรมแบบพระธุดงค์ ”..

ความคิดแบบนี้ท่านเองก็ไม่เคยคาดคิดตั้งใจจากที่ไหนมาก่อน ท่านว่าพอเราได้เห็นพระธุดงค์นิรนามรูปนี้แล้ว ความคิดอยากจะบวชก็เกิดขึ้นมาในใจของเราทันที ซึ่งตอนนั้นเราเองก็ยังนึกแปลกใจในความคิดนี้ของตนเองอยู่..

ท่านว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะบุญทางธรรมที่เราเคยอบรมสั่งสมมาแต่ในอดีตบันดาล บุญนี้จึงมาดลจิตให้เราใฝ่ใจไปในทางพระพุทธศาสนา พอเราได้พบกับพระธุดงค์นิรนามรูปนี้แล้วบุญเก่าของเราจึงผุดขึ้นมาในใจ..

ท่านว่าความปรารถนาอยากจะบวชนี้เป็นเพียงความคิดที่มีอยู่ในใจของตนเองเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นท่านก็ยังไม่เอ่ยปากบอกให้ใครทราบ แม้กระทั่งผู้เป็นแม่ท่านก็ไม่เคยเอ่ยปากบอก ถึงพระธุดงค์นิรนามรูปนี้ท่านจะจาริกออกจากบ้านแม่คะตวนไปแล้ว แต่ความปรารถนาที่อยากจะบวชเป็นพระธุดงค์กรรมฐานนี้ของท่านก็ยังมั่นคงอยู่ในใจของตนเองเหมือนเดิม..

หลังจากได้พบกับพระธุดงค์นิรนามรูปนี้เป็นต้นมา ท่านบอกตั้งแต่นั้นมาใจตนเองก็เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสแบบโลกๆ ใจอยากจะออกบวชปฏิบัติหาความสงบให้แก่จิตใจของตนเอง ได้ยินแต่ตุ๊เจ้าเขาเทศน์ธรรมว่า ทำจิตใจให้สะอาด สว่าง สงบ ท่านเองนั้นก็อยากจะรู้ว่าความสงบในจิตใจนั้นเป็นเช่นไร ทั้งๆที่ใจของตนเองตอนนั้นก็ยังหาความสงบไม่เจอ แต่ลึกมั่นในใจของท่านในตอนเป็นเด็กเชื่อว่า ใจคนเรานี้มันสงบเป็น..

ท่านบอก “ พอวันหยุดเรียนเราก็ช่วยงานที่บ้านไถนา พี่ชายคนโตจะบอกให้เราตื่นแต่เช้ามืดไล่ควายออกไปนา ออกไปไถนารอแม่กับพี่ชายแต่เช้ามืด กว่าจะได้กินข้าวเช้าแต่ละวันก็เป็นเวลาสายจวนจะเที่ยง ชีวิตเราตอนเป็นฆราวาสไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มเหมือนกับคนอื่นเขาทั่วไป ตื่นเช้ามาก็จูงควายไปไถนาแต่เช้ามืด มืดค่ำแลงลงก็จูงควายกลับเข้าบ้าน กว่าจะได้กินข้าวเย็นในแต่ละวันก็เป็นเวลาที่คนอื่นเขาเข้านอนกันแล้ว คิดเห็นความทุกข์ยากลำบากในชีวิตของตัวเองแล้ว บางครั้งเราไถนาไปเราก็ร้องไห้ไปด้วย ไถนาไปใจก็คิดถึงแต่พระธุดงค์นิรนามรูปนี้ คิดในใจถ้าพระธุดงค์รูปนี้ท่านกลับมาพักที่บ้านแม่คะตวนอีก เราจะขอโยมแม่โยมพี่ติดตามไปกับพระธุดงค์รูปนี้ ใจตอนนั้นมันอยากจะบวชมากนอนอยู่บ้านก็ไม่มีความสุข เราเลยขอโยมแม่ให้พาเราไปฝากเป็นเด็กวัดบ้านแม่คะตวน ไปอยู่เป็นเด็กวัดรับใช้ท่านครูบาแสนเจ้าอาวาสวัดแม่คะตวนในตอนนั้น ”..

ท่านบอกตอนเป็นเด็กวัดอยู่วัดบ้านแม่คะตวน บางครั้งท่านก็จะเดินทางไปขออยู่วัดผาผ่ากับท่านครูปัญญาวรวัตร ( ครูบาอินสวนบ้านผาผ่า หรืออีกชื่อหนึ่งคนทั่วไปในสมัยนั้นจะเรียกท่านว่า ครูบาผาผ่า )

ท่านบอกตอนไปอยู่กับครูบาผาผ่า ครูบาผาผ่าท่านก็จะใช้ให้ล้างกระโถนบ้าง ใช้นวดให้ท่านบ้าง ใช้ปัดกวาดลานวัดถูศาลากับพระเณร ตอนกลางคืนท่านก็จะมานอนเฝ้าอยู่ข้างๆครูบาผาผ่า ดูครูบาผาผ่าท่านนั่งภาวนา ท่านจะนอนกิริยาท่าทางครูบาผ่าท่านนั่งภาวนาอยู่อย่างนี้จนตนเองนอนหลับไป..

ท่านว่า ตอนนั้นครูบาผาผ่าท่านยังไม่สอนอะไรให้เราอย่างเป็นชิ้นเป็นอันเพราะท่านเห็นเรายังเป็นเด็ก ๑๕ - ๑๖ ปีอยู่ พอบวชเป็นเณรมาแล้วครูบาผาผ่าท่านจึงสอนเรื่องการปฏิบัติให้..

หลวงปู่อินสม “ พออายุสิบแปดปีใจมันอยากจะบวชมาก ทำอะไรก็ไม่อยากจะทำ ใจมันคิดแต่เรื่องอยากจะบวช เราบอกแม่กับพ่อบุญธรรมว่าอยากจะบวชมาก พ่อแม่ตอนนั้นบ้านเราจน จนขนาดไม่มีเงินที่จะมาซื้อบริขารบวชให้กับเรา พี่ชายคนโตชื่อปุดเขายินดีด้วยในเรื่องที่เราจะไปบวช พี่ชายคนโตก็เลยไปทำงานรับจ้างหาเงินมาซื้อบาตรจีวรเครื่องบริขารบวชต่างๆให้กับเรา "..

" พอเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๐๓ เราก็บวชเณร พ่อบุญธรรมกับโยมแม่ไปนิมนต์ ท่านพระปัญญาวรวัตร ครูบาผาผ่า มาเป็นพระอุปัชฌาย์บวชเณรให้เราที่วัดบ้านแม่คะตวน บวชเณรพร้อมกันตอนนั้นมีทั้งหมดสามองค์ สึกตอนเป็นเณรองค์หนึ่ง อีกองค์หนึ่งอยู่จนบวชเป็นพระได้สองพรรษาแล้วค่อยสึก รุ่นเดียวที่บวชเณรกับท่านครูบาอินสวนวัดผาผ่าก็เหลือแต่เราองค์เดียวนี่แหละ ”..

หลวงปู่อินสม สุวีโร ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ ที่ วัดบ้านแม่คะตวน ตำบลแม่คะตวน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน..

โดยมี ท่านพระครูปัญญาวรวัตร ( ครูบาเจ้าอินสวนวัดผาผ่า ) เป็นพระอุปัชฌาย์..

หลวง​ปู่อินสม สุวีโร วัดป่าธรรมสันติ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่​ ละสังขาร​ด้วย​อาการ​สงบ​ เมื่อเวลา​ ๑๒.๑๐ น. ตรงกับวันศุกร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ สิริอายุ ๘๑ ปี ๙ เดือน ๒๐ วัน ๖๒ พรรษา


ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
ขอขอบคุณ อนุโมทนาบุญผู้รวบรวม เผยแพร่ FBพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco