ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เสือ กันตสาโร วัดป่าสีลารัตน์บ.โพนสว่าง ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร


#ประวัติและปฎิปทา 
#หลวงปู่เสือ กันตสาโร
วัดป่าสีลารัตน์(ธรรมยุติ) บ.โพนสวาง ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาวสกลนคร ( พระสุปฏิปันโนแห่งแดนภูไทบ้านโพนสวาง )

🔸ชาติภูมิ
พระเสือ กนฺตสาโร เดิมชื่อ นายเสือ ทองคำ เกิดเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๖ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๙ หมู่ที่ ๒ ตำบลนายูง อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี บิดาชื่อ นายอ้อย ทองคำ มารดาชื่อ นางบูชา ทองคำ มีพี่น้องรวม ๔ คน
คนที่ ๑ นางรู้ ทองคำ
คนที่ ๒ นายแซง ทองคำ
คนที่ ๓ พระเสือ กนฺตสาโร/ทองคำ
คนสุดท้าย นายสำราญ ทองคำ

🔸บรรพชา
ก่อนบรรพชาได้ใช้เวลาเป็นนาคอยู่ที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อยู่กับหลวงพ่อวัน อุตตโม เป็นเวลานานถึง ๗ เดือนเศษ กระทั่งในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ เมื่ออายุได้ ๒๔ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระอธิการบุญมี ฐิตปุญโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดประชานิยม ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร 

🔸อุปสมบท
เมื่ออายุได้ ๒๔ ปี ได้บรรพชาและอุปสมบทในวันเดียวกัน ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ เวลา ๑๔.๑๓ น.โดยมีเจ้าอธิการบุญมี ฐิตปุญโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระจันทา กนฺตธมฺโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระทองสุข สุภธมฺโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ วัดประชานิยม ตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร

🔸ลำดับการจำพรรษา
• พรรษาที่ ๑ (ปี พ.ศ.๒๕๒๐) เมื่อบวชเสร็จ พระอาจารย์จันทา กนฺตธมฺโม ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ให้ไปจำพรรษาที่วัดป่าโนนสะอาด
• พรรษาที่ ๒ (ปี พ.ศ.๒๕๒๑) ไปจำพรรษาที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม กับหลวงพ่อวัน อุตตโม 
• พรรษาที่ ๓ (ปี พ.ศ.๒๕๒๒) ไปจำพรรษาที่วัดป่าประชานิมิตร หลวงปู่สุพัฒน์ เตชะพะโล
• พรรษาที่ ๔ (ปี พ.ศ.๒๕๒๓) หลวงพ่อวัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ให้ไปจำพรรษาที่ถ้ำพวง วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม เนื่องจากไม่มีพระจำพรรษาอยู่ (วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม มีถ้ำสองแห่งคือ “ ถ้ำอภัยดำรงธรรม “ อยู่ที่เชิงเขาด้านล่าง ส่วน “ ถ้ำพวง “ จะอยู่บนยอดเขา ลักษณะเป็นเชิงผา)

วันหนึ่งมีทหารมามากมาย และนายทหารคนหนึ่งก็มาบอกหลวงพ่อวัน อุตตโม ว่าในหลวง (พระบามสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระอิสริยยศ ในขณะนั้น) เสด็จมาถึงที่ศาลาแล้ว หลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร ก็เตรียมจีวรและสังฆาฏิให้หลวงพ่อวัน อุตตโมและสะพายย่ามหลวงพ่อวัน พร้อมทั้งเข้าไปที่ห้องใส่จีวรและสะพายย่ามเรียบร้อย แล้วออกเดินไปที่ศาลา เห็นในหลวงยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ หลวงพ่อวันก็เดินเข้าไปสนทนากับในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยระหว่างนี้หลวงพ่อเสือก็รีบไปปูอาสนะและจัดสถานที่ในศาลา เพื่อเตรียมต้อนรับในหลวง เมื่อเรียบร้อยแล้ว จึงออกมาส่งสัญญาณบอกหลวงพ่อวัน อุตตโม รับทราบ

ปกติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านจะพำนักที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ประมาณเดือน พฤศจิกายน ถึง เดือน ธันวาคม เป็นประจำทุกปี และปีนี้ในหลวงท่านมาวัดอภัยดำรงธรรม ประมาณเดือนพฤศจิกายน 

เมื่อหลวงพ่อวันทราบว่าได้จัดที่นั่งในศาลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อวัน อุตตโม และในหลวงนั่งก็เข้าไปในศาลานั่งในที่ที่จัดถวาย โดยหลวงพ่อเสือก็นั่งห่างกันประมาณ ๒ เมตร ให้พอได้ยินเสียงพูดกัน 

ในหลวงทรงตรัสถามหลวงพ่อเสือว่า : “ ครูบาเป็นคนที่ไหน? “ 
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ อาตมาเป็นคนอุดร เกิดที่บ้านนาม่วง อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดร ที่มาบวชเพราะบ้านลุงอยู่ที่นี่ มาหาลุง ลุงก็เลยให้บวช “ (ลุงเป็นมัคนายกของหลวงพ่อวัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) 
ในหลวงทรงตรัสถามว่า : “ อยากสึกไหม?” 
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ อยากสึกบ้าง ไม่อยากสึกบ้าง “
ในหลวงทรงตรัสถามว่า : “ ท่านบวชนานแล้วหรือ? “
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ อาตมาเพิ่งบวชได้ 4 พรรษา “
ในหลวงทรงตรัสว่า : “ โอ้ นานเหมือนกัน 4 พรรษา “ “ ในฐานะผมเป็นในหลวง ผมไม่ให้สึก ให้อยู่กับหลวงพ่อวันตลอดไป ถ้าเกิดอยากสึกก็อดเอา “
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ ถ้าในหลวงปวดอึปวดฉี่ ถ้าในหลวงอดเอา ไม่เข้าห้องน้ำจะได้ไหม “
ในหลวงทรงตรัสตอบว่า : “ ไม่ได้ เดี๋ยวราดไปหมด “
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ ถ้าอยากสึกก็เหมือนเราปวดฉี่ปวดอึนั่นแหละ ห้ามไม่ได้หรอก “
ในหลวงทรงตรัสตอบว่า : “ โห ปัญญาดี “ 

พอดีพระเถระ (หลวงปู่หลอ นาถกโร , หลวงปู่ทองสุข สุภธมฺโม ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน)และพระในวัดต่างทยอยกันเข้ามาที่ศาลาเพื่อมาเข้าเฝ้าในหลวง หลวงพ่อเสือซึ่งขณะนั้น พรรษา ๓ ก็ถอยออกมาเพราะครูบาอาจารย์เริ่มมากันเยอะแล้ว ท่านยังพรรษาน้อยต้องถอยออกมา

ต่อมาในวันก่อนที่หลวงพ่อวัน อุตตโม จะมรณภาพหนึ่งวันนั้น หลวงพ่อวัน อุตตโม ท่านเทศน์ให้พระที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมฟัง ความว่า “ การไปกรุงเทพครั้งนี้จะไม่เหมือนการไปครั้งก่อนๆ อาจจะกลับช้าสักหน่อย เรื่องที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมนี้ก็ให้ท่านสุขและท่านหลอช่วยกันดูแล “ 

ในช่วงเช้าวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๓ ก่อนออกเดินทาง หลวงพ่อวัน อุตตโม ก็ให้หลวงพ่อเสือเตรียมจีวรและสังฆาฏิชุดใหม่ให้ เพราะชุดที่ใส่นี้เก่าสีซีดแล้ว ท่านต้องเข้าวังนะ ต้องใส่ให้ดีหน่อย หลวงพ่อเสือก็จัดเตรียมและเปลี่ยนให้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมบาตรและบริขารที่จำเป็น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายสมพร มารับไปขึ้นเครื่องบิน โดยก่อนออกเดินทาง หลวงพ่อวัน อุตตโม ยังสั่งให้หลวงพ่อเสือ ขึ้นไปดูแลการก่อสร้างกุฎิที่ได้รับพระราชทานเงินจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ดูแลพระเณรไปขัดไม้ให้เรียบเพื่อเตรียมทาสีต่อไป 

ตกเย็นก็ได้ข่าวว่าหลวงพ่อวัน อุตตโม เครื่องบินตก มรณภาพแล้ว สรีระสังขารของท่านอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร สบง จีวรและสังฆาฏิหายไป หลวงพ่อเสือจึงเตรียมสบง จีวรและสังฆาฏิชุดที่ถอดออกก่อนไปกรุงเทพฯเช้านี้โดยมีคุณกิมก่าย จากจังหวัดหนองคาย ขับรถมารับจีวรและสังฆาฏิ พร้อมทั้งรับพระอาจารย์ทองสุข ไปที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนฯ ปรากฎว่าทางวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนฯได้จัดผ้าสบง จีวรและสังฆาฏิใส่ให้หลวงพ่อวัน อุตตโม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงนำจีวรและสังฆาฏิกลับมาที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม และเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์วัน อุตตโม จนทุกวันนี้ นับได้ว่า หลวงพ่อเสือ กันตสาโร เป็นพระอุปัฏฐากหลวงพ่อวัน อุตตโม เป็นองค์สุดท้าย

ครั้งนั้นสรีระสังขารหลวงพ่อวัน อุตตโม ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ ๗ วัน จึงนำมาบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระอิสริยยศ ในขณะนั้น) ก็เสด็จมาที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม และทรงเรียกหาพระอุปัฏฐากหลวงพ่อวัน อุตตโม พระอุปัฏฐากองค์สุดท้ายไปพบที่กุฎิหลวงพ่อวัน

หลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร ไปถึงกุฎิหลวงพ่อวัน อุตตโม ตอนถวายจังหัน โดยอาจารย์ทองสุข สุขธมโม อธิบายพระราชินีว่า พระอุปัฏฐากองค์ก่อนขึ้นไปเชียงราย องค์นี้จึงเป็นพระอุปัฎฐากองค์องค์สุดท้ายของหลวงพ่อวัน อุตตโม โดยอุปัฏฐากมาประมาณ 2 เดือนสุดท้าย 

ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระอิสริยยศ ในขณะนั้น) ทรงจัดดอกไม้ ทรงตรัสถามหลวงพ่อเสือว่า : “ อยากทราบคำหลวงพ่อวัน ครั้งสุดท้ายก่อนจะออกเดินทาง ว่าท่านกล่าวว่าอะไร ” 
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า : “ ท่านให้เปลี่ยนผ้าใหม่ หลวงพ่อวันว่าไปครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา จะเข้าวังต้องใช้ผ้าใหม่ โดยหลวงพ่อวันอธิษฐานผ้าโดยเปลี่ยน ผ้าสังฆาฏิและผ้าจีวรเท่านั้น ผ้าจีวรท่านครองไปเลย แต่ผ้าสังฆาฏิเอาไว้ในบาตร “ 
พระราชินีทรงตรัสถามต่อว่า : “ อยู่กับหลวงพ่อวัน มีความสุขดีไหม “
หลวงพ่อเสือถวายพระพรว่า “ สุขดี “ 
และพระราชินีก็ทรงตรัสกับพระอาจารย์ทองสุขต่อ…….

• ในช่วงประมาณระหว่างพรรษาที่ ๑ ถึง พรรษาที่ ๒๐ นั้น หลวงพ่อเสือท่านจำพรรษาปีละวัดไป โดยหลังจากออกพรรษาท่านก็จะธุดงค์ไปทางจังหวัดทางภาคเหนือโดยตลอด

• ต่อมาได้มาจำพรรษาที่วัดป่าสิลารัตน์ สกลนคร ครั้งแรกเนื่องจากชาวหมู่บ้านโนนสวาง มาหาหลวงปู่หลอ นาถกโร ที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม เพื่อมาขอให้ท่านช่วยหาพระเพื่อไปจำพรรษาที่วัดป่าสิลารัตน์ บ้านโนนสวาง สกลนคร พร้อมพระอีก ๕ รูป มีหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นญาติกัน ได้ไปจำพรรษาและมรณภาพที่วัดป่าสิลารัตน์ 

อยู่ได้ไม่นาน หลวงพ่อเสือก็ออกธุดงค์อีกครั้ง โดยคิดว่า “ ไปก็สงสารญาติ ไม่ไปก็สงสารตัวเอง “ 

ได้ธุดงค์ไปที่ถ้ำขาม หนองผือนาใน วัดหลวงปู่มั่น ซึ่งขณะนั้นไม่มีพระ อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่สอน ท่านก็ไม่ให้ไปไหน ท่านบอกให้อยู่รอเผาศพท่านก่อน แต่ก็ไม่ได้อยู่ ธุดงค์ไปต่อกับพระอาจารย์จุ้ย อาจารย์เพ็ง ไปกราบลาหลวงปู่สอน ท่านก็ร้องไห้ บอกว่า “ ถ้าผมตาย ให้กลับมาเผาผมเด้อ “ 

ต่อมาไปจำพรรษาที่บ้านโกลก อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลวงพ่อเสือภาวนาได้ดีมาก เลยเขียนจดหมายไปเล่าให้หลวงปู่หลอ นาถกโร ทราบ ท่านก็ตามให้กลับมาที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมอีกครั้ง

ต่อมาได้ธุดงค์ไปที่บ้านโล๊ะโค๊ะ ติดกับพม่า โดยกองทัพแห่งชาติปะโอนิมนต์หลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร เข้าไปอยู่กับกองทัพแห่งชาติปะโอในเขตพม่า ไม่นานกองทัพแห่งชาติปะโอทำการรบกับทหารพม่า และเกรงว่าหลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร จะเป็นอันตราย จึงส่งกลับไทย

ต่อมาไปพำนักที่สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนั้นมีหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร (ล่าสุดเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ ขณะนั้นยังไม่ได้สร้างวัดป่าหมู่ใหม่) พาไป เพื่อไปงานพระญาณสิทธาจารย์ (สิม พุทธาจาโร)

ต่อมาไปกาญจนบุรี พำนักที่วัดเวฬุวัน อยู่กับหลวงปู่สาคร ธมฺมาวุโธ ไม่นาน ก็เดินทางไปทางตะวันออก ไปที่เกาะหมาก ก็คิดถึงถ้ำพวง ที่พระดี อากาศดี หมู่คณะดี จึงกลับมาจำพรรษาที่ถ้ำพวง (บนเขา) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม 

พอออกพรรษา ในปี พ.ศ.๒๕๓๙ โยมที่วัดป่าสิลารัตน์ สร้างกุฎิ ต้องการพระมาจำพรรษา จึงพำนักอยู่ที่วัดป่าสิลารัตน์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา (วัดป่าสิลารัตน์ ตั้งอยู่ห่างจากวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ประมาณ ๑๑ กิโลเมตร) 

ต่อมาได้ไปจำพรรษาที่ที่พักสงฆ์วัดอุทุมพรดอนมะเดื่อ ตำบลลำพญากลาง อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 1 พรรษา

ต่อมาไปอุปัฏฐากหลวงปู่จันทา ถาวโร ที่วัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร ได้หลายเดือนในหน้าแล้ง แต่ไม่ได้จำพรรษา เพราะหลวงปู่หลอ นาถกโร ตามให้กลับไปจำพรรษาที่วัดโชติการาม บ้านบัว อำเภอส่องดาว สกลนคร

ปีต่อมาจำพรรษาที่วัดป่าสิลารัตน์เรื่อยมา ได้ประมาณ ๒๐ ปีกว่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (พรรษา ๔๖)

🔸การปกครอง
• วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๔ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดสิลารัตน์ ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

🔸ครูอาจารย์
🙏องค์ที่ ๑ หลวงพ่อวัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร
หลวงปู่เสือ ท่านปรารภ ให้ฟังว่า………..หลวงพ่อวัน จะพักผ่อนก็ไม่ได้พักผ่อนเพราะเขา(ญาติโยม) มารอเต็ม หลวงปู่(หลวงปู่เสือ) เป็นพระอุปัฏฐากท่าน หลวงปู่เห็นแล้ว หลวงปู่ก็เหนื่อยแทน เขามาหาท่าน(หลวงพ่อวัน อุตตโม) 

หลวงปู่ ก็ไม่ได้พักเหมือนกันนะ ต้องรอนั่งเฝ้าอยู่กับท่านอย่างนั้นล่ะ เวลาแขกหนีแล้ว ท่านก็ให้จับเส้นให้ หลวงปู่ก็เข้าไปนวด ท่านก็ว่า 

"อย่างนี้ล่ะเสือ มันดัง มันไม่ดี ไม่มีประโยชน์ดอก ปัจจัยเงินทองได้มา ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับพระ มันมีประโยชน์สำหรับโยม สำหรับพระ มันไม่มีความหมาย ก็แค่นั้นล่ะ" 

ท่านว่า ดังมันไม่ดี แล้วก็เลยบอกท่าน ว่า 

"ผมก็ไม่อยากดังหรอกหลวงพ่อ ไม่อยากให้ใครรู้จัก" 

"สาธุเด้อ เสือเด้อ ไม่ต้องให้ใครรู้จัก ไม่ดีหรอก อยู่แบบสุขสำราญ สำราญคนเดียวแบบนั้น ตามอัธยาศัยของเรา แบบนั้นสุขกว่า" 

อันนี้มันไม่ได้ตามอัธยาศัยเด๊ คนนั้นก็มามุง คนนี้ก็มามุง กลับมาถึงวัดแทนที่จะได้พัก คนก็มารออยู่แล้ว ก็เป็นแบบนั้น เหนื่อย เหนื่อยจนถึงวันตาย

พระอาจารย์วัน อุตตโม 
(Cr : พร โชติอนันต์...บันทึกและถอดเนื้อธรรม)

🙏องค์ที่ ๒ หลวงปู่สอน 
🙏องค์ที่ ๓ หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร
🙏องค์ที่ ๔ หลวงปู่ทูล ขิปปปัญโญ วัดป่าบ้านค้อ ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
🙏องค์ที่ ๕ หลวงปู่ก้าน จิตฺตธมฺโม วัดถ้ำเป็ด อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
🙏องค์ที่ ๖ หลวงปู่สาคร ธมฺมาวุโธ วัดเวฬุวัน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

🔸สาธารณประโยชน์
• สร้างอาคาร ๒ อาคาร ให้โรงพยาบาลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร พร้อมเครื่องมือแพทย์
• หลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร ท่านเป็นพระสมถะ เรียบง่าย และช่วยเหลืองานด้านสาธารณประโยชน์ด้านอื่น ๆ ตลอดมา เป็นที่ทราบกันดีในหมู่พระป่าสายกรรมฐาน

🔸ปัจจุบัน หลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร เป็นเจ้าอาวาสวัดสิลารัตน์ ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร อายุวัฒนมงคลครบ ๗๐ปี (๙ กันยายน ๒๕๖๖) พรรษา ๔๖

🔸หมายเหตุ
• เขียนตามคำบอกเล่าจากหลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร
• ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๖ ขอขอบคุณผู้เขียน
• ภาพ :ถ่ายหน้ากุฏิกุฎิหลวงพ่อเสือ กนฺตสาโร วัดสิลารัตน์ ถ่ายเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖
• ถ่ายภาพ : นัฐกิตติ์ กะตะนารี

( อันนี้ เป็นประวัติโดยสังเขป ขององค์หลวงปู่ )
------
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณที่มา FB page พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวประวัติ ปฏิปาพระอาจารย์อัครเดช (พระอาจารย์ตั๋น) ถิรจิตฺโต วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

ประวัติหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย บ.หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

หางานในกรุงเทพ ตกงาน หรือว่างงาน มา Samco