หลวงปู่จันทา กนฺตธมฺโม วัดป่าโนนสะอาด อ.ส่องดาว จ.เชียงใหม่
วันนี้วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่จันทา กันตธัมโม รำลึก ๑๓ ปี อาจาริยบูชาคุณ พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแห่งวัดป่าโนนสะอาด อ.ส่องดาว จ.สกลนคร หลวงปู่จันทา กนฺตธมฺโม (พระครูกันตธรรมคุณ) นามเดิมชื่อ จันทา นามสุกล พิมพาเลีย เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๐) ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีจอ ณ บ้านสว่างใหญ่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ท่านเป็นบุตรของนายหมี และนางน้อย รัตนวงศ์ ชีวิตในปฐมวัย ท่านได้ติดตามบิดา-มารดา ซึ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านหนองหลวง อําเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ตั้งแต่เยาว์วัย และเมื่ออายุครบเกณฑ์ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนหนองหลวงวัฒนานุกูล (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนหนองหลวงวิทยานุกูล) โดยพักอาศัยอยู่กับน้าชายคือ นายบุญ รัตนวงศ์ ประมาณ ๗ ปี เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสโมสรประชาสามัคคี บ้านหนองหลวง เป็นเวลา ๑ ปี โดยมี พระครุศรีธรรมวิภาต เป็นพระอุปัชฌาย์ และสอบไล่ได้นักธรรม ชั้นตรีในปีนั้น ต่อมาได้ลาสิกขาบทออกไปช่วยเหลือบิดามารดาทําไร่ ทํานา
จนเมื่ออายุได้ ๒๔ ปี จึงได้เข้ารับการบรรพชา-อุปสมบท เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑ ที่วัดประชานิยม บ้านหนองหลวง อําเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นปีที่ฉลองโบสถ์วัดประชานิยม โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวิบูลธรรมภาณ (ทองทิพย์ อภิวัณโณ) วัดศรีโพนเมือง อําเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระพิศาลศาสนกิจ (สนธิ์ ขนฺตยาคโม) วัดสุทธิมงคล อ.พรรณานิคม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กนฺตธมฺโม” แปลว่า “ผู้มีธรรมเป็นที่พอใจ”
เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมในสํานักครูบาอาจารย์ต่างๆ อาทิ หลวงปู่พร สุมโน หลวงปู่บุญ ชินวํโส พระอาจารย์วัน อุตฺตโม หลวงปู่บุญมี สิริธโร หลวงปู่สรวง สิริปุญฺโญ หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร
สถานที่เคยอยู่จำพรรษา
พ.ศ.๒๕๐๑ - ๒๕๐๔ จำพรรษาที่ วัดบูรพาราม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พ.ศ.๒๕๐๕ - ๒๕๐๖ ท่านธุดงค์ไปกับหลวงปู่สรวง สิริปุญฺโญ ที่ อ.คําชะอี จ.มุกดาหาร
พ.ศ.๒๕๐๗ - ๒๕๐๘ จำพรรษาที่ วัดประชานิยม ร่วมกับหลวงปู่พร สุมโน, พระราชญาณมุนี, หลวงปู่พันธ์, หลวงปู่ก้าน จิตฺตธมฺโม, หลวงปู่วงศ์ สุภาจาโร, หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ, หลวงปู่เพียร วิริโย เป็นอาทิ
พ.ศ.๒๕๐๘ - ๒๕๒๕ ได้รับนิมนต์จากญาติโยม บ้านส่องดาวให้ไปเป็นประธานใน การก่อสร้างวัดโนนสะอาด
พ.ศ.๒๕๒๖ จำพรรษากับหลวงปู่บุญมี สิริธโร วัดป่าภูดิน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี (ภายหลังเปลี่ยนเป็นชื่อวัดป่าภูทอง-วัดหลวงปู่คูณ สุเมโธ)
พ.ศ.๒๕๒๗ - ๒๕๓๕ จำพรรษาที่ วัดป่าโนนสะอาด
พ.ศ.๒๕๓๖ จำพรรษาที่ วัดป่าห้วยลาด อ.ภูเรือ จ.เลย
พ.ศ.๒๕๓๗ - ๒๕๕๔ จำพรรษา ณ วัดป่าโนนสะอาด อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เรื่อยมาจวบจนมรณภาพ
อาการอาพาธและมรณภาพ
โดยปกติหลวงปู่มีโรคประจําตัวคือโรคความดันโลหิตต่ำ ก่อนจะมรณภาพท่านไม่มีอาการผิดปกติ ยังคงปฏิบัติกิจวัตร เช่น ออกบิณฑบาต ปัดกวาดลานวัด และอื่นๆ ตามปกติ เมื่อเช้าวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๔ พระลูกวัดได้ออกมารอที่หน้ากุฏิท่าน เพื่อรอท่านออกบิณฑบาตแต่ไม่เห็นท่านออกมา จึงได้ไปบิณฑบาตก่อน เมื่อกลับมาแล้วจึงได้มานิมนต์หลวงปู่ไปฉันภัตตาหารที่ศาลาการเปรียญ เรียกท่าน แต่เงียบไม่มีเสียงตอบออกมาจากกุฏิ จึงส่องดูทางหน้าต่าง เห็นท่านจําวัดโดยหันศีรษะไปทางเท้า จึงได้บอกให้โยมงัดกุฏิเข้าไปดู เห็นหลวงปู่นอนแน่นิ่ง จึงช่วยกันนําส่งโรงพยาบาลส่องดาว แพทย์ตรวจแล้ว พบว่าหลวงปู่ได้ถึงแก่มรณภาพก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลแล้ว จึงได้นําสรีระของท่านกลับมาวัดโนนสะอาด
สิริอายุรวมได้ ๗๐ ปี ๑ เดือน ๒๑ วัน ๕๓ พรรษา
"..วาจาบ่ได้ไปป้อยไปว่าให้ใคร มันก็เป็นธรรมแล้ว ครั้นวาจาไปด่าว่า ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ธรรมอยู่ในใจของใครของมัน มันบ่ได้อยู่ที่อื่น ครั้น เวลาล่มเวลาตายก็มีผู้หามไปป่าให้ใครรักษาใจ ใครมันก็เป็นธรรม มีหมู่มีเห็นกันก็ เพื่อน ไปกินทานไปหามกันไปป่า ทําบุญทําทานไปเรื่อยๆ ใจชื่นตาบาน บ่ได้หน้าเศร้าหมอง มีห้าก็ทานห้า มีสิบก็ ทานสิบ มีร้อยก็ทานร้อย มันจึงมี เราสร้างทางไปสวรรค์ ใครสร้างก็เป็นสมบัติของคนนั้น อนาคตไปเรื่อยๆ มีหูไว้หู มีตาไว้ตา มีจมูกก็ไว้จมูก ทางจางปางนั้นเอง เรื่องของจิตใจหัวใจรับทั้งดีทั้งชั่ว ถ้า จิตใจมีธรรมอยู่แล้วก็เป็นอันว่าผู้นั้นรักษาธรรมะอยู่ในใจ ไม่ได้อยู่ที่อื่น มันสามัคคีกัน ทั้งหู ทั้งตา ทั้งใจ มันก็เป็นธรรมะได้ ผู้ไม่มีธรรมะก็ป้อยก็ด่าว่าจักหาจักผี ไปนํากันเที่ยวทางนํากัน ธรรมะ ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่แล้ว ต้องพิจารณาในตัวของเราจึงจะประสบผลสําเร็จ นกหนูปูปีกก็ไปตามกรรมของเขาเอง บินอยู่ตามป่าตามเขาตามอากาศ นั้นหลักของธรรมะ เผิ่นฟังภาวนา ภาษาลิงก็หาน้ำผึ้งมาถวาย ช้างก็หาน้ำมาถวายให้แก่พระพุทธเจ้า ถึงเขาจะเป็นสัตว์เขาก็มีจิตใจสูงส่ง ไม่เหมือนคนบางคน ไม่เคยทําบุญให้ทานเลย นี่เพราะไม่เคยทําให้เป็นปัจจัยเอาไว้แต่อดีตแต่ชาติปางก่อน มาในชาติปัจจุบันนั้นก็เลยทุกข์ยากเข็ญใจเพราะไม่ได้สร้างกุศลกรรมเอาไว้ในชาติที่ตนเกิดเป็นมนุษย์ เพราะไม่มีศรัทธา ๑ ไม่เชื่อบุญเชื่อบาป ๑ เป็นคนที่เกิดในตระกูลมิจฉาทิฐิ ๑ ไม่ทําความเห็นให้ถูกต้องตามธรรมของพระพุทธเจ้า ๑
นี้เรื่องของธรรมะ ฟังได้ก็ฟัง ไม่ได้ก็ให้เอาใจใส่ ไปคิดพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล เอวังฯ .."
โอวาทธรรมของหลวงปู่จันทา กนฺตธมโม
--------
ท่องเที่ยวธรรม ขอนอบน้อมพระอริสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า
ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญที่มาFB page สิทธิชัย รักภักดี
อนุโมทนาบุญกุศลจากการอ่าน
สวัสดี.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น