ชีวประวัติ ปฏิปทาหลวงปู่เผย วิริโย วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เผย วิริโย ๏
วันนี้วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่เผย วิริโย รำลึก ๖ ปี อาจาริยบูชาคุณ "พระอริยสงฆ์ผู้ถึงพร้อมด้วยความพากเพียร" แห่งวัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่เผย วิริโย ท่านถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๔ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะแม ที่จ.เลย ท่านเป็นบุตรของนายจุ่น ดวงศรี กับนางฟอง ดวงศรี มีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน หวงปู่เผย เป็นลูกคนสุดท้อง ท่านมีอาชีพเป็นชาวไร่ มีนิสัยจิตใจฝักใฝ่ในการปฏิบัติธรรมอยู่ไม่น้อย วันหนึ่งท่านได้เดินทางไปฟังธรรมของหลวงปู่คำดี ปภาโส ก่อให้เกิดศรัทธา ภายหลังจึงมาถือเป็นผ้าขาว ศึกษาข้อวัตร กิจวัตร และท่องบทขานนาค จนคล่องแล้ว จึงได้บวชเป็นพระภิกษุในเวลาต่อมา
หลวงปู่เผย เล่าว่า.. “ก็คิดดูแล้วว่าความเป็นอยู่ของเราเป็นคนอาภัพตั้งแต่เด็ก เกือบแล้วเกือบไม่ได้มาเป็นอย่างนี้ มันก็คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าหลวงปู่คำดี ไม่ได้มาโปรดแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไร บังเอิญมีสิ่งดลบันดาลให้ท่านมา ความจริงเรื่องทำสมาธิมีความตั้งใจตั้งแต่เป็นโยมมาแล้ว ตั้งแต่ไปทำไร่ที่ภูเขา ก็ได้นิมิตต่าง ๆ มาเหมือนกัน โดยมันเกิดขึ้นมาเอง พอได้ยินได้ฟังเทศน์ของหลวงปู่คำดีท่าน ก็เกิดศรัทธา แต่นิสัยคนพาลก็มีอยู่ นิสัยเดิม ๆ ก็มีอยู่ ตั้งแต่อดีตชาติก็มี แต่ก็ไม่ได้เอามาคิด เราดูปัจจุบันนี้ ดูผลการกระทำในปัจจุบันเท่านั้น เอาอันนี้มาตัดบท..”
ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๙ เวลา ๑๔.๐๕ น. ณ วัดศรีสุทธาวาส ต.เมือง จ.เลย โดยมีพระอดิสัยคุณาธาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาทางพุทธศาสนาว่า “วิริโย” อันมีความหมายว่า “ผู้มีความพากเพียร”
เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็เคร่งครัดตามคำสั่งคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ไม่เคยดันทุรัง ดื้อรั้น เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน คอยรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านมีความเคารพศรัทธาต่อองค์หลวงปู่คำดีมาก ถือเอาปฏิปทาของหลวงปู่คำดี เป็นแบบอย่าง ท่านมีอุปนิสัยสันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก สนใจแต่การทำความสงบภายในจิตใจของท่านเองเท่านั้น
หลังจากที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ตามที่ได้ตัดสินใจแล้วนั้น ก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างเคร่งครัด ท่านไม่เคยดันทุรัง ดื้อรั้น เป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจเบิกบาน มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งใดแล้วจะต้องทำการงานนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปจนได้ และไม่ทำให้พ่อแม่ครูอาจารย์หนักใจแต่ประการใด จะว่าไปท่านเป็นคนที่เชื่อและศรัทธาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นอย่างมาก เป็นคนที่หวังดีต่อตนเองอย่างแท้จริง อุปนิสัยอีกอย่างหนึ่งของท่านก็คือท่านเป็นคนที่ชอบฟังหมอลำ โดยเฉพาะหมอลำที่เป็นชาดกต่างๆ ท่านจะชอบฟังมาก ในขณะที่ท่านเป็น ภันเตภิกษุ ท่านเองก็ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนจากหลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านได้อยู่กับหลวงปู่คำดีตั้งแต่วันแรกที่ท่านบวช จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่หลวงปู่คำดี ท่านนิพพานไป แม้ว่าหลวงปู่คำดีไปที่ไหน ท่านเองก็มักจะได้ติดตามไปเสมอ จะมีก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ท่านไปอยู่ วัดป่าห้วยกระทิง จ.ราชบุรี ราวปี พ.ศ.๒๕๑๑ เท่านั้น
ขณะที่ศึกษาพระธรรม ท่านเองก็ได้ปรนนิบัติพ่อแม่ครูอาจารย์ รวมทั้งได้หัดเย็บจีวร สังฆาฏิไปด้วย ทั้งๆ ที่ท่านก็ไม่เคยทำมาก่อนโดยใช้ความเพียรศึกษาด้วยตนเอง ทำได้สำเร็จ หลวงปู่เล่าว่าเริ่มต้นท่านก็หัดเย็บจักรก่อน โดยจักรที่ได้มาก็มีคนนำมาถวาย ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าของมีอาชีพเย็บผ้า เพราะเขาตั้งเนื้อตั้งตัวได้เขาก็นำจักรเก่ามาถวายวัดบ้าง หลังจากที่ท่านเย็บจักรเป็นแล้ว นั่นก็หัดเย็บสบงเป็นอย่างแรก หลังจากนั้นก็หัดเย็บจีวร ที่ทำยากที่สุดก็คือ สังฆาฏิ ท่านก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร คิดหาวิธีจะเย็บก็คิดไม่ออก ว่าจะเย็บอย่างไรดี จนวันหนึ่งท่านมองไปเห็นผ้าม่าน ช่างจึงได้เอาผ้าม่านนั่นเองมาเป็นแบบและก็ทำได้สำเร็จ ท่านก็ได้เย็บสังฆาฏิถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยว่าจะเป็นหลวงปู่คำดี ปภาโส และหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น
ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านไปในถิ่นทุรกันดาร การอยู่การฉันก็ไม่สะดวกเท่าไรนัก มีเพียงข้าวเปล่าเท่านั้น บางครั้งก็มีพริกป่น พริกแห้งเอามาเผาไฟผสมกับน้ำอุ่นๆ คลุกกับข้าวแล้วก็ฉัน มันก็อิ่ม แล้วก็ไม่รู้สึกหิวอีกเลยตลอดทั้งวัน อาหารนี้ก็เป็นอุปสรรคในการทำความพากความเพียรอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าฉันมากๆ ก็ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียได้เหมือนกัน หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ก็ไม่อยากเข้าทางจงกรม ก็ไม่อยากนั่งสมาธิ ท่านจึงบอกว่าการขบฉัน การบริโภคอาหารให้มีโภชเนมัชตันยุตาคือให้รู้จักบริโภคอาหารแต่พอควรเท่านั้น
หลวงปู่เผย วิริโย ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่ต่อจากหลวงพ่อสีทน สีลธโรเรื่อยมาจนมรณภาพ ท่านละสังขารลงอย่างสงบตรงกับวันพุธที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ เมื่อเวลา ๑๗.๑๙ น. ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ สิริอายุ ๘๖ ปี ๗ เดือน พรรษา ๖๒
“..คนทุกวันนี้ ไม่รู้จักหลบจักหลีก หาแต่สมบัติภายนอก ไม่ยอมหาสมบัติภายใน มาใส่จิตใส่ใจของตนเอง..” โอวาทธรรมหลวงปู่เผย วิริโย
“ความอิจฉาริษยา ความโกรธความเกลียดนั้น เคยมีอยู่ในครั้งก่อน แต่บัดนี้ตอนนี้จิตใจของเรามันอยู่เฉยๆ ไม่รู้สึกอะไรแล้ว” โอวาทธรรมหลวงปู่เผย วิริโย
คัดลอกจากหนังสือ ชีวประวัติ แลมอง ส่องธรรม หลวงปู่เผย วิริโย
-----
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
กราบขอบพระคุณที่มา และอนุโมทนาบุญFB page พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น